ซีโมนทูลตอบ
ชายชื่อเรฟิวจ์ ราบินดรานาธ เคยทำงานกับเยาวชนในศรีลังกามากว่า 10 ปี เขามักใช้เวลาเล่นด้วย รับฟัง ให้คำปรึกษา และสอนเด็กวัยรุ่นจนดึกดื่น เขาชอบทำงานกับคนหนุ่มสาว แต่อาจท้อใจบ้าง เมื่อเด็กที่ดูจะไปได้ด้วยดีละทิ้งความเชื่อ บางวันเขารู้สึกเหมือนซีโมนเปโตร ในลูกาบทที่ 5
ไปให้ถึงเส้นชัย
ในการแข่งขันโอลิมปิคริโอเกมส์ ปี 2016 นักวิ่งระยะ 5,000 เมตรสองคนได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก ขณะวิ่งไปได้ราว 3,200 เมตร นิกกี้ แฮมบลินจากนิวซีแลนด์ และ แอบบี้ ดิเอโกสติโนนักวิ่งอเมริกัน เกิดวิ่งชนกันและล้มลง แอบบี้ลุกขึ้นเร็วกว่าและเธอหยุดเพื่อช่วยนิกกี้ หลังจากวิ่งต่อไปได้ไม่นาน แอบบี้ก็เริ่มเซ ขาขวาของเธอบาดเจ็บ คราวนี้นิกกี้จึงหยุดวิ่งเพื่อให้กำลังใจแอบบี้ ในที่สุดแอบบี้ก็ไปถึงเส้นชัย โดยมีนิกกี้คอยอยู่ที่เส้นชัยเพื่อสวมกอดเธอ ถือเป็นภาพที่งดงามของการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เริ่มก้าวแรก
ธัม ดาชู รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรบางอย่าง เขาจึงเริ่มไปโบสถ์ที่ลูกสาวไปนมัสการ แต่พ่อลูกไม่เคยไปด้วยกัน สมัยก่อนเขาเคยดุด่าลูก ทำให้ทั้งสองห่างเหินกัน ด้วยเหตุนี้ธัมจึงแอบเข้าไปตอนเริ่มร้องเพลงแล้ว และรีบจากมาทันทีที่การนมัสการสิ้นสุด
คงอยู่ตลอดไป
เพื่อนของฉันที่เพิ่งผ่านปัญหาหลายอย่างเขียนว่า “เมื่อฉันคิดถึงชีวิตนักศึกษาในสี่เทอมที่ผ่านมา หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป”
ไม่ใช่บุคคลนั้น
กษัตริย์ดาวิดเป็นคนร่างแบบ ออกแบบข้าวของเครื่องใช้ สะสมวัสดุจัดเตรียมทุกอย่าง (1 พศด.28:11-19) แต่พระวิหารแห่งแรกที่สร้างในเยรูซาเล็มกลับเป็นที่รู้จักว่าคือ วิหารของซาโลมอน ไม่ใช่ของดาวิด
ความรักที่สมบูรณ์
เธอเสียงสั่นเมื่อเล่าว่าเธอมีปัญหากับลูกสาว เธอกังวลเรื่องเพื่อนๆของลูก ที่ดูน่าสงสัย แม่ผู้ห่วงใยจึงริบโทรศัพท์มือถือและตามไปคุมลูกสาวทุกที่ ทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ลูกแย่ลงเรื่อยๆ
ไม่ขัดสนสิ่งใด
ลองนึกภาพการเดินทางโดยไม่มีกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ไม่มีเงินหรือบัตรเครดิต ฟังดูน่ากลัวและไม่ฉลาด แต่นั่นคือสิ่งที่พระเยซูสั่งสาวก 12 คนเมื่อทรงส่งพวกเขาไปสั่งสอนและรักษาโรคครั้งแรก “ไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว ห้ามมิให้เอาอาหารหรือย่าม หรือหาสตางค์ใส่ไถ้ไป แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว” (มก.6:8-9)
พบชีวิต
คำพูดของพ่อกรีดลึกลงในใจของราวี “แกมันไม่ได้เรื่อง แกทำให้ครอบครัวต้องขายหน้า” เทียบกับพี่น้องที่มีพรสวรรค์ ราวีถูกมองว่าทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย เขาพยายามเอาดีด้านกีฬา และทำได้ดี แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน เขาสงสัยว่า ผมจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมไม่ได้เรื่องจริงๆ หรือ ผมจะหนีจากชีวิตอย่างไม่เจ็บปวดได้ไหม ความคิดเหล่านี้หลอกหลอนเขา แต่เขาไม่เคยบอกใครเลย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำกันในวัฒนธรรมของเขา เขาถูกสอนให้ “เก็บเรื่องปวดใจไว้กับตัว แม้โลกจะพังก็พยุงเอาไว้”
บาดแผลจากเพื่อน
ชาร์ลส์ โลเวอรี่บ่นให้เพื่อนฟังว่าปวดหลัง เขาต้องการคนที่รับฟังอย่างเห็นใจ แต่กลับได้คำประเมินอย่างตรงไปตรงมา เพื่อนเขากล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าปัญหาคืออาการปวดหลัง แต่อยู่ที่พุงต่างหาก พุงนายใหญ่มากจนถ่วงให้หลังเจ็บ”