พระเยซูอยู่ที่นี่
ป้าทวดของฉันนอนบนเตียงคนป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมสีดอกเลาของท่านถูกปัดออกจากใบหน้าและแก้มเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ท่านพูดไม่มากนัก แต่ฉันยังจำคำที่ท่านพูดเมื่อพ่อ แม่และฉันไปเยี่ยมได้ ท่านกระซิบว่า “ฉันไม่เหงา พระเยซูอยู่ที่นี่กับฉัน”
ในฐานะผู้หญิงโสดในตอนนั้น ฉันรู้สึกพิศวงกับคำประกาศของป้า สามีท่านเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน และลูกๆก็อาศัยอยู่ห่างไกล ท่านอายุเกือบจะ 90 ปีแล้ว อยู่คนเดียวบนเตียง แทบขยับตัวไม่ได้ แต่ท่านยังพูดได้ว่าท่านไม่เหงา
ป้าของฉันรับเอาถ้อยคำของพระเยซูที่กล่าวกับเหล่าสาวกไว้อย่างแท้จริง อย่างที่เราทุกคนควรจะเป็น “นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป” (มธ. 28:20) ท่านรู้ว่าพระวิญญาณของพระคริสต์สถิตกับท่าน ตามที่พระองค์ทรงสัญญาเมื่อพระองค์บัญชาเหล่าสาวกให้ออกไปในโลกและแบ่งปันข่าวสารของพระองค์กับผู้อื่น (ข้อ 19) พระเยซูตรัสว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะ “สถิตอยู่กับ” เหล่าสาวกและเรา (ยน.14:16-17)
ฉันแน่ใจว่าป้ามีประสบการณ์กับความจริงในพระสัญญานั้น พระวิญญาณทรงสถิตอยู่ภายในขณะที่ท่านนอนอยู่บนเตียง และพระวิญญาณทรงใช้ท่านเพื่อแบ่งปันความจริงของพระองค์กับฉัน ผู้เป็นหลานสาวซึ่งจำเป็นต้องฟังถ้อยคำเหล่านั้นและจดจำไว้ในจิตใจ
จบให้ดี
ในขณะที่ฉันเข้าสู่ช่วงสองนาทีสุดท้ายของโปรแกรมออกกำลังกายสี่สิบนาที ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าครูฝึกจะต้องตะโกนว่า “จบให้ดีนะ!” ครูฝึกส่วนตัวหรือผู้นำการออกกำลังกายแบบกลุ่มที่ฉันรู้จักจะพูดประโยคนี้ก่อนการคูลดาวน์ พวกเขารู้ว่าตอนจบของการออกกำลังนั้นสำคัญพอๆกับการไปออกกำลังกาย และพวกเขาก็รู้ว่าร่างกายของมนุษย์มีแนวโน้มที่อยากจะทำงานช้าลงหรือเฉื่อยลงหลังจากมีการขยับเขยื้อนมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
เช่นเดียวกับการเดินทางของเรากับพระเยซู เปาโลบอกผู้ปกครองในคริสตจักรเอเฟซัสว่าท่านจำเป็นต้องบากบั่นไปให้สุดทางขณะที่ท่านจะมุ่งหน้าไปกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งท่านมั่นใจว่าจะต้องพบกับการข่มเหงที่หนักกว่าเดิมในฐานะอัครทูตของพระคริสต์ (กจ.20:17-24) แต่กระนั้นเปาโลไม่หวั่นไหว ท่านมีเป้าหมายคือการทำหน้าที่ที่เริ่มต้นไว้ให้สำเร็จ และทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้า ท่านมีงานเดียวคือ การประกาศ “ข่าวประเสริฐซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้า” (ข้อ 24) และท่านอยากจะทำให้สำเร็จด้วยดี แม้ความยากลำบากจะคอยท่าท่านอยู่ (ข้อ 23) ท่านยังคงมุ่งไปสู่หลักชัย ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดในเส้นทางนั้น
ไม่ว่าเราจะกำลังออกกำลังฝ่ายร่างกาย หรือกำลังฝึกฝนของประทานที่พระเจ้าประทานให้ผ่านทางการงาน คำพูด และการกระทำ เราเองก็สามารถรับการหนุนน้ำใจจากคำเตือนที่จะจบให้ดีได้ อย่า “เมื่อยล้า” (กท.6:9) อย่ายอมแพ้ พระเจ้าจะประทานสิ่งจำเป็นให้เพื่อที่คุณจะได้จบอย่างสวยงาม
คำปรึกษาที่ชาญฉลาด
ฉันทำงานเต็มเวลาในขณะที่เรียนวิทยาลัยพระคริสตธรรม และยังสลับผลัดเปลี่ยนไปเป็นอนุศาสนาจารย์และฝึกงานที่คริสตจักร ฉันมีงานยุ่ง เมื่อพ่อมาเยี่ยมท่านพูดว่า “ลูกกำลังจะสติแตกนะ” ฉันยักไหล่ไม่สนใจคำเตือนนั้นโดยคิดว่าท่านเป็นคนรุ่นก่อนและไม่เข้าใจในเรื่องการตั้งเป้าหมาย
ฉันไม่ได้สติแตก แต่ได้ประสบกับช่วงเวลาที่เลวร้ายมากจนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ตั้งแต่นั้นมาฉันเรียนรู้ที่จะฟังคำเตือนอย่างใส่ใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่ฉันรัก
นั่นทำให้ฉันนึกถึงเรื่องของโมเสส ท่านทำงานอย่างแข็งขันเช่นกัน โดยปรนนิบัติรับใช้ในฐานะผู้พิพากษาชนอิสราเอล (อพย.18:13) ท่านเลือกที่จะฟังคำเตือนของพ่อตา (ข้อ 17-18) เยโธรไม่ได้มีบทบาทอะไร แต่เขารักโมเสสและครอบครัวของตนและมองเห็นปัญหาข้างหน้า บางทีนั่นอาจเป็นเหตุให้โมเสสรับฟังเยโธรและปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา โมเสสตั้งระบบ “คนที่สามารถจากพวกประชาชน” เพื่อจัดการกับข้อพิพาทเล็กๆน้อยๆและท่านรับเอาคดีที่ยากกว่า (ข้อ 21-22) เพราะโมเสสฟังเยโธร จัดสรรงานใหม่ และมอบหมายให้คนอื่นร่วมรับภาระ ท่านจึงสามารถหลีกเลี่ยงจากสภาวะหมดไฟในช่วงเวลานั้นของชีวิต
พวกเราหลายคนทำงานเพื่อพระเจ้า เพื่อครอบครัวของเรา และคนอื่นๆอย่างจริงจังและด้วยความร้อนรน แต่เรายังคงต้องเอาใจใส่ในคำแนะนำจากคนที่เรารักและไว้ใจ และพึ่งพาพระปัญญาและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในทุกสิ่งที่เราทำ
ทวงคืนเวลาของเรา
แม่ของฉันเล่าให้ฟังว่าท่านเลือกที่จะไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อจะได้แต่งงานกับพ่อในช่วงทศวรรษ 1960 แต่ท่านยังคงใฝ่ฝันที่จะเป็นครูสอนคหกรรมเสมอมา ต่อมาเมื่อมีลูกสามคน แม้จะไม่เคยได้รับปริญญาจากที่ไหน ท่านได้กลายเป็นผู้ช่วยด้านโภชนาการในระบบสุขภาพของรัฐหลุยเซียน่า ท่านสาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพในแบบต่างๆ เหมือนกับครูสอนคหกรรม หลังจากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตรวมถึงความฝันของท่านให้ฉันฟัง ท่านกล่าวว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานและได้ประทานให้ตามที่ใจท่านปรารถนา
ชีวิตของเราก็อาจเป็นเช่นนั้นด้วย แผนการของเรานำไปทางหนึ่ง แต่ความเป็นจริงไปอีกทางหนึ่ง แต่โดยพระเจ้า วันเวลาและชีวิตของเราสามารถกลายเป็นภาพอันงดงามที่สำแดงถึงพระกรุณา ความรัก และการฟื้นฟูจากพระองค์ พระเจ้าบอกกับชาวยูดาห์ (ยอล.2:21) ว่าพระองค์จะ “คืน” สิ่งที่พวกเขาสูญเสียและปีเดือนที่พวกเขาถูกฝูง “ตั๊กแตน” ทำลายไป (ข้อ 25) พระองค์ยังทรงช่วยเหลือเราเสมอในยามยากลำบากและในความฝันที่ยังไม่เป็นจริง เพราะเรารับใช้พระเจ้าองค์พระผู้ไถ่ผู้ทรงให้เกียรติและตอบแทนสิ่งที่เราเสียสละเพื่อพระองค์ (มธ.19:29)
ไม่ว่าเราจะกำลังเผชิญกับความยากลำบากแสนสาหัส หรือความฝันที่ยังไม่เป็นจริง ขอให้เราร้องเรียกหาพระเจ้าผู้ทรงฟื้นฟูสิ่งต่างๆขึ้นใหม่และสรรเสริญพระองค์
เดินตามผู้นำ
ไม่มีคำพูด มีเพียงดนตรีและการเคลื่อนไหว ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงของการเต้นซุมบ้ามาราธอนในช่วงการระบาดของโควิด 19 ผู้คนนับพันจากทั่วโลกออกกำลังร่วมกันผ่านสื่อเสมือนจริงและทำตามผู้นำจากอินเดีย จีน เม็กซิโก อเมริกา แอฟริกาใต้ บางส่วนของยุโรปและอีกหลายๆที่ ผู้คนหลากหลายที่เคลื่อนไหวไปด้วยกันโดยไม่มีอุปสรรคด้านภาษา เพราะเหตุใด เพราะผู้สอนการออกกำลังที่คลั่งไคล้การเต้นซุมบ้า ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1990 โดยครูสอนเต้นแอโรบิคชาวโคลัมเบียที่ใช้อวัจนสัญญาณในการสื่อสาร เมื่อครูเคลื่อนไหว นักเรียนก็ทำตาม พวกเขาทำตามโดยไม่ต้องมีการพูดหรือตะโกนบอก
บางครั้งคำพูดอาจกีดขวางและเป็นอุปสรรคได้ อาจก่อให้เกิดความสับสนเช่นที่ชาวโครินธ์เคยประสบ ซึ่งเปาโลระบุไว้ในจดหมายฉบับแรกที่เขียนถึงพวกเขา เป็นความสับสนจากมุมมองที่ต่างกันเรื่องข้อห้ามในการกินอาหารบางอย่าง (1 คร.10:27-30) แต่การกระทำของเราเอาชนะอุปสรรคและความสับสนได้ เช่นเดียวกับที่เปาโลกล่าวไว้ในข้อพระคำวันนี้ เราควรแสดงให้ผู้คนเห็นว่าจะติดตามพระเยซูอย่างไรโดยการกระทำของเรา เพื่อเห็นแก่ “ประโยชน์ของคนทั้งหลาย” (10:32-33) เราเชิญชวนโลกให้เชื่อในพระองค์เมื่อเรา “ปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์” (11:1)
ดังเช่นบางคนเคยกล่าวไว้ “จงสอนพระกิตติคุณตลอดเวลา พูดเมื่อจำเป็น” เมื่อเราติดตามการทรงนำของพระเยซู ขอพระองค์ทรงชี้นำการกระทำของเราให้นำผู้อื่นสู่ความจริงแห่งความเชื่อของเรา และขอให้คำพูดและการกระทำทั้งหมดของเราเป็นไปเพื่อ “เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” (10:31)
แป้นหมุนของช่างปั้น
ในปี 1952 เจ้าของร้านค้าที่ชายหาดไมอามี่พยายามป้องกันไม่ให้ลูกค้าที่ซุ่มซ่ามหรือไม่ระมัดระวังทำของในร้านแตก โดยติดป้ายบอกว่า “คุณทำแตก คุณต้องซื้อ” ประโยคติดหูนี้เป็นคำเตือนสำหรับลูกค้าทั้งหลาย ปัจจุบันป้ายประเภทนี้พบเห็นได้ในร้านขายเสื้อผ้าทันสมัยหลายแห่ง
น่าขันที่ป้ายอีกแบบอาจถูกติดในร้านของช่างปั้น โดยเขียนว่า “ถ้าคุณทำแตก เราจะทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิม” และนี่แหละคือสิ่งที่ได้รับการเปิดเผยในเยเรมีย์ 18
เยเรมีย์ได้ไปที่บ้านของช่างหม้อและเห็นว่าช่างนั้นกำลังปั้นดินเหนียวที่ “เสีย” ด้วยมือของเขา โดยปั้นและขึ้นรูปอย่างระมัดระวัง “ให้เป็นภาชนะอีกลูกหนึ่ง” (ข้อ 4) ผู้เผยพระวจนะเตือนใจเราว่า พระเจ้าทรงเป็นช่างปั้นฝีมือเยี่ยม และเราเป็นดิน พระองค์ทรงครอบครองและสามารถใช้สิ่งที่ทรงสร้าง เพื่อทำลายความชั่วร้ายและสร้างความงดงามภายในเราได้
พระเจ้าทรงปั้นเราได้แม้เราจะมีตำหนิหรือแตกหัก พระองค์ทรงเป็นช่างปั้นผู้เชี่ยวชาญ ทรงสามารถและเต็มใจที่จะสร้างเราที่แตกเป็นเสี่ยงๆให้เป็นภาชนะใหม่ที่ทรงคุณค่า พระเจ้าไม่ได้มองว่าชีวิตที่แตกสลาย ความผิดพลาด หรือบาปที่ผ่านมาของเราเป็นวัสดุที่ใช้การไม่ได้ ตรงกันข้าม พระองค์ทรงหยิบชิ้นส่วนที่แตกสลายของเราขึ้นมาปั้นใหม่ตามที่ทรงเห็นว่าดีที่สุด
แม้เราจะแหลกสลาย เราก็มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นช่างปั้น ในพระหัตถ์ของพระองค์ เศษชิ้นส่วนแห่งชีวิตของเราจะถูกปั้นใหม่ให้เป็นภาชนะที่งดงามที่พระองค์จะทรงใช้การได้ (ข้อ 4)
ร่างแบบการให้อภัย
แผ่นบอร์ดทรงสี่เหลี่ยมสีแดงขนาดเล็กนั้นช่างวิเศษนัก ตอนเป็นเด็กฉันเล่นมันได้เป็นชั่วโมงๆ เมื่อหมุนปุ่มหนึ่งบนบอร์ดฉันก็สร้างเส้นแนวนอนขึ้นบนหน้าจอ เมื่อหมุนอีกปุ่มก็เกิดเส้นแนวตั้ง และเมื่อหมุนทั้งสองปุ่มพร้อมกันฉันก็สร้างเส้นทแยงมุม วงกลม และรูปทรงที่สร้างสรรค์ขึ้น แต่ความวิเศษที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อฉันคว่ำแผ่นบอร์ดแม่เหล็กนั้นลง เขย่ามันเบาๆแล้วพลิกกลับมา จะปรากฏหน้าจอที่ว่างเปล่าขึ้นเพื่อให้ฉันได้ออกแบบอะไรใหม่ๆต่อไป
การให้อภัยของพระเจ้าทำงานคล้ายกับแผ่นบอร์ดแม่เหล็กนั้น พระองค์ทรงลบล้างความบาปของเราออกไปและทรงสร้างผืนผ้าใบที่สะอาดให้กับเรา แม้ว่าเราจำความผิดที่เราทำลงไปได้ แต่พระเจ้าทรงเลือกที่จะยกโทษและลืมมันไปเสีย พระองค์ทรงลบล้างบาปเหล่านั้นและไม่ถือโทษเรา พระองค์ไม่ได้ปฏิบัติกับเราตามความบาปที่เรากระทำ (สดด.103:10) แต่ทรงสำแดงพระคุณโดยการทรงยกโทษ เรามีแผ่นกระดานที่สะอาด ซึ่งก็คือชีวิตใหม่ที่รอเราอยู่เมื่อเราแสวงหาการให้อภัยของพระเจ้า เราขจัดความรู้สึกผิดและความละอายใจออกไปได้โดยของขวัญอันอัศจรรย์ที่พระเจ้าประทานให้เรา
ผู้เขียนสดุดีเตือนว่าความบาปได้ถูกแยกออกไปจากเราไกลเท่ากับที่ตะวัน-ออกไกลจากตะวันตก (ข้อ 12) นั่นคือระยะที่ไกลที่สุดเท่าที่คุณจะไปได้! ในสายพระเนตรของพระเจ้า ความบาปเกาะติดเราไม่ได้อีกต่อไปเหมือนกับตัวหนังสือสีแดงหรือรูปวาดที่น่าเกลียด นั่นคือเหตุผลที่จะชื่นชมยินดีและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณและพระเมตตาอันอัศจรรย์ของพระองค์