ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Albert Lee

ไม่ขาดพ่อ

จอห์น โซเวอส์ เขียนในหนังสือชื่อ ยุคของคนที่ขาดพ่อ ไว้ว่า “ไม่มีคนในยุคใดได้เห็นพ่อที่ไม่อยากทำหน้าที่มากเท่ากับในยุคนี้ มีเด็กยี่สิบห้าล้านคนเติบโตขึ้นในครอบครัวที่พ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว” จากประสบการณ์ของผมเอง ถ้าผมบังเอิญเจอพ่อบนถนน ผมคงไม่รู้จักท่าน พ่อแม่ผมหย่ากันตอนผมยังเล็กและรูปของพ่อทั้งหมดถูกเผาทิ้ง ผมรู้สึกขาดพ่ออยู่หลายปี จนตอนอายุสิบสามปี ผมได้ยินคำอธิษฐานของพระเยซู (มธ.6:9-13) และพูดกับตัวเองว่าผมอาจจะไม่มีพ่อในโลก แต่ตอนนี้ผมมีพระเจ้าเป็นพระบิดาในสวรรค์

ในมัทธิว 6:9 สอนเราให้อธิษฐานว่า “พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ” ก่อนหน้านั้นข้อ 7 กล่าวว่าเมื่ออธิษฐานอย่า “พูดพล่อยๆซ้ำซาก” และเราอาจสงสัยว่าข้อความเหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างไร ผมตระหนักว่า เป็นเพราะพระเจ้าทรงจำได้เราจึงไม่ต้องพูดซ้ำ พระองค์ทรงเข้าใจอย่างแท้จริงเราจึงไม่ต้องอธิบาย พระองค์มีพระทัยที่เมตตา เราจึงไม่ต้องสงสัยในความประเสริฐของพระองค์ และเพราะพระองค์ทรงรู้จุดจบตั้งแต่ต้น เราจึงรู้ว่าเวลาของพระองค์นั้นดีเลิศที่สุด

เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา เราไม่จำเป็นต้อง “พูดมากหลายคำ” (ข้อ 7) เพื่อรบเร้าพระองค์ โดยการอธิษฐานเรากำลังพูดกับพระบิดาผู้ทรงรักและห่วงใยเราและทรงทำให้เราเป็นบุตรของพระองค์ผ่านทางพระเยซู

เอาชนะความกลัว

ความกลัวครอบงำชีวิตชายคนหนึ่งมานาน 32 ปี เขากลัวถูกจับเรื่องอาชญากรรมที่เคยก่อ จึงซ่อนตัวอยู่ที่บ้านไร่ของน้องสาว ไม่ออกไปไหน ไม่พบปะใคร ไม่แม้แต่ร่วมงานศพแม่ เมื่อเขาอายุ 64 ปี เขาได้รู้ว่าเขาไม่เคยถูกฟ้องร้องด้วยคดีนั้นเลย เขามีอิสระที่จะใช้ชีวิตปกติ บทลงโทษตามการกระทำนั้นร้ายแรง แต่เขายอมให้ความกลัวการลงโทษเข้าครอบงำ

ยืนมั่นคงอย่างไร

วันนั้นอากาศหนาวและเป็นน้ำแข็ง ใจผมคิดแต่ว่าจะพาตัวเองออกจากรถอุ่นๆ เข้าสู่อาคารอุ่นๆ มารู้ตัวอีกทีผมกองอยู่กับพื้น หัวเข่าหันเข้าข้างในและท่อนขาครึ่งล่างหันออก ไม่มีอะไรหักแต่เจ็บปวดมาก และเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะหายดี

ไม่ดีพร้อมแต่เป็นที่รัก

ในญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์อาหารจะเตรียมไว้และบรรจุอย่างพิถีพิถัน ไม่ใช่แค่อร่อยแต่ต้องดูดีด้วย บางครั้งผมก็สงสัยว่านี่ผมซื้ออาหารหรือซื้อหีบห่อ! และเพราะคนญี่ปุ่นเน้นเรื่องคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่มีตำหนิแม้เพียงเล็กน้อยก็ถูกทิ้ง แต่ไม่นานมานี้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า วาเคะอาริ กำลังเป็นที่นิยม วาเคะอาริ แปลว่า “มีเหตุผล” ผลิตภัณฑ์พวกนี้จะไม่ถูกทิ้งแต่ถูกนำมาขายราคาถูก “ด้วยเหตุผลบางอย่าง” เช่น ข้าวเกรียบที่มีรอยแตก

ยึดมั่น

เขาเทียนเหมินในจางเจียเจี้ย ประเทศจีนถือเป็นภูเขาลูกหนึ่งที่สวยที่สุดในโลก หากจะดูหน้าผาสูงในมุมงดงามอลังการ คุณต้องขึ้นรถกระเช้าเคเบิ้ลเทียนเหมินชาน ซึ่งมีความยาว 7,455 เมตร น่าอัศจรรย์ที่รถกระเช้าสามารถเคลื่อนผ่านระยะทางไกลและชันขนาดนั้นได้โดยไม่มีเครื่องยนต์ที่ตัวรถเลย แต่มันก็ไปถึงจุดสูงสุดได้อย่างปลอดภัยเพราะมันยึดอย่างแน่นหนากับสายเคเบิ้ลที่เคลื่อนโดยเครื่องยนต์กำลังสูง

กำเนิดวันคริสต์มาส

เมื่อทูตสวรรค์กาเบรียลมาบอกข่าวดีสำหรับโลกนี้แก่มารีย์และคนเลี้ยงแกะ (ลูกา 1:26-27; 2:10) สำหรับสาววัยรุ่นอย่างมารีย์ นี่เป็นข่าวดีหรือไม่ มารีย์อาจคิดว่า “ฉันจะอธิบายเรื่องการตั้งครรภ์ให้ครอบครัวฟังอย่างไร โยเซฟจะถอนหมั้นหรือไม่ ชาวบ้านจะว่าอย่างไร และแม้ฉันจะได้รับการไว้ชีวิต แล้วฉันจะอยู่อย่างไรถ้าต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียว

คนที่เราเป็น

ในอัตชีวประวัติ คอร์รี่ เท็น บูม เขียนเล่าถึงช่วงเวลาอันน่ากลัวที่เธอกับเบทซี่พี่สาวอยู่ในค่ายกักกันของนาซีในต้นทศวรรษที่ 1940 ครั้งหนึ่งพวกเธอถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าระหว่างการตรวจค้น คอร์รี่อยู่ในแถว รู้สึกสกปรกและถูกทอดทิ้ง แล้วเธอก็นึกได้ว่าพระเยซูทรงถูกตรึงร่างเปลือยเปล่า เธอรู้สึกอัศจรรย์ใจและเทิดทูนพระเจ้า เธอกระซิบพี่สาวว่า “เบทซี่พวกเขาก็เอาฉลองพระองค์ไปด้วย” เบทซี่พูดว่า “โอ คอร์รี่...พี่ยังไม่เคยขอบคุณพระองค์เลย”

พายุแห่งชีวิต

ในพระธรรมมาระโก เป็นเรื่องราวของพายุใหญ่ เหล่าสาวกอยู่บนเรือซึ่งกำลังข้ามทะเลสาบกาลิลีกับพระเยซู เมื่อ “พายุใหญ่ได้บังเกิดขึ้น”สาวกซึ่งบางคนเป็นชาวประมงผู้ช่ำชอง พากันกลัวตาย (มาระโก 4:37-38) พระเจ้าไม่ทรงสนพระทัยหรือ พระเยซูทรงเลือกพวกเขาและให้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์มิใช่หรือ พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระเยซูผู้ตรัสแก่เขาว่า “ข้ามไปฝั่งฟากข้างโน้นเถิด” หรือ (มาระโก 4:35) เหตุใดตอนนั้นพวกเขาจึงเผชิญกับสถานการณ์คับขัน

แบบอย่างที่หนุนใจ

มีเรื่องเล่ากันว่าในปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มศิษยาภิบาลชาวยุโรป เข้าร่วมงานประชุมด้านพระคัมภีร์ของดี. แอล. มูดี้ ในแมสซาชูเสทตามธรรมเนียม พวกเขาจะวางรองเท้าไว้นอกห้อง ก่อนที่จะเข้านอน โดยคาดว่าพนักงานโรงแรมจะทำความสะอาดรองเท้า เมื่อมูดี้เห็นรองเท้าเหล่านั้น เขารู้ธรรมเนียมของชาวยุโรปเขาจึงบอกคนอื่นๆ ว่าต้องทำงานนี้ แต่ไม่มีใครตอบสนอง มูดี้จึงรวบรวมรองเท้าทั้งหมดมาทำความสะอาดด้วยตนเอง เพื่อนคนหนึ่งที่แวะไปเยี่ยมมูดี้ที่ห้องได้เล่าให้ผู้อื่นฟังถึงสิ่งที่มูดี้ทำเมื่อข่าวแพร่ออกไป คืนต่อมาคนอื่นๆ จึงผลัดกันไปนำรองเท้ามาทำความสะอาด

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา