Month: กรกฎาคม 2023

พระเจ้าผู้ไม่เปลี่ยนแปลง

รูปภาพหนึ่งที่โด่งดัง เป็นภาพของรอยรองเท้าบูทที่เหยียบลงบนพื้นสีเทา รอยเท้านั้นเป็นของ บัซซ์ อัลดริน นักบินอวกาศที่ทิ้งไว้บนดวงจันทร์ในค.ศ. 1969 นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ารอยเท้านั้นน่าจะยังอยู่ที่นั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากหลายปีที่ผ่านไป หากไม่มีลมหรือน้ำก็จะไม่มีสิ่งใดบนดวงจันทร์ที่สึกกร่อน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูมิประเทศของดวงจันทร์จะยังคงอยู่ที่นั่น

แต่การตรึกตรองถึงการทรงสถิตอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้านั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ยากอบบันทึกว่า “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง” (ยก.1:17) อัครทูตกล่าวถึงเรื่องนี้ในบริบทของการต่อสู้ของตัวเรา “เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี” (ข้อ 2) ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะเราเป็นที่รักของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และไม่เปลี่ยนแปลง!

ในยามยากลำบาก เราจะต้องระลึกถึงการจัดเตรียมอย่างไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า บางทีเราอาจจำเนื้อร้องของบทเพลงนมัสการที่ยิ่งใหญ่ “พระองค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อ” ได้ว่า “ไม่ทรงเปลี่ยนแปลงเหมือนเงา...ความรักเมตตาของพระองค์ไม่ทรงแปรปรวน ถ้วนทุกสมัยสืบไปเป็นนิจนิรันดร์” ใช่แล้ว พระเจ้าของเราได้ทิ้งรอยพระบาทถาวรของพระองค์ไว้บนโลกของเรา พระองค์จะอยู่ที่นั่นเพื่อเราเสมอ ความสัตย์ซื่อของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก

จงรักเพื่อนบ้านของท่าน

มันเป็นเพียงเกมสนุกๆในกลุ่มอนุชน แต่ก็เป็นบทเรียนสำหรับเราว่าจงเรียนรู้ที่จะรักเพื่อนบ้านที่คุณมี แทนที่จะเปลี่ยนเพื่อนบ้านใหม่ ทุกคนนั่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ยกเว้นคนเดียวที่ยืนอยู่กลางวง คนที่ยืนถามคนที่นั่งว่า “คุณรักเพื่อนบ้านไหม” คนที่นั่งจะตอบได้สองแบบ คือ รักหรือไม่รัก และเขาต้องตัดสินใจว่า เขาต้องการแลกเพื่อนบ้านของตนกับคนอื่นไหม

ในชีวิตจริงเราก็หวังว่าจะสามารถเลือก “เพื่อนบ้าน” ได้เช่นกันใช่ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันไม่ได้ หรือเพื่อนบ้านติดกันที่ชอบตัดหญ้าในเวลาที่คาดไม่ถึง แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเพื่อนบ้านที่มีปัญหา

เมื่อชนอิสราเอลย้ายเข้ามาอาศัยในดินแดนซึ่งทรงสัญญาไว้ พระเจ้าทรงมอบคำสอนสำคัญเกี่ยวกับวิธีการดำเนินชีวิตในฐานะประชากรของพระองค์พวกเขาได้รับคำสั่งให้ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (ลนต.19:18) ซึ่งรวมถึงการไม่แพร่ข่าวซุบซิบนินทาหรือข่าวลือ ไม่เอาเปรียบเพื่อนบ้าน และเผชิญหน้าผู้คนโดยตรงหากเรามีอะไรขัดแย้งกับพวกเขา (ข้อ 9-18)

ในขณะที่การรักทุกคนเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรักเมื่อพระเยซูทรงกระทำกิจในเราและผ่านเรา พระเจ้าจะประทานสติปัญญาและความสามารถในการทำเช่นนั้น เมื่อเราพยายามดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์ของเราในฐานะประชากรของพระองค์

ที่ลี้ภัยของเรา

ในตอนแรกเริ่มสถานที่แห่งนี้คือพื้นที่ที่ควายไบซันเดินสัญจรไปมาในอเมริกาเหนือ ชนพื้นเมืองอินเดียนแดงไล่ตามควายไบซันไปที่นั่น จนกระทั่งมีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่พร้อมด้วยฝูงสัตว์และทำการเพาะปลูก หลังเหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ดินแดนแห่งนี้ถูกใช้เป็นแหล่งผลิตอาวุธเคมี และต่อมากลายเป็นสถานที่รื้อทำลายอาวุธในสงครามเย็น แต่แล้ววันหนึ่งได้มีการค้นพบฝูงนกอินทรีหัวขาวที่นั่น และไม่นานนักเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งชาติร็อคกี้เมาท์เท่นอาร์เซนอลก็ถือกำเนิดขึ้น ด้วยพื้นที่ราวหกสิบตารางกิโลเมตรที่เต็มไปด้วย ทุ่งหญ้า หนองน้ำ และป่าไม้ซึ่งอยู่ชานเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ปัจจุบันที่นี่เป็นสถานที่ลี้ภัยหรือเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นบ้านที่ปลอดภัยและคุ้มครองสัตว์กว่าสามร้อยสายพันธุ์ ตั้งแต่พังพอนตีนดำ นกฮูกสายพันธุ์เล็กที่สุดไปจนถึงนกอินทรีหัวขาว และที่คุณคงเดาได้ ควายไบซันที่สัญจรไปมา

ผู้เขียนสดุดีบอกเราว่า “พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา” (62:8) ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าที่ลี้ภัยใดๆในโลก พระเจ้าทรงเป็นที่หลบภัยที่แท้จริงของเรา เป็นที่คุ้มครองความปลอดภัยซึ่งในพระองค์ “เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่” (กจ.17:28) พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยซึ่งเราสามารถไว้วางใจได้ “ตลอดเวลา” (สดด.62:8) และทรงเป็นที่หลบภัยของเราที่เราจะกล้ากล่าวคำอธิษฐานและระบายความในใจทั้งหมดออกมาได้

พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา นั่นคือผู้ซึ่งพระองค์ทรงเป็นในปฐมกาล ผู้ซึ่งทรงเป็นในเวลานี้ และผู้ซึ่งจะทรงเป็นตลอดไป

เชื่อมต่อกับแหล่งแห่งฤทธิ์เดช

แม้รู้ว่าหลังเกิดพายุรุนแรง ไฟฟ้าจะใช้ไม่ได้ในบ้านของเรา (เหตุการณ์ปกติที่ไม่สะดวกในละแวกบ้านเรา) แต่เมื่อเข้าไปในห้อง ฉันก็กดสวิตช์เปิดไฟตามสัญชาตญาณ แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นความมืดมิดยังคงปกคลุมรอบตัวฉัน

ประสบการณ์ดังกล่าว คือการคาดหวังว่าจะมีแสงสว่างแม้ในขณะที่รู้ว่าการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานเสียหายแล้ว ทำให้ฉันระลึกถึงความจริงฝ่ายวิญญาณอย่างชัดแจ้ง บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราคาดหวังว่าจะได้รับกำลังหรือฤทธิ์เดชแม้ในยามที่เราไม่ได้พึ่งพาองค์พระวิญญาณ

ใน 1 เธสะโลนิกา เปาโลกล่าวถึงวิธีที่พระเจ้าทรงทำให้ข่าวประเสริฐปรากฏ “มิใช่มาด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยความไว้ใจอันเต็มเปี่ยม” (1:5) และเมื่อเราน้อมรับการอภัยจากพระเจ้า ผู้เชื่อก็สามารถเข้าถึงฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ในชีวิตเราได้ทันที ฤทธิ์เดชนั้นบ่มเพาะคุณลักษณะต่างๆในตัวเรา เช่น ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ (กท.5:22-23) และให้กำลังแก่เราด้วยของประทานนานาประการเพื่อรับใช้คริสตจักร รวมทั้งการสอน การให้ความช่วยเหลือ และการให้คำแนะนำ (1คร.12:28)

เปาโลเตือนผู้อ่านว่าเป็นไปได้ที่จะ “ดับพระวิญญาณ” (1ธส.5:19) เราอาจจำกัดฤทธิ์เดชของพระวิญญาณได้ โดยการไม่ใส่ใจในการสถิตอยู่ของพระเจ้าหรือปฏิเสธการทรงทำให้รู้แจ้งในเรื่องความผิด (ยน.16:8) แต่เราไม่ต้องดำเนินชีวิตที่ขาดการเชื่อมต่อกับพระองค์ เพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้านั้นมีให้กับลูกๆของพระองค์ทุกเวลา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา