ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Jennifer Benson Schuldt

ใหญ่กว่าปัญหาของเรา

คุณคิดว่าไดโนเสาร์หน้าตาเป็นอย่างไรตอนยังมีชีวิตอยู่ ฟันใหญ่ หนังเป็นเกล็ด หรือว่าหางยาว ศิลปินคาเรน คาร์ ได้สร้างสัตว์สูญพันธ์เหล่านี้ขึ้นใหม่บนจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ หนึ่งในภาพขนาดใหญ่ของเธอสูงเกินยี่สิบฟุตและยาวกว่าหกสิบฟุต เพราะขนาดของภาพจึงต้องใช้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อติดตั้งในพื้นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแซมโนเบิลโอกลาโฮมา

เป็นการยากที่จะยืนอยู่หน้าภาพไดโนเสาร์ขนาดใหญ่นี้โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแคระ ฉันมีความรู้สึกคล้ายกันเมื่อได้อ่านคำอธิบายของพระเจ้าถึงสัตว์ทรงพลังที่ชื่อ “เบเฮโมท” (โยบ 40:15) สัตว์ใหญ่ตัวนี้กินหญ้าเหมือนวัวและมีหางใหญ่เท่าลำต้นของต้นไม้ กระดูกของมันเหมือนท่อเหล็ก มันเดินอุ้ยอ้ายเล็มหญ้าบนเนินเขา หยุดพักตรงหนองน้ำ เมื่อน้ำท่วมสูง เบเฮโมทไม่เคยตื่นตกใจ

ไม่มีใครสามารถทำให้สัตว์ที่น่าทึ่งตัวนี้เชื่องได้ ยกเว้นผู้สร้างมัน (ข้อ 19) พระเจ้าทรงเตือนโยบให้ระลึกถึงความจริงนี้เมื่อปัญหาทาบเงาร้ายเหนือชีวิตของท่าน ความโศกเศร้า สับสนและคับข้องใจบดบังวิสัยทัศน์ของท่านจนทำให้ตั้งคำถามกับพระเจ้า แต่คำตอบของพระเจ้าช่วยโยบให้เห็นขนาดที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ พระเจ้าทรงใหญ่กว่าปัญหาของท่านทั้งหมด และทรงฤทธานุภาพมากพอที่จะแก้ปัญหาที่โยบไม่สามารถแก้ได้ ท้ายที่สุดโยบยอมรับว่า “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้” (42:2)

เจริญเติบโตอีกครั้ง

เมื่อมีแสงอาทิตย์และน้ำเพียงพอ ดอกไม้ป่าหลากสีสันจะปกคลุมไปทั่วพื้นที่ต่างๆในแคลิฟอร์เนีย เช่น แอนทีโลปแวลลีย์และภูเขาฟิกูโรอา แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอกับความแห้งแล้ง นักวิทยาศาสตร์พบว่า ดอกไม้ป่าบางชนิดจะเก็บเมล็ดจำนวนมากไว้ใต้ดินแทนที่จะปล่อยให้มันโผล่ออกมาเหนือดินและเบ่งบาน หลังจากฤดูที่แห้งแล้งผ่านไป พวกมันจะใช้เมล็ดที่เก็บไว้เพื่อเจริญเติบโตขึ้น
อีกครั้ง

ชนอิสราเอลโบราณรุ่งเรืองในแผ่นดินอียิปต์แม้สภาพแวดล้อมจะโหดร้าย นายทาสบังคับให้พวกเขาทำงานในทุ่งและผลิตก้อนอิฐ ผู้ปกครองที่ไร้ความปรานีต้องการให้พวกเขาสร้างเมืองให้ฟาโรห์ กษัตริย์อียิปต์พยายามแม้กระทั่งสังหารเด็กทารกเพื่อลดจำนวนประชากร แต่เพราะพระเจ้าทรงค้ำจุนพวกเขา “ยิ่ง​ถูก​เบียดเบียน​มาก​เท่าไร ชน​ชาติ​อิสราเอล​ก็​ยิ่ง​ทวี​มาก​ขึ้น และ​ยิ่ง​แพร่หลาย​ออกไป”(อพย.1:12) ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์หลายคนประเมินว่าประชากรอิสราเอลทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กมีจำนวนถึงสองล้านคน (หรือมากกว่านั้น) ในช่วงเวลาที่อยู่ในอียิปต์

พระเจ้าผู้ทรงคุ้มครองคนของพระองค์ในเวลานั้น ก็ยังทรงค้ำจุนเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน พระองค์ช่วยเราได้ในทุกสภาพแวดล้อม เราอาจกังวลว่าจะอยู่รอดผ่านอีกฤดูกาลได้อย่างไร แต่พระคัมภีร์ย้ำกับเราว่าพระเจ้าผู้ “ทรง​ตกแต่ง​หญ้า​ที่​ทุ่ง​นา​อย่าง​นั้น ซึ่ง​เป็นอยู่​วันนี้​และ​รุ่ง​ขึ้น​ต้อง​ทิ้ง​ใน​เตา​ไฟ” จะทรงเลี้ยงดูเราได้อย่างแน่นอน (มธ.6:30)

ดวงสว่าง

ฉันสามารถหลับตาและย้อนเวลากลับไปยังบ้านที่เคยเติบโตมา ฉันจำได้ว่าเคยนั่งดูดาวกับพ่อ เราผลัดกันส่องกล้องโทรทรรศน์ โดยพยายามจ้องไปที่จุดเรืองแสงซึ่งส่องเป็นประกายระยิบระยับ จุดเรืองแสงเล็กๆที่เกิดจากความร้อนและไฟเหล่านี้ช่างเจิดจ้าตัดกับท้องฟ้าที่มืดสนิท

คุณคิดว่าตัวเองเป็นดาวที่กำลังส่องสว่างอยู่หรือไม่ ฉันไม่ได้พูดถึงจุดสูงสุดแห่งความสำเร็จของมนุษย์ แต่เป็นการยืนหยัดต่อสู้กับความมืดที่นำความแตกแยกและความชั่วร้ายมา อัครทูตเปาโลบอกกับผู้เชื่อชาวฟีลิปปีว่า พระเจ้าจะส่องแสงเข้ามาในและผ่านชีวิตของพวกเขาเมื่อพวกเขา “ยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต” และหลีกเลี่ยงการบ่นว่าและการโต้เถียงกัน (ฟป.2:14-16)

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรากับผู้เชื่อคนอื่นและความสัตย์ซื่อของเราต่อพระเจ้าทำให้เราแตกต่างจากโลก ปัญหาคือสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เราต้องต่อสู้ดิ้นรนตลอดเวลาเพื่อเอาชนะการทดลองและรักษาความสัมพันธ์ที่ติดสนิทกับพระเจ้า รวมทั้งต้องปล้ำสู้กับความเห็นแก่ตัวเพื่อจะมีความสามัคคีกับพี่น้องร่วมความเชื่อ

แต่ถึงกระนั้นเรายังมีหวัง พระวิญญาณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่ในผู้เชื่อแต่ละคนจะประทานให้เรามีกำลังในการควบคุมตนเอง มีใจเมตตา และสัตย์ซื่อ (กท.5:22-23) เช่นเดียวกับที่ทรงเรียกเราให้ดำเนินชีวิตที่เกินขีดความสามารถตามธรรมชาติ โดยความช่วยเหลือที่เหนือธรรมชาติของพระเจ้าทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ (ฟป.2:13) หากผู้เชื่อทุกคนกลายเป็น “ดวงสว่าง” โดยอาศัยอำนาจของพระวิญญาณ ลองนึกดูสิว่า แสงสว่างของพระเจ้าจะขับไล่ความมืดรอบตัวเราออกไปได้อย่างไร!

แผนการที่ไม่สมบูรณ์แบบ

ขณะที่ฉันกำลังสำรวจดูห้องสมุดชั้นล่างสุดของศูนย์ชุมชนแห่งใหม่ จู่ๆก็เกิดแรงกระแทกที่ทำให้ห้องสะเทือน สักพักก็เกิดขึ้นอีก ในที่สุดบรรณารักษ์ซึ่งไม่สบายใจก็อธิบายว่าเหนือห้องสมุดเป็นที่สำหรับยกน้ำหนัก และจะเกิดเสียงดังทุกครั้งที่มีคนวางที่ยกน้ำหนักลง สถาปนิกและนักออกแบบได้วางแผนส่วนต่างๆของอาคารที่ทันสมัยแห่งนี้เป็นอย่างดี แต่ยังมีคนลืมจัดที่ตั้งห้องสมุดให้อยู่ห่างจากกิจกรรมเหล่านี้

แผนการในชีวิตของเราก็มักมีข้อผิดพลาดเช่นกัน เรามองข้ามข้อควรพิจารณาที่สำคัญ แผนการของเราอาจไม่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุหรือเรื่องที่ไม่คาดคิด แม้การวางแผนจะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ เวลาที่จำกัด และปัญหาสุขภาพ แต่กลวิธีที่รอบคอบที่สุดก็ไม่สามารถขจัดปัญหาทุกอย่างออกจากชีวิตได้ เราอยู่ในโลกยุคหลังสวนเอเดน

ด้วยการทรงช่วยเหลือของพระเจ้า เราจะพบสมดุลระหว่างการคิดถึงอนาคตอย่างรอบคอบ (สภษ.6:6-8) และการตอบสนองต่อความยากลำบาก พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สำหรับปัญหาที่ทรงอนุญาตให้เกิดในชีวิตของเรา พระองค์อาจใช้สิ่งนั้นพัฒนาความอดทน เพิ่มพูนความเชื่อ หรือเพียงเพื่อนำเราเข้าใกล้พระองค์ พระคัมภีร์เตือนเราว่า “ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละจะดำรงอยู่ได้” (สภษ.19:21) เมื่อเรายอมมอบเป้าหมายและความหวังในอนาคตไว้กับพระเยซู พระองค์จะทรงสำแดงว่าพระองค์ต้องการให้สิ่งใดสำเร็จภายในเราและผ่านชีวิตของเรา

บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

อาสาสมัครมากกว่าสองร้อยคนมาช่วยร้านหนังสืออ็อกโทเบอร์บุ๊กส์ในเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ ย้ายหนังสือในคลังไปยังที่อยู่ใหม่บนถนนเส้นเดิม เหล่าอาสาสมัครยืนเรียงรายบนทางเท้าและส่งหนังสือต่อๆกันเหมือน “สายพานลำเลียงที่เป็นมนุษย์” พนักงานของร้านที่ได้เห็นเหล่าอาสาสมัครทำภารกิจกล่าวว่า “นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจจริงๆที่ได้เห็นผู้คนช่วยเหลือกัน...พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า”

เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเช่นกัน พระเจ้าทรงใช้เราให้ออกไปในโลกพร้อมกับข่าวสารเรื่องความรักของพระองค์ เพราะมีบางคนเคยแบ่งปันข่าวนี้กับเรา เราจึงสามารถส่งต่อข่าวนี้ไปยังผู้อื่นได้เปาโลเปรียบเทียบการสร้างแผ่นดินของพระเจ้ากับการปลูกต้นไม้ในสวน พวกเราบางคนหว่านเมล็ดพืชขณะที่บางคนรดน้ำ เปาโลกล่าวว่าเราทุกคน “ร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า” (1 คร.3:9)

งานแต่ละงานมีความสำคัญ แต่ทั้งหมดสำเร็จได้โดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ โดยพระวิญญาณของพระองค์ พระเจ้าทรงช่วยผู้คนให้เติบโตฝ่ายวิญญาณ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงรักพวกเขาและทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาตายแทนพวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้เป็นไทจากความบาป (ยน.3:16)

พระเจ้าทรงทำงานส่วนใหญ่ของพระองค์บนโลกผ่าน “อาสาสมัคร” เช่นคุณและฉัน แม้ว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนซึ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะทำทุกอย่างได้ แต่เราช่วยให้มันเติบโตได้โดยทำงานร่วมกัน เพื่อแบ่งปันความรักของพระเจ้าให้กับโลก

สิ่งใหม่

การทำเกษตรเป็นเรื่องยากในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำจืด เพื่อแก้ปัญหานี้ บริษัทซีวอเตอร์ กรีนเฮาส์จึงได้พัฒนาสิ่งใหม่ที่เรียกว่า “บ้านหล่อเย็น” ขึ้นในโซมาลิแลนด์ ทวีปแอฟริกา และในประเทศอื่นๆที่มีสภาพอากาศคล้ายกัน บ้านหล่อเย็นนี้ใช้ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อฉีดน้ำทะเลลงบนฝาผนังที่ทำจากกระดาษแข็งลูกฟูก เมื่อน้ำไหลลงมาตามผนังเกลือจะไปเกาะอยู่ด้านหลัง ขณะที่น้ำจืดส่วนใหญ่จะระเหยอยู่ภายในโครงสร้าง ทำให้เกิดความชื้นซึ่งพืชผลสามารถงอกงามได้

