ชอบแดด
ฉันรู้แต่ก็ยังลอง คำแนะนำบนฉลากบอกไว้ชัดเจนว่า “ชอบแดด” สนามของเราเป็นที่ร่มเสียส่วนใหญ่ ไม่เหมาะสำหรับต้นไม้ที่ชอบแดด แต่ฉันชอบต้นนั้น ชอบสี รูปร่างของใบ ขนาดและกลิ่นของมัน ฉันจึงซื้อกลับบ้าน เอาลงดิน และดูแลอย่างดี แต่ต้นไม้ไม่มีความสุขที่บ้านของฉัน ความเอาใจใส่ดูแลของฉันไม่เพียงพอ มันต้องการแสงแดดที่ฉันไม่สามารถให้ได้ ฉันคิดว่าฉันจะชดเชยการขาดแสงแดดโดยดูแลเรื่องอื่นแทน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้นไม้ต้องการ
มองเห็น
เมื่อฉันทำความสะอาดบ้านเพื่อจัดงาน ฉันรู้สึกหมดกำลังใจเพราะคิดว่าแขกที่มาคงเห็นแต่จุดที่ไม่สะอาดซึ่งทำให้คิดถึงคำถามเชิงปรัชญาและจิตวิญญาณว่า ทำไมคนเราถึงเห็นสิ่งผิดได้เร็วกว่าสิ่งที่ถูก เราจดจำความหยาบคายได้ดีกว่าความปรานี อาชญากรรมได้รับความสนใจมากกว่าความเอื้อเฟื้อ และความหายนะดึงความสนใจของเราได้เร็วกว่าความงดงามที่อยู่รอบตัว
สัมผัสสวรรค์
สวนพฤกษศาสตร์ระดับโลกที่อยู่ตรงข้ามคริสตจักรของเราเป็นที่จัดประชุมรวมคริสตจักรท้องถิ่น ขณะที่ฉันเดินทักทายผู้คนที่รู้จักมาหลายปี ถามข่าวคนที่ไม่ได้เจอกันนาน และชื่นชมสวนสวยที่ดูแลโดยคนที่รู้จักและรักต้นไม้ ฉันตระหนักว่า ค่ำคืนนั้นคือภาพที่คริสตจักรควรจะเป็น คือ ให้ผู้คนได้สัมผัสสวรรค์บนโลก
ความสุขที่ดีที่สุด
"ใครๆ ก็ทำกัน” ดูเหมือนจะเป็นคำโต้เถียงที่ได้ผลเมื่อฉันยังเด็ก แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น พ่อแม่ไม่เคยยอมให้กับข้ออ้างแบบนี้ ไม่ว่าฉันจะดิ้นรนเพียงใด เพื่อขออนุญาตทำสิ่งที่ท่านเห็นว่าไม่ปลอดภัย และไม่ฉลาด
สมบูรณ์แบบ
คริสต์มาสเป็นเวลาที่ผู้คนคาดหวังความสมบูรณ์แบบ เราคิดฝันและทุ่มเทให้กับการฉลองที่ไม่มีที่ติ หาซื้อของขวัญที่ดีที่สุด วางแผนมื้ออาหารวันคริสต์มาสอย่างดีเลิศ เลือกการ์ดอวยพรที่สวยที่สุดหรือเขียนจดหมายที่ดีที่สุดถึงครอบครัว แต่การดิ้นรนของเรากลับทำให้เราท้อแท้และผิดหวัง เพราะเราไม่อาจทำให้สมบูรณ์แบบได้ตามที่หวังไว้ ของขวัญที่เลือกมาเป็นอย่างดีได้รับคำขอบคุณอย่างเสียไม่ได้ อาหารอาจสุกจนเกรียม มีคำผิดในการ์ดอวยพรคริสต์มาส เด็กๆ แย่งของเล่นกัน และพวกผู้ใหญ่โต้เถียงกันเรื่องเดิมๆ
ของขวัญที่ดีที่สุด
สวนพฤกษศาสตร์ในท้องถิ่นของเราจัดแสดงการเฉลิมฉลองคริสต์มาสจากทั่วโลก ฉันชอบนิทรรศการจากฝรั่งเศสที่จำลองการประสูติของพระเยซู เพราะไม่ได้เป็นรูปแบบที่มีคนเลี้ยงแกะและนักปราชญ์ถือของขวัญคือทองคำ กำยาน และมดยอบยืนล้อมรอบรางหญ้า แต่กลับเป็นชาวบ้านในฝรั่งเศสนำของขวัญมาถวายแด่พระกุมารเยซูเป็นขนมปัง ไวน์ เนย ดอกไม้ และผลิตผลอื่นๆ ที่พระเจ้าประทานความสามารถให้ผลิตได้มาถวาย ฉันคิดถึงพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมที่สั่งให้เรานำผลแรกของการทำงานมาถวายที่พระนิเวศน์ของพระเจ้า (อพยพ 23:16-19) ทุกสิ่งที่เรามีมาจากพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่เราจะนำมาถวายคือสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานให้เรา
มองดูตัวเอง
นานมาแล้ว ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์กระจกหรือวัสดุขัดเงา ผู้คนแทบไม่เคยเห็นตัวเอง สิ่งที่จะทำให้เห็นภาพสะท้อนของตัวเองได้มีเพียงแอ่งน้ำ ลำธารและแม่น้ำเท่านั้น แต่กระจกทำให้เปลี่ยนไป และการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปก็ทำให้เรายิ่งหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ของตัวเองขึ้นไปอีก ตอนนี้เรามีรูปตัวเองจากทุกช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งดีสำหรับการทำหนังสือรุ่นหรือประวัติครอบครัว แต่ก็อาจส่งผลเสียฝ่ายวิญญาณได้ ความสนุกที่ได้เห็นตัวเองในกล้องอาจทำให้เราใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกและไม่สนใจสำรวจข้างในใจเรา
ไร้ตัวตน
ช่วงนี้ของปีในบริเวณที่ฉันอาศัย พืชพันธ์ุรอดตายด้วยการฝังตัวอยู่ใต้ผืนดิน จนกระทั่งปลอดภัยจึงงอกออกมาอีกครั้ง ก่อนหิมะจะตกและพื้นดินถูกแช่แข็ง มันจะสละดอกบานอันงดงาม และกลับไปอยู่ในที่ที่มันจะได้พัก และเก็บพลังงานไว้เพื่อฤดูงอกงามครั้งต่อไป อาจดูเหมือนตายแล้ว แต่มันแค่หลับไป เมื่อหิมะละลาย และพื้นดินกลับสู่สภาพปกติ มันจะชูยอดขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์อีกครั้ง เพื่อทักทายองค์พระผู้สร้างด้วยสีสันตระการตา และกลิ่นหอมหวาน
ตรวจสุขภาพวิญญาณ
เราควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อรู้ปัญหาและแก้ไขได้ ส่วนจิตวิญญาณ เราตรวจสุขภาพจากพระมหาบัญชาของพระเยซู (มาระโก 12:30)