พระราชกิจอันมีพระคุณ
ความทุกข์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา คือการที่เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราต้องการขณะนั้น จนลืมนึกถึงสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ผมคิดถึงเรื่องนี้เมื่อคณะนักร้องคริสตจักรขับร้องบทเพลง จากสดุดี 103 “จิตใจของข้าเอ๋ยจงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์” (สดุดี 103:2) พระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงรักษาโรค ผู้ทรงไถ่ ผู้ทรงจัดเตรียม ผู้ประทานความพึงพอใจและชีวิตให้แก่เรา (สดุดี 103:4-5) เราย่อมไม่ลืมสิ่งเหล่านี้ แต่เราก็มักจะลืมเมื่อเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันหันเหความสนใจของเราไปยังความจำเป็นเร่งด่วน ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น และสถานการณ์ที่ดูจะควบคุมไม่ได้
จุดประสงค์ในกิจวัตร
นาฬิกาลูกเหล็กในพิพิธภัณฑ์อังกฤษ ทำให้ผมเห็นภาพผลร้ายของสิ่งที่ทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างชัดเจน ลูกเหล็กลูกเล็กๆ จะไหลไปตามร่องที่พาดบนแผ่นเหล็กเอียงๆ จนมันไปชนคานอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งก็จะทำให้แผ่นเหล็กเอียงกลับอีกด้าน ทำให้ลูกเหล็กไหลย้อนกลับและทำให้เข็มนาฬิกาขยับ ทุกปีลูกเหล็กลูกนี้ไหลกลับไปกลับมากว่า 4,000 กม.แต่ไม่เคยไปถึงไหนเลย
ถูกล้อม
ช่วงสงครามบอสเนีย (1992-1996) ประชาชนและทหารกว่า 10,000 คนถูกสังหารกลางกรุงซาราเจโว เมื่อกระสุนและลูกปืนใหญ่เทลงมาราวห่าฝนจากภูเขาที่ล้อมรอบ นวนิยายเรื่อง นักเล่นเชลโลแห่งซาราเจโวของสตีเว่น แกลโลเวย์เล่าเรื่องในตอนนั้นซึ่งเป็นการปิดล้อมเมืองหลวงที่ยาวนานที่สุดในการสงครามสมัยใหม่ ตัวละครสามคนต้องตัดสินใจว่า พวกเขาจะสนใจแต่ตัวเอง พยายามเอาตัวเองให้รอด หรือจะมองข้ามสถานการณ์ของตัวเองเพื่อไปช่วยเหลือคนอื่นในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากอันสาหัส
ภาพเหมือนของพระเยซู
ในหนังสือ ภาพสตรีอเมริกันชื่อดัง โรเบิร์ต เฮงก์ส เขียนว่า “ภาพเหมือนไม่ใช่ภาพถ่าย และไม่ใช่ภาพในกระจก” ภาพเหมือนไม่เพียงถ่ายทอดรูปลักษณ์ภายนอก แต่สื่อถึงอารมณ์อันล้ำลึกในใจบุคคลในภาพด้วย ศิลปินแท้จะพยายาม “สื่อตัวตนแท้ของบุคคล”
ชมรมคนจับผิด
ผมเป็นเหมือนกับหลายคนที่เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร มักสังเกตเห็นไวยากรณ์ที่ผิดหรือคำสะกดผิด ผมไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่คำเหล่านั้นมันสะดุดตาผมเอง ปฏิกิริยาปกติของผมคือผมจะวิจารณ์สื่อ และคนผลิต “ทำไมไม่ใช้ ‘การตรวจตัวสะกด’ ในคอมพิวเตอร์หรือจ้างคนพิสูจน์อักษร”
เดินกับพระเจ้า
ผมได้รับแผ่นพับใบเล็กๆ จากเพื่อน มีชื่อเรื่องว่า “บันทึกเรื่องเล่า 86 ปีแห่งความสัมพันธ์กับพระเจ้า” อัล แอ็คเคนเฮล ผู้เขียนได้บันทึกเกี่ยวกับบุคคลสำคัญในชีวิตและเหตุการณ์ในแต่ละช่วงชีวิตความเชื่อของเขาที่ยาวนานกว่า 9 ทศวรรษ สิ่งที่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ธรรมดา เช่น การท่องจำพระคัมภีร์ การประชุมอธิษฐาน การประกาศกับเพื่อนบ้านกลับกลายเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของเขา เมื่อได้อ่านว่าพระเจ้าทรงนำทางและเกื้อหนุนอัลอย่างไร ผมรู้สึกประทับใจมาก
มองไกลกว่าความสูญเสีย
นักเขียนวิลเลียม ซินส์เสอร์พูดถึงครั้งล่าสุดที่เขากลับไปดูบ้านที่เขารักและเติบโตขึ้นในวัยเด็ก เมื่อเขากับภรรยาขึ้นไปบนเนินเขาที่มองลงมาเห็นอ่าวแมนแฮสเซ็ตต์และปากอ่าวลองไอร์แลนด์ พวกเขาได้เห็นว่าบ้านถูกรื้อไปแล้ว เหลือไว้เพียงหลุมใหญ่ พวกเขาเดินไปที่แนวหินใกล้ๆ อย่างผิดหวังซินส์เสอร์มองข้ามอ่าวไป ซึมซับภาพและเสียงต่อมา เขาเขียนถึงประสบการณ์ครั้งนั้นว่า “ผมรู้สึกสบายใจและเศร้าเพียงนิดหน่อย วิวที่เห็นยังคงเหมือนเดิม แนวแผ่นดินและทะเลเดิมที่ผมยังคงจำได้ชัดและยังคงฝันถึง”
จดหมายจากสนามรบ
กว่า 20 ปีแอนดรูว์แครอลคอยหนุนใจผู้คนไม่ให้ทิ้งจดหมายที่คนในครอบครัวหรือเพื่อนเขียนในช่วงสงคราม แครอลซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์จดหมายสงครามอเมริกันที่มหาวิทยาลัยแชปแมนในแคลิฟอร์เนีย ถือว่าจดหมายเหล่านี้เชื่อมโยงครอบครัวเข้าด้วยกัน และเปิดประตูสู่ความเข้าใจที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ แครอลกล่าวว่า “คนรุ่นหลังอ่านจดหมายนี้และกล่าวว่า ‘เราเข้าใจแล้วว่าคุณต้องผ่านอะไรมา และคุณเสียสละอะไรไปบ้าง’”
ช่วยเหลือผู้ที่ไม่เต็มใจ
หลายปีก่อนในชั้นเรียนเรื่องความปลอดภัยทางน้ำ เราได้เรียนวิธีช่วยเหลือคนจมน้ำที่ขัดขืนการช่วยเหลือ ผู้สอนบอกว่า “เข้าทางด้านหลัง” “เอาแขนข้างหนึ่งโอบหน้าอกและแขนที่เหวี่ยงไปมาของคนนั้น และว่ายไปที่ปลอดภัย ถ้าเข้าทางด้านหน้า เขาอาจคว้าคุณไว้ และดึงให้ทั้งคู่จมน้ำ” ความตระหนกและความกลัวทำให้เราไม่สามารถคิดและทำอย่างมีสติได้