พระเจ้าทรงสัญญาผ่านอิสยาห์ว่าจะทำ “สิ่งใหม่” เมื่อพระองค์ทรงจัดเตรียม “แม่น้ำในที่แห้งแล้ง” สำหรับคนอิสราเอลในสมัยโบราณ (อสย.43:19) สิ่งใหม่นี้ตรงข้ามกับสิ่งเก่าที่พระองค์เคยทำเพื่อช่วยกู้ประชากรของพระองค์จากกองทัพของอียิปต์ ยังจำเรื่องทะเลแดงได้ไหม พระเจ้าต้องการให้ประชากรของพระองค์ระลึกถึงอดีต แต่อย่าให้อดีตมาบดบังการที่พระองค์จะเข้ามามีส่วนในชีวิตปัจจุบันของพวกเขา (ข้อ 18) พระองค์ตรัสว่า “ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร” (ข้อ 19)

การมองย้อนกลับไปในอดีตอาจช่วยเสริมความเชื่อเราถึงการจัดเตรียมของพระเจ้า แต่การมีชีวิตที่จมอยู่กับอดีตอาจทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งใหม่ๆที่พระวิญญาณกำลังทำในวันนี้ เราทูลขอพระเจ้าให้สำแดงกับเราได้ว่าในปัจจุบันทรงเคลื่อนไหวเช่นไร ทั้งในการช่วยเหลือ การสร้างใหม่ และการค้ำจุนประชากรของพระองค์ ขอให้การตระหนักรู้นี้กระตุ้นให้เราร่วมมือกับพระองค์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อื่นทั้งไกลและใกล้

มงกุฎกระดาษ

หลังมื้ออาหารในช่วงเทศกาลที่บ้านของฉัน ทุกคนแกะของที่ระลึกซึ่งเต็มไปด้วยขนม ของเล่น และกระดาษสีโปรยปราย แต่ยังมีของอีกชิ้นหนึ่งในกล่อง คือมงกุฎกระดาษสำหรับแต่ละคน เราหักห้ามใจไม่ได้ที่จะใส่มัน และเรายิ้มให้กันขณะนั่งล้อมวงรอบโต๊ะ ในชั่วขณะหนึ่งเราทุกคนเป็นราชาและราชินี แม้ว่าอาณาจักรของเราจะเป็นเพียงห้องทานอาหารซึ่งเกลื่อนไปด้วยสิ่งที่หลงเหลือจากมื้ออาหารของเรา

เรื่องนี้จุดประกายความทรงจำถึงพระสัญญาในพระคัมภีร์ที่ฉันไม่ค่อยได้คิดถึง ในชีวิตหลังความตายผู้เชื่อทุกคนจะได้ครอบครองร่วมกับพระเยซู เปาโลพูดถึงเรื่องนี้ใน 1 โครินธ์บทที่ 6 ท่านถามว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลก” (ข้อ 2) เปาโลอ้างถึงสิทธิพิเศษในอนาคตนี้เพราะท่านต้องการหนุนใจผู้เชื่อให้ยุติข้อพิพาทอย่างสันติในโลกนี้ พวกเขาฟ้องร้องกันและกัน ซึ่งพลอยทำลายความน่าเชื่อถือของผู้เชื่อคนอื่นในชุมชนไปด้วย

เราจะแก้ไขความขัดแย้งได้ดีขึ้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานการควบคุมตนเอง ความสุภาพอ่อนโยน และความอดทนแก่เรา เมื่อถึงเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมาและทรงทำงานของพระวิญญาณให้สมบูรณ์ในชีวิตของเรา (1 ยน.3:2-3) เราจะพร้อมสำหรับบทบาทสุดท้ายของเราในฐานะ “ราชอาณาจักรและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเราและ...ครอบครองแผ่นดินโลก” (วว.5:10) ให้เรายึดมั่นในพระสัญญานี้ที่เปล่งประกายอยู่ในพระวจนะเหมือนเพชรที่ประดับบนมงกุฎทองคำ

หมอกยามเช้า

เช้าวันหนึ่งฉันแวะไปที่สระน้ำใกล้บ้าน ฉันนั่งลงบนเรือที่คว่ำอยู่ คิดและเฝ้ามองกระแสลมอ่อนๆจากทิศตะวันตกพัดไล่หมอกที่ลอยเหนือผิวน้ำ หมอกกลุ่มเล็กม้วนหมุนเป็นวงกลม “ลมหมุน” ขนาดจิ๋วก่อตัวขึ้นแล้วสลายไป ไม่นานแสงแดดก็ส่องผ่านก้อนเมฆลงมาแล้วหมอกก็หายไป

ภาพนี้ทำให้ฉันอบอุ่นหัวใจ ฉันคิดถึงข้อพระคัมภีร์ที่เพิ่งอ่านไปว่า “เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก” (อสย.44:22) ฉันไปที่นั่นเพื่อหวังจะดึงตัวเองออกจากความคิดผิดบาปหลายอย่างที่ครอบงำฉันมาหลายวัน แม้ฉันจะสารภาพบาปแล้ว ฉันก็ยังสงสัยว่าพระเจ้าจะยกโทษบาปเดิมๆหรือไม่

เช้าวันนั้นฉันได้คำตอบ พระเจ้าทรงสำแดงพระคุณแก่คนอิสราเอลผ่านผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ในเวลาที่พวกเขาต่อสู้กับปัญหาเรื่องรูปเคารพ ถึงแม้พระองค์จะบอกให้พวกเขาเลิกติดตามพระเทียมเท็จ แต่พระเจ้าก็ทรงเรียกพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ด้วยเช่นกัน โดยตรัสว่า “เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา...เราจะไม่ลืมเจ้า” (ข้อ 21)

ฉันอาจไม่เข้าใจการอภัยโทษนั้นได้ทั้งหมด แต่ฉันรู้แน่ว่าพระคุณของพระเจ้าเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะชำระล้างบาปได้หมดจดและรักษาเราให้หาย ฉันขอบพระคุณที่พระคุณของพระองค์นั้นไม่สิ้นสุดเช่นเดียวกับที่ทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์ และพระคุณนั้นมีพร้อมอยู่เสมอในทุกเวลาที่เราต้องการ

ทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นใคร

ประเทศเอลซัลวาดอร์ยกย่องพระเยซูโดยการวางรูปปั้นของพระองค์ไว้ที่ใจกลางเมืองหลวง แม้จะอยู่กลางวงเวียนที่จราจรคับคั่ง แต่ความสูงของรูปปั้นก็ทำให้มองเห็นได้ง่ายและชื่อรูปปั้นที่ว่า พระผู้ช่วยให้รอดของโลก ก็สื่อถึงการเคารพยกย่องต่อสถานะเหนือธรรมชาติของพระองค์

ชื่ออนุสาวรีย์นี้ยืนยันสิ่งที่พระคัมภีร์พูดถึงพระเยซู (1 ยน.4:14) ผู้ทรงประทานความรอดแก่เราทุกคน พระเยซูทรงข้ามเขตแดนทางวัฒนธรรมและเปิดรับผู้ที่ต้องการรู้จักพระองค์อย่างจริงใจ โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุ การศึกษาเชื้อชาติ ความผิดบาปในอดีต หรือสถานะทางสังคม

อัครทูตเปาโลท่องไปในโลกสมัยโบราณเพื่อบอกผู้คนถึงชีวิต ความตาย และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ท่านแบ่งปันข่าวดีนี้กับผู้มีอำนาจทางการเมือง ผู้นำศาสนา ทหาร ชาวยิว คนต่างชาติ ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก เปาโลอธิบายว่า ใครก็สามารถเริ่มต้นความสัมพันธ์กับพระคริสต์ได้โดยประกาศว่า “พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” และเชื่อว่าพระเจ้าทรงชุบพระองค์ขึ้นจากความตาย (รม.10:9) ท่านกล่าวว่า “ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย…ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด” (ข้อ 11, 13)

พระเยซูไม่ใช่รูปปั้นที่เราจะยกย่องอยู่ไกลๆ แต่เราต้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์โดยทางความเชื่อ ขอให้เราเห็นคุณค่าของความรอดที่พระองค์มอบให้และก้าวไปสู่ความสัมพันธ์ฝ่ายจิตวิญญาณกับพระองค์ในวันนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา