รักไร้พรมแดน
ช่วงกบฏนักมวยที่จีนในปี 1900 มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า
หน้าที่ใหม่
เจค็อบ เดวิส เป็นช่างตัดเสื้อที่ประสบปัญหา ศตวรรษที่ 18 เป็นยุคตื่นทองทางตะวันตกของอเมริกา กางเกงสวมทำงานของคนงานเหมืองทองมักขาดอยู่เสมอ เดวิสแก้ปัญหาอย่างไร เขาไปที่บริษัทสิ่งทอของลีวาย เสตราส์ ขอซื้อผ้าทำเต็นท์และตัดกางเกงสวมทำงานด้วยวัสดุที่หนาและทนทาน กางเกงยีนส์จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ปัจจุบันยีนส์เดนิมแบบต่างๆ (รวมทั้งยี่ห้อลีวายส์) เป็นเครื่องแต่งกายแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผ้าทำเต็นท์ได้รับหน้าที่ใหม่
ภูเขาที่ยาก
ยอดเขาจักแฮนเดิล บนเทือกเขาทางตอนเหนือของบ้านเราในรัฐไอดาโฮมีทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ทางเดินไปยังทะเลสาบพาดตามสันเขาที่สูงชันและเปิดโล่งผ่านหินใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ เป็นทางเดินที่ต้องอาศัยความทรหดอย่างมาก
รักด้วยการกระทำ
"คุณมีเสื้อผ้า 2-3 ชิ้นจะให้ฉันช่วยซักไหม” ฉันถามแขกที่มาพักที่บ้านของเราในลอนดอน ตาของเขาเป็นประกายและบอกลูกสาวที่เดินผ่านมาว่า “เอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของลูกมา เอมี่จะซักให้เรา” ฉันยิ้ม และตระหนักว่าความเอื้อเฟื้อของฉันเพิ่มพูนจากเสื้อผ้า 2-3 ชิ้นไปเป็นเสื้อผ้าหลายกอง
ต่อมาขณะกำลังตากผ้าบนราวนอกบ้าน ข้อความจากพระคัมภีร์ที่อ่านเมื่อเช้าแวบเข้ามาในความคิด “จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว” (ฟป.2:3) ฉันกำลังอ่านจดหมายที่เปาโลเขียนถึงชาวฟีลิปปี เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาใช้ชีวิตสมกับการทรงเรียกของพระคริสต์ โดยให้รับใช้และเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น พวกเขากำลังเผชิญการกดขี่ข่มเหง แต่เปาโลต้องการให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ท่านรู้ว่าความสามัคคีที่เกิดจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์และสำแดงออกเป็นการรับใช้กันและกันนั้น จะทำให้พวกเขารักษาความเชื่อไว้ได้อย่างเข้มแข็ง
เราอาจอ้างว่าเรารักผู้อื่นโดยไม่เห็นแก่ตัวหรือถือดี แต่สภาวะที่แท้จริงในใจเราจะไม่ถูกเปิดเผยจนกว่าเราจะสำแดงความรักให้เป็นการกระทำ แม้ฉันถูกทดลองให้พร่ำบ่น แต่ฉันรู้ว่าในฐานะผู้ติดตามพระเยซู พระองค์เรียกให้ฉันรักเพื่อนด้วยการกระทำ และด้วยใจที่ใสสะอาด
ขอให้เราพบวิธีที่จะรับใช้ครอบครัว เพื่อนและเพื่อนบ้าน เพื่อพระเกียรติของพระเจ้า
ทีละระยะ
เราอาจอ่านผ่านกันดารวิถีบทที่ 33 ไปโดยไม่ได้ไตร่ตรอง เพราะดู เหมือนไม่มีอะไรนอกจากรายชื่อสถานที่ต่างๆ ที่อิสราเอลเดินผ่านจากราเมเสสไปถึงทุ่งราบโมอับ แต่ตอนนี้ต้องมีความสำคัญเพราะเป็นตอนเดียวในกันดารวิถีที่ตามด้วยถ้อยคำว่า ”โมเสสได้จด ....ตามพระบัญชาของพระเจ้า” (กันดารวิถี 33:2)
รักที่ไม่สิ้นสุด
เมื่อไม่นานมานี้ การลงจอดของเที่ยวบินหนึ่งมีความขลุกขลักอยู่บ้าง เรากระดอนซ้ายทีขวาทีบนทางวิ่งของเครื่องบิน ผู้โดยสารบางคนรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ความเครียดหมดไปเมื่อเด็กหญิงสองคนด้านหลังผมร้องเชียร์ “เย้ เอาอีก”
เด็กเปิดรับการผจญภัยใหม่ๆ และมองชีวิตอย่างถ่อมใจด้วยตาที่เบิกกว้าง นี่อาจเป็นสิ่งที่พระเยซูนึกถึง เมื่อพระองค์ตรัสว่าเราต้อง “รับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ” (มาระโก 10:15)
ชีวิตมักมีอุปสรรคและความปวดร้าวใจ เยเรมีย์เข้าใจเรื่องนี้ดี ท่านถูกขนานนามว่า “ผู้เผยพระวจนะเจ้าน้ำตา” แต่ท่ามกลางปัญหา พระเจ้าทรงหนุนใจท่านด้วยความจริงอันอัศจรรย์ว่า “ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก” (เพลงคร่ำครวญ 3:22-23)
พระเมตตาสดใหม่ของพระเจ้าเข้ามาสัมผัสชีวิตเราได้ทุกขณะ พระเมตตาอยู่กับเราเสมอ และจะมองเห็นได้เมื่อเราดำเนินชีวิตด้วยความคาดหวังแบบเด็กๆ ด้วยการเฝ้าดูและรอคอยสิ่งซึ่งพระองค์เท่านั้นทำได้ เยเรมีย์รู้ว่าความดีของพระเจ้าไม่ได้ถูกนิยามจากสถานการณ์ปัจจุบันของเราและความสัตย์ซื่อของพระองค์ก็ใหญ่กว่าพื้นที่ขรุขระในชีวิต วันนี้จงมองหาพระเมตตาสดใหม่ของพระเจ้า
ยึดกางเขน
ในปี 1856 ชาร์ลส์ สเปอร์เจียนนักเทศน์ชื่อดังของลอนดอนก่อตั้ง “วิทยาลัยศิษยาภิบาล” ซึ่งภายหลังใช้ชื่อว่า “วิทยาลัยสเปอร์เจียน” เพื่อฝึกฝนผู้รับใช้ในทุกวันนี้ ตราประจำวิทยาลัยเป็นรูปมือจับไม้กางเขนและมีคำภาษาละติน Et Teneo, Et Teneor ซึ่งแปลว่า “ข้าพเจ้าฉวยและถูกฉวย” สเปอร์เจียนเขียนในอัตชีวประวัติว่า “นี่คือคำขวัญของวิทยาลัย...จงฉวยกางเขนพระคริสต์ด้วยมืออันหาญกล้า...เพราะกางเขนนั้นฉวยเราไว้มั่นด้วยฤทธิ์อำนาจทรงพลัง ความปรารถนาของเราคือให้ทุกคนยึดความจริงและถูกความจริงยึดมั่นไว้ โดยเฉพาะความจริงเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึง”
ขว้างหิน
เมื่อกลุ่มผู้นำศาสนาพาหญิงซึ่งมีความผิดฐานล่วงประเวณีมาหาพระเยซู พวกเขาหารู้ไม่ว่ากำลังพาเธอให้เข้าไปใกล้พระคุณ พวกเขาหวังจะทำให้พระองค์เสื่อมเสีย หากพระองค์ทรงบอกให้ปล่อยหญิงคนนี้ไป พวกเขาก็จะบอกว่าพระองค์ละเมิดกฎหมายของโมเสส แต่หากพระองค์ทรงตัดสินว่าเธอต้องตาย ฝูงชนซึ่งติดตามพระองค์ก็จะเลิกสนใจคำสอนของพระองค์เรื่องความเมตตาและพระคุณ
สิ่งสำคัญที่สุด
ขณะที่อัครทูตยอห์นอายุมากขึ้น คำสอนของท่านเจาะจงมากขึ้น ในจดหมายฝากทั้งสามฉบับของท่าน มุ่งเน้นแต่เรื่องความรักของพระเจ้า ในหนังสือชื่อ รู้จักรักแท้ของพระเจ้า ปีเตอร์ ครีฟท์ อ้างเรื่องเล่าเกี่ยวกับศิษย์คนหนึ่งของยอห์นที่บ่นขึ้นว่า “ทำไมท่านไม่พูดเรื่องอื่นบ้าง” ยอห์นตอบว่า “เพราะว่าไม่มีเรื่องอื่นน่ะสิ”