"เพราะเจ้าอธิษฐาน"
คุณทำอย่างไรเวลากังวล คุณเก็บความกังวลไว้ภายในใจ หรือมอบไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน
เมื่อพระราชาอัสซีเรียที่เหี้ยมโหดกำลังเตรียมจะทำลายเยรูซาเล็ม ทรงส่งสารมาถึงกษัตริย์เฮเซคียาห์ข่มขู่ว่า ยูดาห์ก็ไม่ต่างกับเมืองอื่นที่เคยยึดครองมา เฮเซคียาห์นำความนี้ไปยังนิเวศในกรุงเยรูซาเล็มและ “ทรงคลี่จดหมายนั้นออกต่อพระพักตร์พระเจ้า” (อิสยาห์ 37:14) ท่านอธิษฐานทูลขอให้พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทรงช่วยเหลือ
จากนั้นไม่นาน ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บอกสิ่งที่พระเจ้าตรัสต่อเฮเซคียาห์ว่า “เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย” (อิสยาห์ 37:21-22) พระคัมภีร์ระบุว่า พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเฮเซคียาห์ในคืนนั้น โดยการอัศจรรย์ ทำให้กองทัพของข้าศึกที่อยู่นอกประตูเมืองพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ทันได้ “ยิงลูกธนู” (อิสยาห์ 37:33) เซนนาเคอริบไปจากเยรูซาเล็มโดยไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย
คำสามคำที่พระเจ้าตรัสกับเฮเซคียาห์ก็คือ “เพราะเจ้าอธิษฐาน” เหตุการณ์นี้สอนวิธีที่ดีที่สุดแก่เราในการจัดการกับความกังวล เพราะเฮเซคียาห์หันหาพระเจ้า พระองค์จึงทรงช่วยกู้ท่านและประชาชนของท่าน ดังนั้นเมื่อเราเปลี่ยนความกังวลของเราเป็นการอธิษฐาน เราจะค้นพบว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง
สิ่งดีที่สุดรออยู่ข้างหน้า
วันที่ดีที่สุดของคุณผ่านไปแล้วหรือยังมาไม่ถึง คำตอบและมุมมองชีวิตเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา ตอนอายุยังน้อย เรามองไปข้างหน้า อยากจะเติบโต แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราโหยหาอดีต อยากกลับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง แต่เมื่อเราเดินกับพระเจ้า ไม่ว่าเราจะอายุเท่าใด สิ่งดีที่สุดก็รออยู่ข้างหน้า
ตลอดชีวิตอันยาวนานของโมเสส ท่านได้เห็นการอัศจรรย์มากมายที่พระเจ้าทรงทำ หลายเรื่องเกิดขึ้นตอนที่ท่านไม่หนุ่มแล้ว โมเสสอายุ 80 ปีตอนที่เข้าเฝ้าฟาโรห์และได้เห็นพระเจ้า ทรงไถ่คนของพระองค์จากการเป็นทาสอย่างอัศจรรย์ (อพย.3-13) โมเสสได้เห็นทะเลแยก เห็นมานาจากสวรรค์และได้สนทนากับพระเจ้า “สองต่อสอง” (อพย.14:21; อพย.16:4; อพย.33:11)
โมเสสดำเนินชีวิตด้วยความคาดหวัง รอคอยจะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าจะทรงทำ (ฮบ.11:24-27) ท่านอายุ 120 ปีในบั้นปลายชีวิต แม้ในขณะนั้นท่านก็รู้ว่าชีวิตของท่านกับพระเจ้าเพิ่งจะเริ่มต้น และท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่และความรักของพระเจ้าตลอดนิจนิรันดร์
ไม่ว่าเราจะอายุเท่าใด “พระเจ้าผู้ดำรงเป็นนิตย์เป็นที่อาศัยของท่าน และพระกรนิรันดร์รับรองท่านอยู่” (ฉธบ.33:27) และจะทรงนำเราสู่ความชื่นชมยินดีของพระองค์ทุกๆ วัน
ของขวัญและผู้ให้ของขวัญ
พวงกุญแจนี้เป็นแค่คำ 3 คำร้อยด้วยเชือกผูกรองเท้า ลูกสาวผมให้มาเมื่อเธออายุ 7 ขวบ ตอนนี้สายก็เปื่อยและตัวอักษรก็กะเทาะแล้ว แต่ข้อความที่สื่อไม่เคยเก่าเลย นั่นคือ “หนูรักพ่อ”
ของขวัญที่มีค่าที่สุดมักไม่ได้วัดจากว่ามันคืออะไร แต่ใครเป็นผู้ให้ ถามพ่อแม่คนไหนก็ได้ที่เคยได้ช่อดอกหญ้าจากมือน้อยๆ ของขวัญที่ดีที่สุดวัดค่าด้วยความรักไม่ใช่ด้วยเงิน
เศคาริยาห์เข้าใจเรื่องนี้ เราเห็นได้จากเพลงที่ท่านร้องสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงประทานลูกชายให้ท่านและภรรยาเมื่ออายุมากแล้ว (ลูกา 1:67-79) เศคาริยาห์ยินดีเพราะยอห์นจะเป็นผู้เผยพระวจนะที่ประกาศถึงของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์ทุกคน คือพระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมา “โดยพระทัยเมตตากรุณาแห่งพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา” (ลูกา 1:78) ถ้อยคำเหล่านี้สื่อถึงของขวัญที่ทรงประทานให้ด้วยความรักเพื่อให้ “ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายผู้อยู่ในที่มืดและในเงาแห่งความมรณา” (ลูกา 1:79)
ของขวัญที่ดีที่สุดคือพระทัยเมตตากรุณาของพระเจ้าในการทรงอภัยบาปเราผ่านทางพระเยซู พระองค์ต้องจ่ายราคาสูงบนกางเขนเพื่อของขวัญชิ้นนี้ แต่ประทานให้โดยไม่คิดมูลค่าเพราะทรงรักเราอย่างมากมาย