ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Remi Oyedele

ชีวิตที่ครบบริบูรณ์

ประโยคที่มีชื่อเสียงของโทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาในศตวรรษที่ 17 กล่าวว่า ชีวิตของมนุษย์โดยธรรมชาตินั้น “โดดเดี่ยว น่าสงสาร น่ารังเกียจ โหดร้าย และ สั้น” ฮอบส์โต้แย้งว่าสัญชาตญาณของเราโน้มน้าวเราให้ก่อสงครามเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเหนือผู้อื่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลเพื่อรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย

ตวงอย่างดี

วันหนึ่งในปั๊มน้ำมัน สเตซี่พบผู้หญิงซึ่งลืมบัตรเครดิตไว้ที่บ้าน เธอมีลูกน้อยมาด้วยและกำลังขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปมา แม้ตอนนั้นสเตซี่จะตกงาน แต่เธอก็จ่ายเงินราว 500 บาทเพื่อเติมน้ำมันให้คนแปลกหน้า วันต่อมา เมื่อสเตซี่กลับมาบ้านก็พบตะกร้าของขวัญที่มีของเล่นเด็ก และของขวัญ อื่นๆรอเธออยู่ที่ระเบียง เพื่อนของคนแปลกหน้าได้ตอบแทนความใจดีของสเตซี่ และเปลี่ยนน้ำใจ 500 บาท ให้กลายเป็นคริสตมาสที่น่าจดจำสำหรับครอบครัวของเธอ

เรื่องราวน่าประทับใจนี้แสดงตัวอย่างที่พระเยซูทรงสอนเมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงให้เขา และท่านจะได้รับด้วย และในตักของท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานถ้วนยัดสั่นแน่นพูนล้นใส่ให้ เพราะว่าท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าจะได้ทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น” (ลก.6:38)

เราอาจถูกทดลอง หากฟังแล้วเรากลับจดจ่ออยู่กับสิ่งที่จะได้รับตอบแทนจากการให้นั้น การทำเช่นนั้นทำให้พลาดประเด็นสำคัญไป พระเยซูตรัสก่อนหน้านั้นว่า “จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืนอีก บำเหน็จของท่านทั้งหลายจึงจะมีบริบูรณ์ และท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด เพราะว่าพระองค์ยังทรงโปรดแก่คนอกตัญญูและคนชั่ว” (ข้อ 35)

เราไม่ได้ให้เพื่อจะได้รับ เราให้เพราะพระเจ้าทรงพอพระทัยในความมีน้ำใจของเรา ความรักที่เรามีต่อผู้อื่นสะท้อนถึงพระทัยอันเปี่ยมด้วยรักของพระองค์ที่มีต่อเรา

สิ่งที่จะเกิดต่อไป

คืนวันที่ 3 เมษายน 1968 ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายที่ชื่อว่า “ข้าพเจ้าเคยขึ้นไปบนยอดเขา” โดยได้บอกเป็นนัยว่าท่านคงมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว ท่านกล่าวว่า “วันที่ยากลำบากรอเราอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ได้มีผลอะไรกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเคยขึ้นไปบนยอดเขา และมองไปรอบๆ และเห็นแผ่นดินพันธสัญญา ข้าพเจ้าอาจไม่ได้ไปที่นั่นกับพวกท่าน...[แต่]ข้าพเจ้ามีความสุขในคืนนี้ ข้าพเจ้าไม่กังวลในเรื่องใด ไม่กลัวผู้ใด ตาของข้าพเจ้าเห็นสง่าราศีของพระเจ้าผู้กำลังเสด็จกลับมา” วันรุ่งขึ้นท่านก็ถูกลอบสังหาร

ก่อนที่อัครทูตเปาโลจะเสียชีวิตไม่นาน ท่านได้เขียนถึงทิโมธีผู้ที่ท่านให้คำปรึกษา “เพราะว่าข้าพเจ้ากำลังจะตกเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป...ต่อแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น” (2 ทธ.4:6,8) เปาโลก็เหมือนกับดร. คิง ที่รู้ว่าเวลาบนโลกกำลังจะหมดลง บุรุษทั้งสองตระหนักว่าการมีชีวิตอยู่นั้นสำคัญมาก แต่ก็ไม่เคยละสายตาจากชีวิตเที่ยงแท้ที่รออยู่ข้างหน้า ทั้งสองยินดีรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

เหมือนกับท่านทั้งสอง เรา “ไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์” (2 คร.4:18)

การออกเดินทางอันล้ำค่า

นิทรรศการหัวข้อ การรอคอย ของประติมากรลิซ เชพเพิร์ด ได้รับการกล่าวถึงโดยนักข่าวว่า “แสดงถึงความล้ำค่า การค้นหา และความประเสริฐในชีวิต” เชพเพิร์ดได้รับแรงบันดาลใจระหว่างเฝ้าข้างเตียงพ่อที่กำลังจะสิ้นใจ เขาพยายามถ่ายทอดถึงความปรารถนาแรงกล้า ความว่างเปล่าเมื่อต้องสูญเสีย และความรู้สึกเปราะบางเมื่อผู้ที่รักจากไป

แนวคิดที่ว่าความตายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอาจขัดต่อความรู้สึก แต่ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “มรณกรรมแห่งธรรมิกชนของพระองค์สำคัญในสายพระเนตรพระเจ้า” (สดด.116:15) พระเจ้าทรงให้คุณค่าแก่ความตายของคนของพระองค์ เพราะเมื่อพวกเขาเสียชีวิต พระองค์ทรงต้อนรับพวกเขากลับบ้าน

ธรรมิกชนของพระเจ้าคือใคร ผู้เขียนสดุดีกล่าวถึงว่าคือผู้ที่รับใช้พระเจ้าด้วยใจขอบพระคุณที่ทรงปลดปล่อย ผู้ที่ร้องทูลพระนามของพระองค์ และผู้ที่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพระเจ้า (สดด.116:16-18) การกระทำเช่นนี้แสดงถึงความแน่วแน่ในการดำเนินกับพระเจ้า รับเอาอิสรภาพจากพระองค์ และฟูมฟักความสัมพันธ์กับพระองค์

โดยการกระทำเช่นนี้ เราจึงอยู่ฝ่ายเดียวกับพระเยซูผู้ที่ “ทรงเลือกไว้...เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์แล้วว่า ดูก่อนเราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยนเป็นศิลาหัวมุมที่ทรงเลือกแล้ว และเป็นศิลาที่มีค่าอันประเสริฐ และผู้ใดที่เชื่อในพระองค์ก็จะไม่ได้รับความอับอาย” (1 ปต.2:4-6) เมื่อเราไว้วางใจในพระเจ้า การที่เราจากโลกนี้ไปก็มีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์

ความเป็นจริงของพระเจ้า

ในหนังสือเมืองในตู้เสื้อผ้า (The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe) ของซี. เอส. ลูอิส ชาวนาร์เนียทั้งหมดตื่นเต้น เมื่ออัสลาน ราชสีห์ที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน แต่ความชื่นชมยินดีกลายเป็นความโศกเศร้าเมื่ออัสลานยอมทำตามคำเรียกร้องของแม่มดขาวผู้ชั่วร้าย ขณะที่อัสลานกำลังจะพ่ายแพ้ ชาวนาร์เนียก็ได้เห็นพลังอำนาจเมื่ออัสลานเปล่งเสียงคำรามดังสนั่นจนทำให้แม่มดกลัวและหนีไป แม้ดูเหมือนจะสูญเสียทุกสิ่งแล้ว แต่ในที่สุดท้ายอัส-ลานก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองยิ่งใหญ่กว่าแม่มดที่ชั่วร้าย

เช่นเดียวกับผู้ติดตามอัสลานในเรื่องราวของลูอิส คนรับใช้ของเอลีชาสิ้นหวังเมื่อตื่นขึ้นตอนเช้าแล้วพบว่าตนเองและเอลีชาถูกกองทัพศัตรูล้อมไว้ “อนิจจา นายของข้าพเจ้า เราจะทำอย่างไรดี” เขาร้อง (2 พกษ.6:15) ผู้เผยพระวจนะตอบอย่างสงบว่า “อย่ากลัวเลย เพราะฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา” (ข้อ 16) แล้วเอลีชาก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเบิกตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น” (ข้อ 17) และ “พระเจ้าทรงเบิกตาของชายหนุ่มคนนั้น และเขาก็ได้เห็นและดูเถิดที่ภูเขาก็เต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงอยู่รอบเอลีชา” (ข้อ 17) แม้ว่าในตอนแรกสถานการณ์จะดูน่าสิ้นหวังในสายตาของคนรับใช้ แต่ในที่สุดฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่พิสูจน์ให้เห็นว่ายิ่งใหญ่กว่าเหล่าศัตรู

สถานการณ์ยากลำบากอาจนำเราให้เชื่อว่าเราหมดสิ้นทุกสิ่ง แต่พระเจ้าปรารถนาที่จะเปิดตาของเราและเผยให้เห็นว่าพระองค์ยิ่งใหญ่กว่า - ROO

เมื่อพระเจ้าทรงแทรกแซง

ในบทกลอนชื่อ “เด็กคนนี้เป็นที่รัก” โอมาวูมิ เอฟูเอเย หรือที่รู้จักกันดีในนามศิษยาภิบาลโอ บอกเล่าว่าพ่อแม่ของเขาพยายามทำทุกทางเพื่อไม่ให้เขาเกิด แต่หลังจากเหตุการณ์ประหลาดหลายอย่างที่ขัดขวางการทำแท้ง พวกเขาก็ตัดสินใจให้ลูกเกิดมา เมื่อโอมาวูมิรับรู้ว่าพระเจ้าปกป้องชีวิตเขา เขาตัดสินใจทิ้งงานที่เงินดีเพื่อมารับใช้เต็มเวลา ในพันธกิจปัจจุบัน เขาเป็นศิษยาภิบาลที่สัตย์ซื่อของคริสตจักรแห่งหนึ่งในลอนดอน

ในทำนองเดียวกัน ในอดีตพระเจ้าทรงช่วยกู้ชนชาติอิสราเอลในยามอ่อนแอถูกปองร้าย ขณะที่เดินทางในถิ่นทุรกันดาร กษัตริย์บาลาคแห่งโมอับเห็น ด้วยความหวาดกลัวความแข็งแกร่งและคนอิสราเอลจำนวนมากบาลาคได้ให้ผู้พยากรณ์ชื่อบาลาอัมมาสาปแช่งพวกเขา (กดว.22:2-6)

แต่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นเมื่อบาลาอัมจะกล่าวคำแช่งสาป สิ่งที่เปล่งออกมากลับกลายเป็นคำอวยพร เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชาให้อวยพร พระเจ้าได้ทรงอำนวยพร และข้าพเจ้าจะเรียกกลับไม่ได้...ไม่มีความทุกข์ยากในยาโคบ และทรงเห็นว่า ไม่มีความยากลำบากในอิสราเอล พระเยโฮวาห์...พระเจ้าทรงนำเขาออกจากอียิปต์” (กดว.23:20-22) พระเจ้าทรงปกป้องอิสราเอลจากสงครามที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะเกิดขึ้น

ไม่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่ วันนี้พระเจ้ายังทรงดูแลคนของพระองค์ ขอให้เรานมัสการพระองค์ผู้ทรงเรียกเราว่าผู้ที่ได้รับพร

จัดวางอย่างสมบูรณ์

นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าโลกของเราอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะพอเหมาะที่จะรับประโยชน์จากความร้อนของมัน หากใกล้กว่านี้น้ำทั้งหมดจะระเหยไปเหมือนดาวศุกร์ หากไกลกว่านี้ทุกอย่างจะถูกแช่แข็งเหมือนดาวอังคาร โลกยังมีขนาดเหมาะสมที่ทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงที่พอดี ถ้าแรงโน้มถ่วงน้อยกว่านี้จะทำให้ทุกสิ่งไร้น้ำหนักเหมือนดวงจันทร์ หากมากกว่านี้จะกักก๊าซพิษที่อันตรายต่อชีวิตเหมือนดาวพฤหัส

ปฏิกิริยาทางกายภาพ เคมี และชีวภาพอันสลับซับซ้อนซึ่งประกอบกันเป็นโลกของเรามีรอยประทับของนักออกแบบผู้ทรงประณีตละเอียด เราได้เห็นถึงการทรงสร้างอันซับซ้อนนี้เมื่อพระเจ้าตรัสกับโยบถึงสิ่งที่เหนือความเข้าใจของเรา “เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน” พระเจ้าตรัส “ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี หรือใครขึงเชือกวัดบนนั้น รากฐานของโลกจมไปอยู่บนอะไร หรือผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน” (โยบ 38:4-6)

การได้เห็นสิ่งทรงสร้างอันยิ่งใหญ่แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็ทำให้เราประหลาดใจที่มหาสมุทรยิ่งใหญ่กราบลงต่อองค์ผู้ “เอาประตูปิดทะเลไว้ เมื่อมันระเบิดออกมา ดังออกมาจากครรภ์...[ผู้ตรัสว่า] ‘เจ้าไปได้ไกลแค่นี้แหละ อย่าเลยไปอีก’” (ข้อ 8-11) ด้วยความอัศจรรย์ใจ เราจึงร้องสรรเสริญร่วมกับดาวรุ่ง และโห่ร้องด้วยความชื่นบานร่วมกับบรรดาบุตรพระเจ้า (ข้อ 7) เพราะโลกอันวิจิตรบรรจงนี้สร้างขึ้นเพื่อให้เราได้รู้จักและวางใจพระเจ้า

ความยินดีของผู้ให้

จำเอลโม่ แคปเบจ แพช คิดส์ เฟอร์บี้ได้หรือไม่ ตุ๊กตาเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนกัน แต่ละชิ้นติดอันดับของขวัญยอดนิยมตลอดกาล 20 อันดับแรกประจำเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนั้น ยังมีของชอบที่คุ้นเคยอย่างเกมเศรษฐี เกมบอยและเกมวีของบริษัทนินเทนโด

ความละโมบ

ในนิทานโบราณเรื่อง เด็กชายกับถั่ว เด็กชายคนหนึ่งล้วงมือเข้าไปในขวดโหลที่มีถั่วอยู่ เขากำได้ถั่วเต็มมือ แต่เอามือออกจากโหลไม่ได้เขาไม่อยากเสียถั่วแม้แต่เม็ดเดียวจึงเริ่มร้องไห้ ในที่สุดมีคนให้คำแนะนำให้เขาปล่อยถั่วออกจากมือไปบ้างเพื่อจะเอามือออกจากโหลได้ ความละโมบอาจเป็นเจ้านายที่ดุดัน

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา