นักเทศน์ชาวอังกฤษ ชาร์ลส์ เอ็ช สเปอร์เจียน (1834-1892) ใช้ชีวิตแบบ “เต็มร้อย” ท่านเป็นศิษยาภิบาลตอนอายุสิบเก้า ต่อมาไม่นานท่านได้เทศนากับฝูงชน ท่านเรียบเรียงทุกคำเทศนาด้วยตัวเอง ซึ่งในภายหลังรวมเป็นหนังสือได้ 63 เล่ม ท่านเขียนหนังสือคำอธิบายพระคัมภีร์ หนังสือเรื่องการอธิษฐานและงานอื่นมากมาย ปกติแล้วท่านอ่านหนังสือหกเล่มต่อสัปดาห์! หนึ่งในคำเทศนาของท่าน กล่าวว่า “ความบาปของการไม่ทำอะไรเป็นบาปที่ใหญ่ที่สุด เพราะมันเกี่ยวข้องกับความบาปส่วนใหญ่…ความนิ่งเฉยที่เลวร้าย! ขอพระเจ้าช่วยเราด้วย!”

ชาร์ลส์ สเปอร์เจียนใช้ชีวิตด้วยความอุตสาหะ ท่าน “อุตส่าห์จนสุดกำลัง” (2 ปต.1:5) เพื่อจะเติบโตในพระคุณพระเจ้าและอยู่เพื่อพระองค์ ถ้าเราเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ พระเจ้าทรงสามารถปลูกฝังความต้องการและความสามารถที่เราจะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นได้ เพื่อ “อุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม…เอาขันตีเพิ่มความเหนี่ยวรั้งตน…และเอาธรรมเพิ่มขันตี” (ข้อ 5-7)

เราแต่ละคนมีแรงจูงใจ ความสามารถ และระดับพลังงานแตกต่างกัน ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถหรือควรใช้ชีวิตอย่างชาร์ลส์ สเปอร์เจียน แต่เมื่อเราเข้าใจทุกอย่างที่พระเยซูทรงทำเพื่อเรา เราก็มีแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะใช้ชีวิตอย่างอุตสาหะและสัตย์ซื่อ และเราได้รับกำลังผ่านสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ในการดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์และรับใช้พระองค์ โดยทางพระวิญญาณพระเจ้าทรงเสริมกำลังในความพยายามของเราที่จะทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ให้สำเร็จ