ภรรยาเดินเข้ามาเห็นผมกำลังยื่นหน้าเข้าไปในตู้นาฬิกาโบราณ “ทำอะไรอยู่” เธอถาม ผมตอบอายๆ พร้อมปิดประตูตู้ว่า “นาฬิกานี้กลิ่นเหมือนบ้านพ่อแม่ผมเลย คุณอาจจะพูดว่าเหมือนผมได้กลับไปบ้านครู่หนึ่งก็ได้”
กลิ่นมีพลังปลุกความทรงจำเก่าๆ ได้ เราย้ายนาฬิกาเรือนนั้นข้ามประเทศจากบ้านพ่อแม่ผมมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่กลิ่นไม้ข้างในยังคงทำให้ผมหวนกลับไปในวัยเด็ก
ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูพูดถึงคนที่ปรารถนาจะกลับบ้านในอีกแบบหนึ่ง แทนที่จะมองย้อนกลับไป พวกเขามองไปข้างหน้ายังบ้านในสวรรค์ด้วยความเชื่อ แม้สิ่งที่พวกเขาหวัง ดูจะอยู่ไกลแสนไกล แต่พวกเขาก็วางใจว่าพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อจะทรงรักษาพระสัญญาที่จะนำพวกเขาไปยังที่ซึ่งจะได้อยู่กับพระองค์ตลอดไป (ฮบ.11:13-16)
ฟีลิปปี 3:20 เตือนเราว่า “บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์” และเราต้อง “รอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้า” การตั้งตารอคอยพระเยซูและรับทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ผ่านทางพระองค์ จะช่วยให้เราจดจ่อถูกที่ ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันก็ไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า
ธีรพล ตุลสงวน เมื่อ 22/11/2016 ที่ 10:07 pm
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เราลืมตาขึ้นดูโลกใบนี้ ชีวิตของคนเราก็เริ่มนับถอยหลังไปสู่ความตายเข้าไปทุกลมหายใจ โดยไม่มีใครรู้ว่า ชะตากรรมของตนเองจะอยู่บนโลกนี้ กี่วัน กี่เดือน อีกปี หลายคนไม่รู้ว่า คนเราเกิดมาทำไม อยู่ไปทำไม และตายแล้วจะไปไหนกัน ชีวิตของคนเราเหมือนกับอยู่ในวงจรตายตัว คือ เกิดมาให้พ่อแม่เลี้ยงดูซัก 4-5 ปี ก็เข้าโรงเรียน เรียนจนถึงอายุ 20 กว่าปี จบแล้วก็ออกมาทำงานซักพัก แต่งงานมีครอบครัวมีลูกหลาน แล้วตาย ชีวิตเรามีแค่นี้จริงๆ วาระสุดท้ายของชีวิตของหลายคนเจอแต่ความว่างเปล่า ชีวิตของคนจำนวนมาก ถูกผีมารซาตานเทพต่างๆภูตผีปีศาจล่อหลอก หลอกลวงเอา ด้วยทรัพย์สินสิ่งของเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ ลาภยศสรรเสริญ แสงสีเสียง ด้วยการชิงดีชิงเด่น ด้วยกิเลสราคะตัณหา อิจฉาริษยาตาร้อน เอาเป็นเอาตายกันเป็นบ้าเป็นหลังกัน ซาตานชอบใช้คำพูดที่ว่า ถ้าเราไม่ทำ ใครจะมาให้เรากิน ก็ทำไป ทำไป จนงัวหัวไม่ขึนจนถึงวันตายมาถึงปรากฏว่าไมสามารถเอาอะไรไปได้สักอย่าง ไม่ว่าคุณจะรวยปานใดหรือสูงศักดิ์แค่ไหนพวกเด็กวัยรุ่นถูกหลอกว่า อายุยังน้อย มีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกนานจึงแสวงหาความสำเริงสำราญสนุกสนานแบบสุดเหวี่ยง ลองไปดูป่าช้าสิ หลุมฝังศพ หรือโรงศพมีทุกขนาดเลย และงานศพของทุกศาสนาทุกชาติ ทุกลัทธิ ก็พิธีกรรมส่งวิญญาณ เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้คนตายไปสู่ภพใหม่ ชีวิตหลังความตาย พิธีกงเต็กของคนจีนเห็นได้ชัดมาก มีการเผากระดาษเงิน-ทอง บ้านรถ ของใช้ต่างๆคนรับใช้ไปให้คนตาย แต่มันเป็นเพียงความเชื่อ จินตการของคนเราเท่านั้น แต่ขอกราบแทบพระบาทพระเจ้า ขอขอบพระคุณพระเจ้าอย่างสูงสุด ที่คริสเตียนเรารู้ว่า พระเจ้าทรงให้เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาอยู่เพื่อพระเจ้า เกิดมาเพื่อสรรเสริญ นมัสการพระเจ้า เกิดมาเพื่อจะทำให้สิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้เราทำบางสิ่งบางอย่างหรือหลายๆอย่างให้สำเร็จลงในชีวิตของเรา คริสเเตียนเราไม่ใช่เกิดมาแล้วตายฟรีๆ ชีวิตคริสเตียนจึงเป็นชีวิตที่สูงค่าที่สุด คุ้มค่าที่เกิดมาเป็นลูกของพระเจ้าทั้งที่ อ.เปาโลก็เตือนคริสเตียนว่า
[1ทธ.6:7] เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น
ฟีลิปปี 3:20 เตือนเราว่า “บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์”
[1คร.15:44-49] สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นร่างกาย สิ่งที่เป็นขึ้นมาก็จะเป็นกายวิญญาณ ถ้าร่างกายมี กายวิญญาณก็มีด้วย มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์คนเดิมคืออาดัม จึงเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ แต่อาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นเป็นวิญญาณผู้ประสาทชีวิต แต่ร่างกายซึ่งเกิดก่อนนั้นหาใช่เป็นกายวิญญาณไม่ แต่เป็นร่างกายแล้วภายหลังจึงเกิดมีกายวิญญาณขึ้น มนุษย์เดิมนั้นกำเนิดจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์ที่สองเสด็จมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทุกคนก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์ผู้นั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทุกคนก็เป็นอย่างนั้น และเมื่อเราเกิดมามีลักษณะสมกับมนุษย์ดินแล้ว เราก็จะมีลักษณะสมกับมนุษย์สวรรค์ด้วย ที่สำคัญที่สุดของที่สุดก็คือ [ยน.14:2-3] ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสรับรองและสัญญาด้วยพระองค์เอง เราจึงไว้วางใจได้อย่างไม่มีข้อกังขาเลย ขอกราบขอบพระคุณพระเจ้าอย่างที่สุด