ยิ่งกว่าอยู่รอด
ในเดือนเมษายน 1937 เมื่อกองทหารมุสโสลี-นีบุกเข้ามาและบังคับให้มิชชันนารีทั้งหมดที่รับใช้อยู่ในวัลลาโมออกจากเอธิโอเปีย พวกเขาต้องลาจากผู้ที่กลับใจเป็นคริสเตียน 48 คน ที่อยู่ที่นั่นซึ่งมีพระธรรมมาระโกและพระวจนะอีกไม่กี่ตอนเป็นสิ่งบำรุงเลี้ยงจิตวิญญาณ มีไม่กี่คนที่อ่านหนังสือออก แต่เมื่อพวกมิชชันนารีกลับไปที่นั่นใน 4 ปีต่อมา คริสตจักรไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่ยังมีสมาชิกนับหมื่น!
เราวางใจในพระองค์ได้
ฉันรู้น้อยมากเรื่องการกดขี่ข่มเหง ฉันไม่เคยถูกคุกคามสวัสดิภาพเพราะเหตุที่ฉันเชื่อหรือพูดออกไป ความ “รู้” อันเล็กน้อยของฉันในเรื่องนี้มาจากการอ่านและฟัง แต่สำหรับพี่น้องหญิงชายมากมายทั่วโลกไม่ใช่เช่นนั้น มีบางคนที่ชีวิตตกอยู่ในอันตรายทุกวัน เพียงเพราะพวกเขารักพระเยซูและต้องการให้ผู้อื่นมารู้จักพระองค์ด้วย
มีการข่มเหงอีกแบบหนึ่งที่อาจไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ก็ทำให้หัวใจสลาย คือการข่มเหงจากคนในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน เมื่อคนที่เรารักพูดจาเยาะเย้ยความเชื่อและความรักที่เรามีต่อพระเจ้าว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน เราย่อมรู้สึกถูกปฏิเสธและไม่มีใครรัก
เปาโลเตือนผู้เชื่อว่า การติดตามพระเยซูจะทำให้เราถูกข่มเหง “แท้จริงบรรดาคนที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง” (2 ทธ.3:12) และเรารู้ว่าบางครั้งคนที่ปฏิเสธเราคือคนที่เรารัก (มธ.10:34-36) แต่เมื่อคนที่เรารักปฏิเสธพระเจ้าที่เรารัก เราจะรู้สึกราวกับว่าเขากำลังปฏิเสธตัวเรา
พระเจ้าบอกให้เราอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงเรา (มธ.5:44) ซึ่งไม่ได้หมายความเฉพาะคนแปลกหน้าที่เกลียดชังเราเท่านั้น พระเจ้าสามารถประทานพระคุณให้เราอดทนผ่านการข่มเหงได้ แม้กระทั่งในเวลาที่การข่มเหงนั้นมาจากคนที่เรารัก - JAL