การรักษาที่ลึกกว่าเดิม
ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ปี 2020 รูปปั้นพระคริสต์พระผู้ไถ่ ที่มีชื่อเสียงซึ่งมองไปยังเมืองริโอ เดอ จาเนโรในประเทศบราซิลได้รับการประดับไฟให้ดูเหมือนว่าพระองค์ทรงสวมชุดแพทย์ การนำเสนอภาพของพระคริสต์ในฐานะแพทย์นั้นก็เพื่อเป็นการยกย่องบุคลากรด้านสาธารณสุขในแนวหน้าที่กำลังต่อสู้กับการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรนา ภาพนั้นทำให้คำบรรยายที่พูดถึงพระเยซูว่าทรงเป็นแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นดูมีชีวิตขึ้นมา (มก.2:17)
พระเยซูทรงรักษาคนมากมายจากความเจ็บป่วยทางกายในขณะทรงทำพระราชกิจบนโลก ไม่ว่าจะเป็นชายตาบอดบารทิเมอัส (มก.10:46-52) คนโรคเรื้อน (ลก.5:12-16) คนง่อย (มธ.9:1-8) นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นพระองค์แสดงความห่วงใยในสุขภาพของผู้ที่ติดตามพระองค์โดยทรงทวีคูณอาหารธรรมดาๆเพื่อเลี้ยงดูฝูงชนที่หิวโหย (ยน.6:1-13) การอัศจรรย์แต่ละครั้งเปิดเผยถึงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และความอันรักแท้จริงของพระองค์ที่ทรงมีต่อมนุษย์
อย่างไรก็ตามการเยียวยารักษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ คือการยอมสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ ที่ได้พยากรณ์ไว้โดยผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “ที่ท่าน [พระเยซู]ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี” จากความทุกข์ที่เลวร้ายที่สุดของเรา นั่นคือการแยกขาดจากพระเจ้าจากผลของความบาป (อสย.53:5) แม้พระเยซูไม่ได้รักษาความเจ็บป่วยทั้งหมดของเรา แต่เราวางใจได้ว่าพระองค์จะทรงรักษาความต้องการในส่วนที่ลึกที่สุดของเรา นั่นคือการเยียวยารักษาที่นำเรากลับมาสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกครั้ง
ดนตรีบำบัด
เมื่อเบลล่าวัยห้าขวบต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในรัฐนอร์ทดาโกต้า เธอได้รับการบำบัดด้วยดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา หลายคนเคยได้สัมผัสถึงผลลัพธ์อันทรงพลังของดนตรีที่มีต่ออารมณ์แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด แต่เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยหลายคนได้ทำการบันทึกข้อมูลทางคลีนิคถึงผลดีในการรักษา ในขณะนี้ดนตรีได้ถูกกำหนดให้ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเหมือนกับเบลล่า และผู้ป่วยอื่นๆที่กำลังทนทุกข์จากโรคพาร์กินสัน ภาวะสมองเสื่อม และผู้บอบช้ำทางจิตใจ
กษัตริย์ซาอูลทรงเข้าหาดนตรีบำบัดเมื่อพระองค์ทุกข์ทรมาน มหาดเล็กเห็นความทรมานของพระองค์และแนะนำให้หาคนที่สามารถดีดพิณถวาย โดยหวังจะทำให้พระองค์ “หายดี” (1ซมอ.16:16) พวกเขานำเสนอดาวิดบุตรชายของเจสซี และซาอูลทรงพอพระทัยในตัวดาวิดและขอให้ดาวิด “อยู่รับราชการ [กับพระองค์]” (ข้อ 22) ดาวิดดีดพิณถวายซาอูลเมื่อพระองค์ขาดความสงบสุข ทำให้พระองค์ผ่อนคลายจากความปวดร้าว
เราอาจเพิ่งค้นพบทางวิทยาศาสตร์ถึงผลลัพธ์ของดนตรีที่มีต่อเราซึ่งพระเจ้าทรงทราบมาตั้งแต่แรก ในฐานะพระผู้สร้างทั้งร่างกายของเราและดนตรีนั้น พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมยาเพื่อสุขภาพที่พร้อมให้เราทุกคนเข้าถึงได้ไว้แล้วไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคสมัยใด หรือการไปพบแพทย์จะเป็นเรื่องยากง่ายเพียงไรแม้กระทั่งในเวลาที่ไม่มีหนทางให้เราได้สดับฟัง เราก็ยังสามารถร้องเพลงถวายพระเจ้าในท่ามกลางความสุขและในยามทุกข์ของเรา (สดด.59:16; กจ.16:25)
ปกป้องใจของคุณ
หลังจากที่อับราฮัม วัลด์ นักคณิตศาสตร์ชาวฮังการีมาถึงสหรัฐในปีค.ศ.1938 เขาได้ทุ่มเทความสามารถให้กับการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพกำลังหาวิธีปกป้องอากาศยานจากการยิงของศัตรู วัลด์และเพื่อนร่วมงานในกลุ่มวิจัยทางสถิติถูกขอให้หาวิธีที่ดีกว่าเดิมในการป้องกันอากาศยานจากการโจมตี พวกเขาเริ่มจากตรวจสอบเครื่องบินที่บินกลับมาเพื่อดูว่าจุดใดเสียหายมากที่สุด แต่ผลงานอันเป็นที่ยอมรับของวัลด์คือการวิเคราะห์อันเฉียบคมว่าความเสียหายบนตัวเครื่องบินที่บินกลับมานั้นบ่งบอกได้เพียงว่าเครื่องบินถูกโจมตีที่จุดใดและยังคงรอดกลับมาได้ เขาพบว่าจุดที่จำเป็นต้องเสริมเกราะมากที่สุดจะพบได้บนเครื่องบินที่ตก ซึ่งถูกโจมตีตรงส่วนที่เปราะบางที่สุดคือเครื่องยนต์ ก็จะตกและไม่สามารถนำมาตรวจสอบได้
ซาโลมอนสอนเราถึงการปกป้องส่วนที่เปราะบางที่สุด นั่นคือหัวใจของเรา พระองค์สอนบุตรชายของพระองค์ให้ “รักษาใจ [ของเขา]” เพราะทุกสิ่งก็ออกมาจากใจ (สภษ.4:23) คำแนะนำของพระเจ้าจะนำทางชีวิตเราหันเราออกจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด และสอนเราว่าควรจะมุ่งความสนใจไปที่ใด
หากเราสวมเกราะให้กับใจของเราด้วยการเอาใจใส่ในคำสอนของพระองค์ เราก็จะ “กลับ [เท้าของเรา] เสียจากความชั่วร้าย” และยังคงดำเนินไปกับพระเจ้าอย่างมั่นคง (ข้อ 27) เราเสี่ยงภัยในดินแดนของศัตรูอยู่ทุกวัน แต่ด้วยพระปัญญาของพระเจ้าที่ปกป้องหัวใจของเรา เราจึงสามารถจดจ่อกับภารกิจในการดำเนินชีวิตให้ดีเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ที่ทำรัง
นกนางแอ่นทรายเป็นนกนางแอ่นขนาดเล็กที่ขุดรูทำรังตามริมตลิ่งแม่น้ำ การพัฒนาที่ดินในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษทำให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันลดลง และแต่ละปีเมื่อพวกมันกลับมาจากการอพยพย้ายถิ่นในฤดูหนาวมันจะมีที่ให้ทำรังน้อยลงเรื่อยๆ นักอนุรักษ์ท้องถิ่นรีบลงมือสร้างสันทรายเทียมขนาดมหึมาเพื่อให้นกใช้เป็นที่อยู่อาศัย ด้วยการช่วยเหลือของบริษัทรับปั้นทราย พวกเขาปั้นทรายเพื่อสร้างที่อยู่ให้นกได้อาศัยต่อไปอีกหลายปี
การช่วยเหลือนกนี้เป็นภาพสะท้อนอันชัดเจนของคำตรัสที่พระเยซูทรงปลอบประโลมสาวกของพระองค์ หลังจากทรงบอกพวกเขาว่าพระองค์จะเสด็จจากไปและพวกเขาจะยังไปกับพระองค์เดี๋ยวนั้นไม่ได้ (ยน.13:36) พระองค์ประทานความมั่นใจแก่พวกเขาว่าพระองค์จะ “เตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย” ในสวรรค์ (14:2) ถึงแม้พวกเขามีเหตุผลที่จะเสียใจเมื่อพระเยซูตรัสว่าจะจากพวกเขาไปในอีกไม่ช้า และพวกเขายังตามพระองค์ไปไม่ได้ แต่พระองค์ประทานกำลังใจให้พวกเขามองภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการตระเตรียมเพื่อต้อนรับพวกเขา และเราทั้งหลาย
หากปราศจากการสละพระชนม์ชีพของพระเยซูบนไม้กางเขน “ที่อยู่เป็นอันมาก” ในพระนิเวศของพระบิดาจะไม่สามารถต้อนรับพวกเขาได้เลย (ข้อ 2) การที่พระคริสต์เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเตรียมที่ไว้เป็นการรับประกันว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาและพาผู้ที่เชื่อวางใจในการเสียสละของพระองค์ไปอยู่กับพระองค์ ที่นั่นเราจะได้อาศัยอยู่กับพระองค์อย่างชื่นชมยินดีตลอดนิรันดร์
เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
เรื่องราวต่างๆเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจมนุษย์มาตั้งแต่การทรงสร้างได้เริ่มต้นขึ้น เป็นวิธีถ่ายทอดความรู้ก่อนที่ภาษาเขียนจะเกิดขึ้น เราทุกคนต่างรู้ดีถึงความเพลิดเพลินของการฟังหรือการอ่านเรื่องราว และรู้สึกมีส่วนร่วมในทันทีกับประโยคเริ่มเรื่อง เช่น “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” พลังของเรื่องราวไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การให้ความเพลิดเพลิน เมื่อเราฟังเรื่องราวไปพร้อมๆกัน หัวใจของเราดูเหมือนจะเต้นสอดประสานเข้าด้วยกัน! แม้หัวใจของเราจะเต้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละวันและอาจตรงกับของผู้อื่นเข้าโดยบังเอิญ แต่งานวิจัยใหม่ระบุว่า หัวใจของเราทุกคนอาจเต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อเราได้ยินเรื่องราวเดียวกันในเวลาเดียวกัน
พระเจ้าทรงเริ่มเล่าเรื่องราวของพระองค์ให้เราฟังด้วยคำว่า “ในปฐมกาล” (ปฐก.1:1) เมื่ออาดัมและเอวาเริ่มหายใจเป็นครั้งแรก (ข้อ 27) พระเจ้าไม่เพียงแต่ใช้เรื่องราวที่พระองค์ทรงสำแดงเพื่อหล่อหลอมชีวิตของเราเป็นรายคน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ ชีวิตของเราทุกคนรวมกันในฐานะบุตรของพระองค์ หัวใจของเราในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ผู้ซึ่งถูกแยกออกมาเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ (1 ปต.2:9) จะถูกหลอมรวมกันผ่านพระคัมภีร์ซึ่งเป็นเรื่องราวจริงที่ไม่ใช่นวนิยาย และมีความงดงามที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
ขอให้หัวใจของเราตอบสนองด้วยการเต้นเป็นจังหวะเดียวกันขณะที่เราร่วมยินดีในผลงานที่สร้างสรรค์ของผู้ประพันธ์ และขอให้เราแบ่งปันเรื่องราวของพระองค์กับผู้อื่น โดยประกาศถึง “พระสิริของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชา-ชาติ ถึงการอัศจรรย์ของพระองค์ท่ามกลางบรรดาชนชาติทั้งหลาย” (สดด.96:3) และเชื้อเชิญให้พวกเขาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้
คุณยายวาฬ
วาฬเพชฌฆาตที่นักวิจัยตั้งชื่อเรียกว่า “แกรนนี่ (คุณยาย)” นั้น ดูเหมือนจะรู้ดีถึงบทบาทสำคัญที่มันมีในชีวิตของ “หลานวาฬ” แม่ของวาฬหนุ่มน้อยเพิ่งตายจากไป และเจ้าวาฬกำพร้ายังไม่โตพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยปราศจากการคุ้มครองและการสนับสนุน คุณยายวาฬแม้จะอายุ 80 กว่า (หรือมากกว่านั้น) ยังคงอยู่เคียงข้างหลานเพื่อสอนในสิ่งที่จำเป็นต่อการเอาตัวรอด คุณยายวาฬจับปลาให้เจ้าวาฬตัวน้อยแทนที่จะกินเอง ดังนั้นมันจึงไม่เพียงแต่ได้กินอาหาร แต่ยังได้เรียนรู้อีกว่าจะกินอะไรและจะหาปลาแซลมอนได้ที่ไหนเพื่อจะมีชีวิตรอด
เราเองก็ได้รับเกียรติและความชื่นชมยินดีที่ได้ส่งต่อความรู้ที่เรามี นั่นคือเราสามารถบอกเล่าถึงพระลักษณะและพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระเจ้ากับผู้ที่มาภายหลัง ผู้เขียนสดุดีที่เข้าสู่วัยชราแล้วทูลขอพระเจ้าให้ท่านสามารถ “ประกาศถึงอานุภาพของพระองค์แก่ชาติพันธุ์ถัดไป” (สดด.71:18) ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแบ่งปันสิ่งที่ตนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าแก่ผู้อื่น คือ “กิจการอันชอบธรรมของพระองค์” และ “ราชกิจที่ช่วยให้รอดของพระองค์” ที่เราจำเป็นต้องโอ้อวด (ข้อ 15)
แม้เราจะยังไม่มีผมหงอกในวัยชรา (ข้อ 18) การประกาศถึงประสบการณ์ที่เรามีในความรักและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคนที่กำลังเดินกับพระเจ้า ความยินดีที่จะแบ่งปันสติปัญญาของเราอาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนคนนั้น ในการดำเนินชีวิตและการเติบโตในพระคริสต์แม้ในยามยากลำบาก (ข้อ 20)
ทั้งสองล้วนเป็นจริง
เฟิงลู่ลู่ได้พบกับครอบครัวที่ให้กำเนิดหลังผ่านไปสามทศวรรษ ตอนยังเล็กเธอถูกลักพาตัวไปขณะเล่นอยู่นอกบ้าน แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสหพันธ์สตรีแห่งประเทศจีนเธอจึงถูกพบตัวในที่สุด ตอนที่ถูกลักพาตัวเฟิงลู่ลู่ยังเด็กมากจึงจำอะไรไม่ได้ เธอเติบโตขึ้นมาโดยเชื่อว่าตนเองถูกขายเพราะพ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ การได้รู้ความจริงทำให้เกิดคำถามและความรู้สึกที่หลากหลาย
เมื่อโยเซฟได้พบพวกพี่ชายอีกครั้ง ดูเหมือนว่าท่านจะมีอารมณ์ที่หลากหลาย ท่านถูกพวกพี่ชายขายไปเป็นทาสที่อียิปต์ตั้งแต่ยังหนุ่ม แม้จะเจอเรื่องราวพลิกผันอันเจ็บปวดหลายต่อหลายครั้ง แต่พระเจ้าทรงนำโยเซฟไปสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจ เมื่อพวกพี่ชายมาซื้ออาหารที่อียิปต์เนื่องจากการกันดารอาหาร พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องมาซื้อกับโยเซฟ
โยเซฟตระหนักว่าพระเจ้าทรงไถ่ความผิดของพวกเขาแล้ว โดยบอกว่าพระองค์ทรงใช้มันเพื่อ “ช่วยชีวิตของ [พวกเขา] ไว้ด้วยการช่วยกู้อันใหญ่หลวง” (ปฐก.45:7) กระนั้นโยเซฟก็ไม่ได้แก้ต่างให้กับการกระทำอันร้ายกาจที่พวกพี่ทำกับท่าน ท่านใช้คำที่ชัดเจนว่า “ขาย [เขา]” (ข้อ 5)
บางครั้งเราพยายามมองสถานการณ์ยากลำบากในแง่บวกมากเกินไป โดยจดจ่อไปที่สิ่งดีซึ่งพระเจ้าทรงให้เกิดขึ้นและลืมนึกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่มี ให้เราใส่ใจไม่เพียงการมองเรื่องร้ายว่าเป็นสิ่งดีเพราะพระเจ้าทรงไถ่มันแล้ว แต่ให้เราคาดหวังว่าพระองค์จะทำให้เกิดสิ่งดีขึ้นได้ในขณะที่ยังคงจดจำความเจ็บปวดที่เกิดจากการทำผิดนั้นด้วย เพราะทั้งสองล้วนเป็นความจริง
การควบคุมตนเองด้วยกำลังของพระเจ้า
การทดลองปี ค.ศ. 1972 เป็นที่รู้จักในชื่อ “การทดลองมาร์ชเมลโล” ได้ถูกพัฒนาเพื่อวัดความสามารถของเด็กในการยับยั้งใจต่อความปรารถนาของพวกเขา เด็กๆได้รับขนมมาร์ชเมลโลคนละหนึ่งอัน โดยมีข้อแม้ว่าถ้าพวกเขาอดใจไม่กินมันภายในสิบนาที พวกเขาจะได้ขนมชิ้นที่สอง ประมาณหนึ่งในสามของเด็กทั้งหมดสามารถอดใจรอรางวัลที่ใหญ่กว่าได้ อีกหนึ่งในสามที่เหลือกินขนมหมดภายใน 30 วินาที!
เราอาจต้องต่อสู้กับการควบคุมตนเองเมื่อได้รับข้อเสนอที่เราปรารถนา แม้รู้ว่าเราจะได้ประโยชน์มากกว่าในอนาคตถ้าเรารอ กระนั้นเปโตรก็ยังกระตุ้นให้เรา “เพิ่มเติมความเชื่อ” ด้วยคุณธรรมหลายประการ รวมถึงการควบคุมตนเองด้วย (2 ปต.1:5-6) ด้วยความเชื่อที่มีในพระเยซู เปโตรหนุนใจให้ผู้อ่านและพวกเราเติบโตขึ้นด้วยคุณธรรม ความรู้ ความเหนี่ยวรั้งตน ขันตี ธรรม ความรักฉันพี่น้อง และความรักคนทั่วไปอย่าง “เพียบพร้อม” เพื่อเป็นสิ่งยืนยันความเชื่อ
แม้คุณธรรมเหล่านี้จะไม่ได้ทำให้เราได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า หรือเป็นหลักประกันที่อยู่ของเราบนสวรรค์ แต่เป็นสิ่งยืนยันทั้งต่อตัวเราเองและคนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยถึงความจำเป็นที่เราต้องฝึกการควบคุมตนเอง ในขณะที่พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาและกำลังเพื่อให้เราทำได้ และที่ดีที่สุดคือ “ฤทธิ์เดชของพระองค์ได้ให้สิ่งสารพัดแก่เรา ที่จะให้มีชีวิตและมีธรรม” ซึ่งเป็นชีวิตอันเป็นที่พอพระทัยพระองค์ โดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อ 3)
เลือกอย่างฉลาด
นักบินอวกาศคริส เฟอร์กูสัน ได้ตัดสินใจอย่างยากลำบากในฐานะผู้บัญชาการของลูกเรือที่มีกำหนดการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ การตัดสินใจนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องกลไลการบินหรือความปลอดภัยของเพื่อนนักบินอวกาศคนอื่น แต่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาถือว่าเป็นงานสำคัญที่สุดของเขา นั่นคือครอบครัว เฟอร์กูสันเลือกที่จะอยู่บนโลกเพื่อร่วมพิธีแต่งงานของลูกสาว
ในบางครั้งเราทุกคนต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ที่ทำให้เราต้องชั่งใจว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเรา เพราะตัวเลือกหนึ่งต้องแลกมาด้วยการจ่ายราคาสำหรับอีกตัวเลือกหนึ่ง พระเยซูทรงมีเป้าหมายที่จะสื่อสารความจริงนี้กับสาวกของพระองค์และฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ เกี่ยวกับการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือการติดตามพระองค์ พระองค์ตรัสว่าในการเป็นสาวก พวกเขาจะต้อง “ปฏิเสธตนเอง” เพื่อที่จะเดินกับพระองค์ (มก.8:34) พวกเขาอาจถูกล่อลวงให้ไม่อยากเสียสละตนเองในการติดตามพระคริสต์ และแสวงหาความปรารถนาของตนเองแทน แต่พระเยซูทรงเตือนพวกเขาว่าสิ่งที่เขาอยากเลือกนั้นจะต้องแลกด้วยสิ่งที่มีคุณค่ามากยิ่งกว่า
เรามักถูกล่อลวงให้ไขว่คว้าสิ่งที่ดูเหมือนจะมีค่าสูง แต่สิ่งเหล่านี้เองที่ดึงความสนใจเราจากการติดตามพระเยซู ให้เราทูลขอพระเจ้านำทางเราในการตัดสินใจเลือกที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน เพื่อที่เราจะเลือกอย่างฉลาดและถวายเกียรติแด่พระองค์