เพื่อนบ้านคงงงเมื่อมองออกนอกหน้าต่างมาเห็นฉันวันหนึ่งในฤดูหนาว ฉันถือพลั่วฟาดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ในร่องน้ำหัวมุมถนนหน้าบ้านอย่างโกรธเกรี้ยว ทุกครั้งที่ฟาด ฉันอธิษฐานคล้ายๆ กันว่า “ฉันทำไม่ได้” “จะให้ฉันทำนี่ด้วยหรือ” “ฉันทำไม่ไหวแล้ว” ฉันเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยและมีงานมากมาย และยังต้องจัดการก้อนน้ำแข็งนี่อีก ฉันไม่ทนแล้ว

ความไม่พอใจของฉันมาจากคำโกหกที่ว่า “ฉันสมควรพบเจอสิ่งที่ดีกว่านี้” “แค่เชื่อพระเจ้าไม่พอหรอก” “ไม่มีใครใส่ใจฉันอยู่แล้ว” และเมื่อเราเลือกที่จะจมอยู่กับความโกรธ เราก็ติดกับดักความขมขื่น เดินหน้าไม่ได้ และทางแก้ความโกรธมีทางเดียวคือความจริง

ความจริงก็คือ พระเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเราอย่างสาสม แต่กลับประทานพระเมตตาให้ “พระองค์ประเสริฐและทรงพร้อมที่จะประทานอภัย อุดมด้วยความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ร้องทูลพระองค์” (สดุดี 86:5) ความจริงก็คือ มีพระเจ้าก็เกินพอ แม้เราไม่เห็นด้วย พระกำลังของพระองค์เพียงพอ (2 โครินธ์ 12:9) แต่ก่อนที่เราจะมั่นใจเช่นนั้นได้ เราอาจต้องถอย เลิกพยายามด้วยตัวเอง และจับพระหัตถ์พระเยซูที่ยื่นมาหาเราด้วยพระเมตตาและพระคุณ

พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่พอที่จะฟังความโกรธของเรา และทรงรักมากพอที่จะสำแดงให้เห็นทางข้างหน้าในเวลาของพระองค์