แครี่นั้นเป็นเหมือนกับครูจำนวนมากที่อุทิศเวลานับไม่ถ้วนให้กับอาชีพของเธอ โดยมักตรวจให้คะแนนรายงาน และพูดคุยกับนักเรียนและผู้ปกครองจนเย็นค่ำ เพื่อรักษามาตรฐานในการทำงานเช่นนี้ไว้ เธอจึงพึ่งพาการช่วยเหลือและสนับสนุนจากกลุ่มเพื่อนร่วมงาน งานที่ท้าทายของเธอจึงง่ายขึ้นด้วยการทำงานร่วมกัน ผลวิจัยจากนักการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่า การทำงานร่วมกันจะส่งผลดีมากขึ้นเมื่อคนที่เราทำงานด้วยนั้นแสดงความถ่อมใจ เมื่อเพื่อนร่วมงานเต็มใจที่จะยอมรับจุดอ่อนของตน คนอื่นๆก็จะรู้สึกปลอดภัยที่จะแบ่งปันความรู้ให้กันและกัน ซึ่งจะช่วยทุกคนในกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พระคัมภีร์สอนเรื่องที่มีความสำคัญมากยิ่งกว่าแค่การทำงานร่วมกันของความถ่อมใจ และการมี “ความยำเกรงพระเจ้า” ซึ่งก็คือการเข้าใจอย่างถูกต้องว่าเราเป็นใครเมื่อเทียบกับความงดงาม ฤทธิ์อำนาจและความโอ่อ่าตระการของพระเจ้า ความเข้าใจนี้จะส่งผลให้เกิด “ความมั่งคั่ง เกียรติและชีวิต” (สภษ.22:4) ความถ่อมใจจะนำให้เราอยู่ในชุมชนอย่างเกิดผลทั้งในระบบเศรษฐกิจของโลกนี้ และของพระเจ้า เพราะเราพยายามที่จะทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์ผู้เป็นพระฉายของพระองค์เช่นกัน

เราไม่ได้ยำเกรงพระเจ้าเพื่อต้องการจะได้รับ “ความมั่งคั่ง เกียรติและชีวิต” สำหรับตัวเราเอง นั่นไม่ใช่ความถ่อมใจที่แท้จริง แต่เราเลียนแบบพระเยซูผู้ “ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส” (ฟป.2:7) เพื่อเราจะเป็นส่วนหนึ่งของพระกายที่ร่วมมือกันด้วยความถ่อมใจเพื่อทำงานของพระองค์ ถวายเกียรติแด่พระองค์ และนำความหมายของชีวิตไปยังโลกรอบตัวเรา