พระเจ้าแห่งความธรรมดา
การได้ยินคำพยานว่าพระเจ้าทรงกระทำสิ่งที่น่าตื่นเต้นในชีวิตของคนอื่นอาจเป็นสิ่งท้าทายสำหรับเรา ขณะที่เราชื่นชมยินดีกับการตอบคำอธิษฐาน เราอาจสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่ทำสิ่งน่าอัศจรรย์ให้เราบ้าง
หนังสือยอดเยี่ยม
ผมได้อ่านบทความที่แจกแจงคุณสมบัติของหนังสือที่ยอดเยี่ยม ซึ่งบอกว่าหนังสือที่ยอดเยี่ยมต้อง “เปลี่ยนแปลงคุณ เมื่ออ่านจบแล้วคุณจะเป็นคนใหม่”
ตรวจจิตใจ
เวลาที่ผมนั่งรถไฟไปเมืองชิคาโก้ ผมมักจะปฏิบัติตาม “มารยาทสังคมอันเป็นที่รู้กัน” เช่น ไม่พูดคุยกับคนข้างๆถ้าคุณไม่รู้จัก แต่เป็นเรื่องยากสำหรับผม เพราะผมไม่เคยถือว่าใครเป็นคนแปลกหน้าเลย เพราะผมชอบคุยกับคนใหม่ๆ ถึงแม้ผมจะต้องเงียบตามมารยาท แต่ผมว่าผมยังคงรู้จักผู้อื่นได้โดยสังเกตสิ่งที่เขาอ่านในหนังสือพิมพ์ ผมคอยดูว่าเขาเปิดอ่านอะไรเป็นอย่างแรก หน้าธุรกิจกีฬา การเมือง หรือเหตุการณ์ปัจจุบันเหล่านี้บ่งบอกถึงความสนใจของเขา
สิ่งดีที่สุดกำลังจะมา
ในครอบครัวเรา เดือนมีนาคมไม่ใช่แค่การสิ้นสุดฤดูหนาว แต่หมายถึงเทศกาลแข่งขันบาสเก็ตบอลที่เรียกว่า “มีนาเดือด” ได้มาถึงแล้ว เราเป็นแฟนตัวยงที่ดูการแข่งขันและเชียร์ทีมโปรดอย่างกระตือรือร้น หากเราเปิดทีวีก่อนเวลา เราจะได้ฟังนักจัดรายการพูดคุยถึงเกมที่จะแข่ง และได้ดูนักกีฬาซ้อม ชู๊ตลูกและอบอุ่นร่างกายกับเพื่อนร่วมทีมก่อนแข่งจริง
ไม่บันทึกคะแนน
บ๊อบ เพื่อนของผมให้โอวาทและคำหนุนใจแก่คู่บ่าวสาวในงานแต่งงานของลูกชาย เขาเล่าเรื่องโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลคนหนึ่งว่าเมื่อทีมเล่นแพ้ เขาจะให้เก็บกระดานบันทึกคะแนนไว้ทั้งสัปดาห์เพื่อเตือนให้ทีมระลึกถึงความพ่ายแพ้ วิธีนี้อาจเป็นกลยุทธที่ดีสำหรับการแข่งฟุตบอล แต่บ๊อบแนะนำว่าอย่านำไปใช้กับชีวิตคู่ เมื่อคู่ของคุณทำให้เสียใจหรือผิดหวัง อย่ามัวแต่จับจ้องที่ความผิดพลาดให้เก็บกระดานคะแนนนั้นไปเสีย
อาจเป็นปีนี้
พ่อของผมเป็นศิษยาภิบาล ทุกวันอาทิตย์แรกของปีใหม่ ท่านจะเทศนาเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ โดยมักใช้ข้อพระคัมภีร์จาก 1 เธสะโลนิกา 4 ประเด็นของท่านเหมือนกันทุกครั้ง “ปีนี้อาจเป็นปีที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา คุณพร้อมที่จะพบพระองค์หรือยัง”
ใช้ได้ทุกคน
ผมชอบคริสต์มาสมากเหมือนเด็กทุกคน ผมจดจ่อรอคอย และมักแอบไปดูใต้ต้นคริสต์มาสว่าผมจะได้ของเล่นอะไรบ้าง แต่รู้สึกผิดหวังเมื่อเริ่มได้เสื้อผ้าเป็นของขวัญ และคิดว่าของขวัญของผู้ใหญ่ไม่สนุกเลย และปีที่แล้ว ลูกๆให้ถุงเท้าสีสันสดใสเป็นของขวัญ ผมรู้สึกเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง และผู้ใหญ่ก็ใส่ถุงเท้านั้นได้เพราะป้ายเขียนไว้ว่า “ใช้ได้ทุกคน”
สุนัขพลร่ม
ผมรู้สึกทึ่งกับเรื่องสุนัขพลร่มในสงครามโลกครั้งที่สอง ในการเตรียมตัวสำหรับวันดี-เดย์ (6 มิถุนายน 1944) กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการใช้สัญชาตญาณอันแม่นยำของสุนัข เพื่อดมกลิ่นในบริเวณที่มีทุ่นระเบิด และเตือนทหารเมื่อมีภัยใกล้เข้ามา และวิธีเดียวที่จะนำเอาสุนัขเหล่านี้เข้าไปในเขตแดนของฝ่ายตรงข้ามได้คือการกระโดดร่ม แต่โดยสัญชาตญาณแล้วสุนัขจะกลัวการกระโดดร่มและถ้าว่ากันตามจริง คนเราเองก็กลัว แต่ภายหลังจากการฝึกหลายสัปดาห์ สุนัขเรียนรู้ที่จะเชื่อใจเจ้านายของมันมากพอที่จะกระโดดเมื่อได้รับคำสั่ง
ไม่เอาถั่ว
สมัยที่ลูกเรายังเล็ก ลูกคนหนึ่งร้องว่า “ไม่เอา” เมื่อเราส่งจานถั่วไปให้ที่โต๊ะอาหารเย็น เราถามว่า “ไม่เอาอะไรครับ” ด้วยหวังว่าเขาจะตอบว่า “ไม่เอาครับ ขอบคุณครับ” แต่เขากลับตอบว่า “ไม่เอาถั่ว!” ซึ่งทำให้เราต้องอบรมเรื่องมารยาท ที่จริงเราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว