ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Mike Wittmer

พวกเขาจะรู้ได้อย่างไร

คริสตจักร “เดอะ แกเธอริง” ทางภาคเหนือของประเทศไทยเป็นคริสตจักรนานาชาติที่เป็นลูกผสมระหว่างนิกายต่างๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เชื่อในพระเยซูจากเกาหลี กาน่า ปากีสถาน จีน บังคลาเทศ สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ มารวมตัวกันในห้องประชุมของโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง พวกเขาร้องเพลง “ในพระคริสต์ผู้เดียว (In Christ Alone)” และเพลง “ฉันเป็นลูกของพระเจ้า (I Am a Child of God)” ซึ่งมีเนื้อร้องน่าประทับใจเป็นพิเศษท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้น

ไม่มีใครนำผู้คนมารวมตัวกันได้เหมือนพระเยซู พระองค์ทรงกระทำการนั้นตั้งแต่เริ่มแรก ในศตวรรษแรก เมืองอันทิโอกประกอบด้วยผู้คนจาก 18 เชื้อชาติที่ต่างกันโดยแต่ละกลุ่มอาศัยอยู่ในเขตของตัวเอง เมื่อผู้เชื่อมาที่เมืองอันทิโอกเป็นครั้งแรก พวกเขาประกาศเรื่องพระเยซู “แก่ยิวพวกเดียว” (กจ.11:19) แต่นั่นไม่ใช่แผนการของพระเจ้าสำหรับคริสตจักรแห่งนี้ ในไม่ช้าก็มีบางคนเริ่ม “ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสตเจ้าแก่พวกกรีกด้วย” และ “คนเป็นอันมากที่เชื่อก็กลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 20-21) ผู้คนในเมืองสังเกตเห็นว่าพระเยซูกำลังเยียวยาความบาดหมางระหว่างชาวยิวและชาวกรีกที่ดำเนินมาหลายศตวรรษ และพวกเขาประกาศว่าคริสตจักรที่ประกอบด้วยคนจากหลากหลายเชื้อชาตินี้ควรจะได้ชื่อว่า “คริสเตียน” หรือ “พระคริสต์น้อยๆ” (ข้อ 26)

อาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเราที่จะก้าวข้ามพรมแดนทางเชื้อชาติ สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อยอมรับผู้คนที่แตกต่างจากเรา แต่ความยากนี้เป็นโอกาสสำหรับเรา เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องยาก เราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพระเยซู และจะมีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตเห็นว่าเรากำลังติดตามพระองค์

อยู่ด้วยกัน

คริสตจักรดิวเบอร์รี่แบ๊บติสต์แยกตัวกันในช่วงทศวรรษ 1800 เพราะน่องไก่ เรื่องราวถูกเล่าในหลายรูปแบบ แต่เรื่องที่สมาชิกปัจจุบันบอกคือชายสองคนทะเลาะกันเรื่องน่องไก่ชิ้นสุดท้ายที่งานเลี้ยงอาหารที่โบสถ์ ชายคนหนึ่งบอกว่าพระเจ้าอยากให้เขาได้มัน อีกคนพูดว่าพระเจ้าไม่สนใจหรอกและตัวเขาอยากได้มันจริงๆ ทั้งสองคนโกรธมากจนหนึ่งในนั้นย้ายไปตั้งคริสตจักรดิวเบอร์รี่แบ๊บ-ติสต์ที่ 2 ห่างไปสองกิโลเมตรบนถนนเดียวกัน ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตจักรทั้งสองตกลงเรื่องความไม่ลงรอยได้ และทุกคนยอมรับว่าเหตุผลที่พวกเขาแยกกันนั้นไร้สาระ

พระเยซูทรงเห็นด้วย ในคืนก่อนการสิ้นพระชนม์พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อสาวกให้พวกเขา “เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์” ให้เขาทั้งหลาย “เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา” (ยน.17:21-23)

เปาโลเห็นด้วยเช่นกัน ท่านกระตุ้นให้พวกเรา “เพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว” (อฟ.4:3-4) และสิ่งนี้ไม่สามารถแยกจากกันได้

พวกเราซึ่งคร่ำครวญเพราะร่างกายของพระคริสต์ที่แตกสลายเพื่อบาปของเราต้องไม่แบ่งแยกพระกายของพระองค์คือคริสตจักร ด้วยความโกรธ การนินทาและเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เราเป็นฝ่ายผิดดีกว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คริสตจักรแตกแยก จงยกน่องไก่นั้นให้ชายอีกคน และให้พายเขาเพิ่มไปด้วย!

สาวกที่แท้จริงของพระเยซู

เมื่อคริสเตียน มูสตาด เอาภาพวาดทิวทัศน์ของแวนโก๊ะให้โอกุสต์ เพลเลอรินผู้เป็นนักสะสมงานศิลปะดู เพลเลอรินมองภาพนั้นเพียงครั้งเดียวแล้วพูดว่ามันไม่ใช่ของจริง มูสตาดจึงเอาภาพนั้นไปซ่อนไว้ที่ห้องใต้หลังคาซึ่งภาพนั้นอยู่ที่นั่นตลอดห้าสิบปี เมื่อมูสตาดเสียชีวิตภาพนั้นถูกนำไปประเมินค่าครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดสี่สิบปีต่อมา ทุกครั้งมันถูกตัดสินว่าเป็นของปลอม จนกระทั่งปี 2012 เมื่อผู้เชี่ยวชาญใช้คอมพิวเตอร์นับรอยแตกของเส้นด้ายในผ้าใบของภาพนั้น เขาค้นพบว่ามันถูกตัดมาจากผ้าใบผืนเดียวกับงานอีกชิ้นหนึ่งของแวนโก๊ะ มูสตาดได้เป็นเจ้าของผลงานที่แท้จริงของแวนโก๊ะมาโดยตลอด

คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นของปลอมหรือไม่ คุณกลัวไหมหากมีคนมาตรวจสอบคุณแล้วพบว่าคุณอธิษฐาน ถวายและรับใช้น้อยกว่าคนอื่นๆ คุณกำลังถูกชักจูงให้ไปซ่อนตัวที่ห้องใต้หลังคาเพื่อหลบสายตาที่สอดรู้สอดเห็นของคนอื่นหรือไม่

จงมองลึกลงไปภายใต้สีสันและโครงร่างของชีวิตคุณ หากคุณหันจากทางของคุณและเชื่อวางใจในพระเยซู เมื่อนั้นคุณและพระองค์ก็มาจากผ้าใบผืนเดียวกัน หากใช้ภาพของพระเยซูที่ตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง” (ยน.15:5) พระเยซูกับคุณก็เป็นผ้าผืนเดียวกันที่ไร้รอยต่อ

การพึ่งพิงในพระเยซูทำให้คุณเป็นสาวกที่แท้จริงของพระองค์ และนี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะปรับปรุงภาพวาดของคุณให้ดีขึ้น พระองค์ตรัสว่า “ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นจะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” (ข้อ 5)

คริสเตียนที่ฉลาด

การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลให้ทั่วโลกต้องยกเลิกการเรียนในโรงเรียน ในประเทศจีนคุณครูแก้ปัญหาโดยการใช้ติงทอล์ค ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้จัดชั้นเรียนออนไลน์ได้ ต่อมาพวกนักเรียนพบว่าหากคะแนนความนิยมของติงทอล์คต่ำเกินไป มันอาจถูกลบออกจากแอปสโตร์ได้ ในชั่วข้ามคืนการให้คะแนนระดับหนึ่งดาวจากคนนับพันจึงทำให้คะแนนของติงทอล์คลดต่ำลง

พระเยซูคงไม่ประทับใจในนักเรียนที่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบของตน แต่อาจทรงชื่นชมความเฉลียวฉลาดของพวกเขา พระองค์ทรงเล่าเรื่องที่ฉีกแนวของคนต้นเรือนที่ถูกไล่ออก ในวันสุดท้ายของการทำงานเขาแก้หนี้ของลูกหนี้เจ้านายให้น้อยลง พระเยซูไม่ได้ยกย่องความไม่ซื่อสัตย์ของคนต้นเรือนนี้ แต่ทรงชื่นชมความฉลาดของเขา และทรงหวังว่าผู้ที่ติดตามพระองค์จะฉลาดเท่ากับเขา “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงกระทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยทรัพย์สมบัติอธรรม เพื่อเมื่อทรัพย์นั้นเสียไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยอันถาวรเป็นนิตย์” (ลก.16:9)

เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน คนส่วนใหญ่มักกังวลถึงส่วนที่ตนเองจะต้องสูญเสีย แต่คนฉลาดมองหาวิธีที่จะทำให้เงินนั้นเกิดประโยชน์ พระเยซูตรัสว่าการให้แก่ผู้อื่น “ทำ...ให้มีมิตรสหาย” ซึ่งมาพร้อมกับความปลอดภัยและอิทธิพล ใครกันที่เป็นผู้นำในกลุ่ม ก็คือคนที่จ่ายเงิน การให้ยังเพิ่ม “ที่อาศัยอันถาวรเป็นนิตย์” อีกด้วย ด้วยความเต็มใจที่จะตัดใจจากทรัพย์สินเงินทอง เราก็ได้สำแดงความไว้วางใจของเราในพระเยซู

แม้เราอาจไม่มีเงิน แต่เรามีเวลา มีความสามารถหรือหูที่รับฟัง ให้เราทูลขอพระเจ้าให้ทรงสำแดงวิธีที่จะรับใช้ผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์เพื่อพระเยซู

คุณชื่ออะไร

มีคนบอกว่าในชีวิตหนึ่งเราจะมีสามชื่อ ได้แก่ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ชื่อที่คนอื่นตั้งให้(ชื่อเสียง) และชื่อที่เราตั้งให้ตัวเอง (ลักษณะนิสัยของเรา) ชื่อที่คนอื่นตั้งให้นั้นสำคัญเพราะ “ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่งมากมาย และซึ่งเป็นที่โปรดปราน ก็ดีกว่ามีเงินหรือทอง” (สภษ.22:1) แต่ขณะที่ชื่อเสียงมีความสำคัญ ลักษณะนิสัยของเราสำคัญกว่า

แต่กระนั้นยังมีอีกชื่อหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น พระเยซูได้บอกกับคริสเตียนที่เปอร์กามัมว่าแม้ชื่อเสียงของพวกเขาจะเสื่อมเสียตามการกระทำที่สมควรได้รับ แต่พระองค์มีชื่อใหม่เตรียมไว้ในสวรรค์ให้กับผู้ที่ต่อสู้และเอาชนะการทดลอง “เราจะให้…แก่ผู้ที่มีชัยชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย ที่หินนั้นมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้เลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น” (วว.2:17)

เราไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใดพระเยซูจึงทรงสัญญาว่าจะให้หินขาว หรือนั่นคือรางวัลจากชัยชนะ หรืออาจเป็นสัญลักษณ์เพื่อใช้เข้าสู่งานเลี้ยงของพระเมสสิ-ยาห์ หรืออาจจะคล้ายกับสิ่งที่คณะลูกขุนใช้ลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินให้พ้นโทษ เราไม่รู้จริงๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร พระเจ้าทรงสัญญาว่าชื่อใหม่นี้จะลบล้างความอับอายของเรา (ดู อสย.62:1-5)

ชื่อเสียงของเราอาจจะเสื่อมเสีย ลักษณะนิสัยของเราอาจดูเหมือนเกินเยียวยา แต่ในที่สุดแล้วชื่อทั้งสองไม่ได้บ่งบอกถึงตัวเราอย่างแท้จริง ชื่อที่คนอื่นเรียกเราหรือที่เราเรียกตัวเองนั้นไม่สำคัญ คุณเป็นคนที่พระเยซูบอกว่าคุณเป็น ขอให้คุณใช้ชีวิตตามชื่อใหม่นั้น

คนแกร่งหัวใจไม่แพ้ในพระเยซู

เครื่องบินรบของหลุยส์ แซมเปอรินี่ตกในทะเลระหว่างสงคราม มีผู้เสียชีวิตแปดคนจากสิบเอ็ดคน หลุยส์หรือลูอี้และอีกสองคนตะเกียกตะกายขึ้นใปในเรือชูชีพ พวกเขาลอยลำอยู่สองเดือน คอยไล่ฉลาม ฝ่าลมพายุ หลบกระสุนจากเครื่องบินของศัตรู และจับปลากับนกกินดิบๆ ในที่สุดพวกเขาก็ลอยไปขึ้นเกาะแห่งหนึ่งและถูกจับทันที เป็นเวลาสองปีที่ลูอี้ในฐานะเชลยสงครามถูกทุบตี ถูกทรมาน และต้องทำงานหนักอย่างไร้ความปราณี เรื่องราวสุดอัศจรรย์ของเขาถูกเล่าไว้ในหนังสือชื่อ คนแกร่งหัวใจไม่ยอมแพ้

เยเรมีย์เป็นหนึ่งในคนแกร่งหัวใจไม่ยอมแพ้ในพระคัมภีร์ ท่านถูกศัตรูปองร้าย (ยรม.11:18) ถูกทุบตีและจับใส่ขื่อคา (20:2) ถูกเฆี่ยนและขังในคุกมืด (37:15-16) ถูกหย่อนให้จมลงในบ่อโคลน (38:6) ท่านรอดชีวิตเพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะอยู่ด้วยและช่วยกู้ท่าน (1:8) พระเจ้าทรงสัญญากับเราเช่นกันว่า “เราจะไม่ละท่าน หรือทอดทิ้งท่านเลย” (ฮบ.13:5) พระเจ้าไม่ได้สัญญาว่าเยเรมีย์หรือเราจะไม่ต้องพบกับปัญหา แต่ทรงสัญญาว่าจะช่วยให้เราผ่านปัญหาไปได้

ลูอี้เห็นถึงการปกป้องของพระเจ้า ภายหลังสงครามเขาจึงถวายชีวิตแด่พระเยซู เขาให้อภัยคนที่จับเขาและได้นำบางคนมาถึงพระคริสต์ ลูอี้รู้ว่าแม้เราจะหลีกเลี่ยงปัญหาทุกอย่างไม่ได้ แต่เราไม่จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างเดียวดาย เมื่อเราเผชิญปัญหาพร้อมกับพระเยซู เราจะเป็นคนแกร่งที่หัวใจไม่ยอมแพ้

รักศัตรู

ผมหลบเข้าไปในห้องก่อนเธอจะเห็นผม ผมรู้สึกอายที่ต้องหลบซ่อนแต่ผมไม่อยากคุยกับเธอในตอนนั้นหรือตลอดไป ผมอยากบอกให้เธอไปหรือให้เธอรู้ตัว แม้ผมจะเคยหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเธอในอดีต แต่เป็นไปได้ว่าผมเป็นฝ่ายที่ทำให้เธอขัดเคืองใจมากยิ่งกว่า!

ชาวยิวและชาวสะมาเรียก็มีความสัมพันธ์ที่ขัดเคืองใจต่อกันเช่นกัน จากการมีเชื้อสายที่หลากหลายและนมัสการพระของตัวเอง ชาวสะมาเรียในสายตาของชาวยิวได้ทำให้สายเลือดและความเชื่อของคนยิวเสียหาย และก่อตั้งศาสนาคู่แข่งบนภูเขาเกริซิม (ยน.4:20) ที่จริงชาวยิวรังเกียจชาวสะมาเรียมากจนยอมเดินทางอ้อมเมืองไปซึ่งไกลกว่าเดินทางตรงผ่านดินแดนสะมาเรีย

พระเยซูทรงเปิดเผยให้เห็นหนทางที่ดีกว่า พระองค์นำความรอดมาสู่ทุกคนรวมทั้งชาวสะมาเรียด้วย ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเข้าไปยังใจกลางดินแดนสะมาเรียเพื่อนำน้ำธำรงชีวิตไปให้หญิงคนบาปและเมืองของเธอ (ข้อ 4-42) ถ้อยคำสุดท้ายที่พระองค์ตรัสแก่สาวกคือ ให้ทำตามแบบอย่างของพระองค์ พวกเขาต้องประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคน เริ่มจากเยรูซาเล็มและแพร่ไปผ่านสะมาเรียจนถึง “​ที่สุด​ปลาย​แผ่นดิน​โลก” (กจ.1:8) สะมาเรียเป็นมากกว่าลำดับถัดไปทางภูมิศาสตร์ แต่เป็นส่วนที่เจ็บปวดที่สุดในพันธกิจ เหล่าสาวกต้องเอาชนะอคติที่มีมาทั้งชีวิตและรักคนที่พวกเขาไม่ชอบ

พระเยซูทรงสำคัญสำหรับเรามากกว่าความคับข้องใจของเราหรือไม่ มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้แน่ใจได้ นั่นคือจงรักคนที่เปรียบเหมือน “ชาวสะมาเรีย” ของคุณ

ใครต้องการความช่วยเหลือจากคุณ

คลิฟฟอร์ด วิลเลี่ยม ถูกตัดสินประหารชีวิตในคดีฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ทำจากแดนประหารเขาพยายามยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีของเขาใหม่ คำร้องของเขาถูกปฏิเสธตลอดเวลาสี่สิบสองปี แล้ววันหนึ่งอัยการเชลลี่ ทิโบโด เห็นคำร้องของเขา เธอพบว่าไม่เพียงไม่มีหลักฐานที่จะปรักปรำวิลเลี่ยม แต่ยังมีชายอีกคนหนึ่งได้สารภาพว่าเป็นฆาตกรในคดีนั้นแล้ว ในที่สุดเมื่ออายุเจ็ดสิบหกปี วิลเลี่ยมก็พ้นข้อกล่าวหาและได้รับการปล่อยตัว

ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์และอุรีอาห์เผชิญปัญหาใหญ่เช่นกัน พวกเขาได้บอกกับชาวยูดาห์ว่าพระเจ้าทรงยืนยันที่จะพิพากษาประชากรของพระองค์หากพวกเขาไม่กลับใจ (ยรม.26:12-13, 20) ข่าวนี้ทำให้พวกเจ้านายของยูดาห์และประชาชนโกรธ และหาทางสังหารผู้เผยพระวจนะทั้งสองคน พวกเขาจัดการอุรีอาห์สำเร็จ โดยท่านหนีไปอียิปต์แต่ก็ถูกนำตัวกลับมาถวายต่อกษัตริย์ผู้สั่งให้ “ประหารท่านเสียด้วยดาบ” (ข้อ 23) ทำไมพวกเขาไม่ได้ประหารเยเรมีย์ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “มือของอาหิคัม...อยู่กับเยเรมีย์ ฉะนั้นเยเรมีย์จึงมิได้ถูกมอบให้ประชาชนประหารชีวิต” (ข้อ 24)

เราอาจไม่รู้จักใครที่กำลังเผชิญกับความตาย แต่เราอาจรู้จักคนที่ต้องการความช่วยเหลือของเรา บางคนอาจกำลังถูกละเมิดสิทธิ บางคนอาจถูกมองข้ามความสามารถ บางคนที่เสียงของเขาอาจไม่มีใครได้ยิน อาจเป็นการเสี่ยงที่จะก้าวออกมาเหมือนทิโบโดหรืออาหิคัม แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มีใครบ้างที่กำลังต้องการให้เราช่วยโดยการทรงนำของพระเจ้า

พระเยซูทรงฟื้นฟูเรา

แม้ว่าแซมจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขาก็ต้องออกจากงานในสายผลิตที่ทำอยู่ ความสะเพร่าในแผนกอื่นทำให้รถยนต์ที่พวกเขาประกอบมีปัญหา หลังมีข่าวเรื่องการชนหลายครั้ง ลูกค้าที่ดูข่าวก็หยุดซื้อรถจากพวกเขา บริษัทต้องลดขนาดลงทำให้แซมตกงาน เขาได้รับผลกระทบทางอ้อมและนี่ไม่ยุติธรรมเลย

การได้รับผลกระทบทางอ้อมนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทันทีหลังจากความบาปครั้งแรก อาดัมและเอวาอับอายที่ตัวเองเปลือยกาย พระเจ้าจึงทรงกรุณาปกปิดร่างกายพวกเขาด้วย “เสื้อหนังสัตว์” (ปฐก.3:21) เป็นเรื่องเจ็บปวดที่จะนึกถึง แต่สัตว์หนึ่งตัวหรือมากกว่านั้นที่เคยปลอดภัยอยู่ในสวนต้องถูกฆ่าและถลกหนัง

ยังจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พระเจ้าตรัสกับอิสราเอลว่า “ท่านจะจัดการหาลูกแกะตัวหนึ่งอายุหนึ่งขวบปราศจากตำหนิถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าเป็นประจำวัน ท่านจะจัดหาทุกๆเช้า” (อสค.46:13) ทุกๆวัน มีสัตว์กี่พันตัวที่ต้องกลายเป็นเครื่องบูชาเพราะบาปของมนุษย์

ความตายของสัตว์เหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกปิดบาปของเรา จนกระทั่งพระเยซูผู้เป็นลูกแกะของพระเจ้าเสด็จมาเพื่อลบล้างออกไป (ยน.1:29) เรียกได้ว่าเป็น “การแก้ไขความผิดที่ตกทอด” ในขณะที่บาปของอาดัมฆ่าเรา แต่การเชื่อฟังของอาดัมคนสุดท้าย (พระคริสต์) จะฟื้นฟูทุกคนที่เชื่อในพระองค์ (รม.5:17-19) การแก้ไขความผิดที่ตกทอดนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยุติธรรม เพราะต้องจ่ายด้วยชีวิตของพระเยซูแต่เราได้รับมาฟรีๆ จงเข้าหาพระเยซูด้วยความเชื่อและรับการไถ่ที่พระองค์เสนอให้ และชีวิตอันชอบธรรมของพระองค์จะมีค่าสำหรับคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา