ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Jennifer Benson Schuldt

หันไปทางใด

ทุกคนในชั้นมัธยมปลายชื่นชมทัศนคติที่เรียบง่ายสบายๆ และทักษะด้านกีฬาของแจ็ค เขามีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กลางอากาศเหนือทางลาดรูปตัวยู มือข้างหนึ่งจับสเก็ตบอร์ด ส่วนอีกมือหนึ่งเหยียดออกเพื่อทรงตัวแจ็คตัดสินใจติดตามพระเยซูหลังจากที่เขาเริ่มไปคริสตจักรแถวบ้าน ก่อนหน้านั้นเขาต้องอดทนกับความขัดแย้งอย่างหนักภายในครอบครัว และเคยใช้ยาเสพติดเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด หลังจากที่เขากลับใจแล้วไม่นานทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่หลายปีต่อมาเขาเริ่มใช้ยาอีกครั้ง เพราะขาดการช่วยเหลือที่เหมาะสมและการรักษาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาจึงเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด

เรามักจะหันกลับไปหาสิ่งที่คุ้นเคยเมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ยาก เมื่อชนชาติอิสราเอลรู้สึกทุกข์ร้อนใจจากการที่อัสซีเรียกำลังจะมาโจมตี พวกเขากลับไปหาคนอียิปต์ที่พวกเขาเคยตกเป็นทาส เพื่อขอความช่วยเหลือ (อสย.30:1-5) พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าสิ่งนี้จะเป็นหายนะ แต่พระองค์ยังทรงดูแลพวกเขาต่อไปแม้พวกเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด อิสยาห์ได้กล่าวถึงพระทัยของพระเจ้าว่า “พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า” (ข้อ 18)

นี่คือท่าทีของพระเจ้าที่มีต่อเรา แม้เมื่อเราเลือกที่จะมองหาสิ่งอื่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเรา พระองค์ทรงต้องการช่วยเรา พระองค์ไม่ต้องการให้เราทำร้ายตัวเองด้วยนิสัยที่จะทำให้เราตกเป็นทาส สารเสพติดและพฤติกรรมบางอย่างล่อลวงเราโดยการทำให้เรารู้สึกสบายใจอย่างรวดเร็ว แต่พระเจ้าทรงต้องการมอบการรักษาที่แท้จริงให้แก่เราเมื่อเราเดินใกล้ชิดกับพระองค์

แข็งแกร่งดุจเหล็ก

ด้วงเกราะเหล็กได้ชื่อว่าเป็นแมลงที่มีเปลือกแข็งซึ่งปกป้องพวกมันจากผู้ล่า แต่ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของแมลงตัวนี้คือ มันจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าปกติภายใต้แรงกดดัน เปลือกนอกที่แข็งของมันจะไม่แตก แต่จะยืดออกตรงจุดที่เป็นรอยต่อ แผ่นหลังที่แบนราบและเตี้ยของมันยังช่วยให้มันมีความทนทานต่อการแตกหัก จากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์พบว่าด้วงเกราะเหล็กสามารถรับน้ำหนักที่กดทับลงมาบนตัวของมันได้เกือบ 40,000 เท่าของน้ำหนักตัว

เหมือนกับที่พระเจ้าสร้างแมลงตัวนี้ให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ พระองค์ก็ประทานความสามารถในการยืดหยุ่นให้กับเยเรมีย์ด้วยเช่นกัน ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักเมื่อส่งข้อความที่ไม่น่าฟังไปยังอิสราเอล ดังนั้นพระเจ้าจึงสัญญาว่าจะสร้างท่านให้เป็น “เสาเหล็กและกำแพงทองสัมฤทธิ์” (ยรม.1:18) ท่านจะไม่ถูกบดขยี้ ถอดถอน หรือทำให้พ่ายแพ้ ถ้อยคำของท่านจะยืนหยัดอยู่ได้โดยการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจแห่งการช่วยกู้ของพระเจ้า

ในตลอดชีวิตนั้นเยเรมีย์ถูกใส่ร้าย ถูกจับกุม ถูกไต่สวน ถูกทุบตี ถูกคุมขังและโยนลงไปในบ่อน้ำแต่ยังรอดชีวิตมาได้ ท่านยังคงยืนหยัดแม้ภายในจะมีการต่อสู้อย่างหนัก ความสงสัยและความเศร้าโศกตามรังควาน การถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องและความกลัวการรุกรานของบาบิโลนยิ่งทำให้ท่านตึงเครียดมากขึ้น

พระเจ้าทรงช่วยเยเรมีย์มาตลอดเพื่อไม่ให้จิตวิญญาณและคำพยานของท่านแตกเป็นเสี่ยง เมื่อเรารู้สึกอยากล้มเลิกภารกิจที่พระองค์ประทานให้ หรือออกจากการดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อ ให้เราระลึกว่าพระเจ้าของเยเรมีย์ก็เป็นพระเจ้าของเราด้วย พระองค์สามารถสร้างเราให้แข็งแกร่งดุจเหล็ก เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจะปรากฏเต็มที่นั่น (2 คร.12:9)

พระเจ้าทรงทราบ

คู่รักที่หยุดชมภาพเขียนนามธรรมขนาดใหญ่สังเกตเห็นกระป๋องสีที่เปิดอยู่และพู่กันที่วางอยู่ข้างใต้ พวกเขาคิดว่ามันเป็น “งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ” ที่ใครอยากจะช่วยสร้างสรรค์ก็ได้ พวกเขาจึงทาสีเพิ่มเข้าไปแล้วจากไป แต่ศิลปินได้จงใจทิ้งอุปกรณ์เอาไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงผลงานที่วาดเสร็จแล้ว หลังจากดูคลิปวีดิโอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางห้องแสดงภาพยอมรับว่ามันเป็นความเข้าใจผิดและไม่ได้แจ้งตำรวจ

ชนชาติอิสราเอลที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนได้ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเมื่อพวกเขาสร้างแท่นบูชาใหญ่โตขึ้นที่ริมแม่น้ำ คนที่อยู่ฝั่งตะวันตกมองว่านี่เป็นการกบฏต่อพระเจ้า เพราะทุกคนต่างรู้ว่าพลับพลาเป็นที่แห่งเดียวที่พระเจ้าอนุญาตให้มีการนมัสการได้ (ยชว.22:16)

ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นจนกระทั่งผู้คนฝั่งตะวันออกอธิบายว่าพวกเขาตั้งใจจะสร้างแท่นบูชาจำลองขึ้น เพื่อต้องการให้ลูกหลานเห็นและตระหนักถึงความผูกพันด้านความเชื่อและสายเลือดที่พวกเขามีต่อชนชาติอิสราเอลเผ่าอื่นๆ (ข้อ 28-29) พวกเขาอุทานว่า “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระเจ้าพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงทราบ” (ข้อ 22) ยังดีที่คนเหล่านั้นรับฟัง พวกเขาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้สรรเสริญพระเจ้า แล้วกลับไปบ้าน

เพราะพระเจ้า “ทรงพิจารณาจิตใจทั้งปวง และทรงเข้าใจในแผนงานและความคิดทั้งปวง” (1 พศด.28:9) พระองค์ทรงทราบแรงจูงใจของทุกคน หากเราขอให้ทรงช่วยเราแก้ไขสถานการณ์ที่สับสน พระองค์อาจประทานโอกาสให้เราได้อธิบายเหตุผลของเรา หรือประทานพระคุณที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะให้อภัยเราหันมาหาพระเจ้าได้เมื่อเราแสวงหาการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้อื่น

ความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดา

ในปี 1478 ลอเรนโซ ดี เมดิชี ผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี รอดชีวิตจากการถูกโจมตีมาได้ เมื่อเพื่อนร่วมชาติของเขาจุดชนวนสงครามขณะพยายามตอบโต้การโจมตีผู้นำของตน สถานการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อกษัตริย์เฟอร์รานเตที่ 1 แห่งเนเปิลส์ผู้โหดร้ายกลับกลายเป็นศัตรูของลอเรนโซ แต่การกระทำที่กล้าหาญของลอเรนโซเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เขาเข้าเฝ้ากษัตริย์ตามลำพังโดยปราศจากอาวุธ ความกล้าหาญรวมถึงเสน่ห์และความเฉลียวฉลาดของเขาชนะใจเฟอร์รานเตและทำให้สงครามยุติลง

ดาเนียลก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยกษัตริย์ให้เปลี่ยนใจ ไม่มีใครในบาบิโลนที่สามารถเล่าและแก้ฝันร้ายของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ทำให้พระองค์ทรงกริ้วและรับสั่งให้ฆ่าที่ปรึกษาทั้งหมด รวมถึงดาเนียลและเพื่อนๆของท่าน แต่ดาเนียลขอเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ต้องการประหารเขา (ดนล.2:24)

เมื่ออยู่ต่อหน้าเนบูคัดเนสซาร์ ดาเนียลถวายเกียรติทั้งสิ้นแด่พระเจ้าผู้ทรงเผยความลึกลับแห่งความฝัน (ข้อ 28) เมื่อผู้เผยพระวจนะเล่าและแก้ฝันแล้ว เนบูคัดเนสซาร์จึงยกย่องพระเจ้าว่า “พระเจ้าของพระทั้งหลาย และทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระราชาทั้งปวง” (ข้อ 47) ความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาของดาเนียลซึ่งเกิดจากความเชื่อในพระเจ้า ได้ช่วยตัวเขา เพื่อนๆของเขา และที่ปรึกษาคนอื่นๆให้รอดตายในวันนั้น

อาจมีบางคราวในชีวิตของเรา ที่จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวในการสื่อสารข้อความที่สำคัญ ขอพระเจ้าทรงนำในถ้อยคำของเราและประทานสติปัญญาเพื่อเราจะรู้ว่าควรพูดอะไร และจะพูดอย่างไรให้เกิดผล

ดึงสู่ที่ปลอดภัย

เด็กหญิงตัวน้อยเดินเล่นในธารน้ำตื้นๆโดยมีพ่อคอยมองอยู่ รองเท้ายางของเธอสูงถึงหัวเข่า เมื่อเธอเดินตามน้ำไปเรื่อยๆน้ำก็ลึกขึ้นๆจนไหลเข้าไปในรองเท้ายาง เมื่อเดินต่อไปไม่ได้เธอตะโกนว่า “พ่อ หนูติด!” เพียงสามก้าวผู้เป็นพ่อก็ถึงตัวเธอและดึงเธอขึ้นฝั่งมาบนพื้นหญ้า เธอดึงรองเท้าออกและหัวเราะเมื่อเทน้ำลงพื้น

หลังจากพระเจ้าทรงช่วยกู้ดาวิดผู้เขียนสดุดีจากศัตรู ท่านใช้เวลานั่งลงครู่หนึ่ง “ดึงรองเท้าออก” และปล่อยให้ความโล่งอกท่วมท้นจิตใจ ท่านเขียนเพลงเพื่อบรรยายความรู้สึกว่า “ข้าพเจ้า​ร้อง​ทูล​ต่อ​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​สมควร​แก่​การ​สรรเสริญ และ​ข้าพเจ้า​ได้รับ​การ​ช่วย​ให้​พ้น​จาก​ศัตรู​ของ​ข้าพเจ้า” (2 ซมอ.22:4) ท่านสรรเสริญพระเจ้าว่าทรงเป็นศิลา ป้อมปราการ โล่และที่กำบังเข้มแข็ง (ข้อ 2-3) จากนั้นพรรณนาถึงการตอบสนองของพระเจ้าเป็นบทกวีว่า แผ่นดิน​โลก​สั่นสะเทือน พระเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ สายฟ้าที่พุ่งออกมาจากการทรงสถิต พระสุรเสียงอันกึกก้อง และพระองค์ทรงดึง​ท่านออก​จาก​น้ำ​มาก​หลาย (ข้อ 8,10, 13-15,17)

บางทีวันนี้คุณอาจรู้สึกว่ามีการต่อต้านอยู่รอบตัว บางทีคุณอาจติดอยู่ในความบาปที่ทำให้ไม่สามารถเติบโตฝ่ายวิญญาณได้ จงใคร่ครวญว่าพระเจ้าทรงเคยช่วยคุณอย่างไรในอดีต จากนั้นสรรเสริญพระองค์และทูลขอให้พระองค์ทำเช่นนั้นอีกครั้ง! จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงช่วยคุณไว้โดยการพาคุณเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์ (คส.1:13)

บทสนทนาที่เป็นมิตร

แคทเธอรีนเป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม ถ้าไม่ได้คุยโทรศัพท์กัน เราก็จะส่งกระดาษเขียนข้อความถึงกันในห้องเรียนเพื่อนัดไปค้างคืน บางครั้งเราก็ไปขี่ม้าด้วยกันและจับคู่กันทำรายงาน

บ่ายวันอาทิตย์หนึ่ง ฉันเริ่มคิดถึงแคทเธอรีนหลังจากฟังศิษยาภิบาลพูดในเช้าวันนั้นเรื่องชีวิตนิรันดร์ ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อคำสอนในพระคัมภีร์อย่างที่ฉันเชื่อ ฉันรู้สึกมีภาระใจที่จะโทรหาเธอเพื่ออธิบายว่า เธอจะมีความสัมพันธ์กับพระเยซูได้อย่างไร แต่ฉันลังเลเพราะกลัวว่าเธอจะปฏิเสธในสิ่งที่ฉันพูดและทำตัวห่างเหินไปจากฉัน

ฉันคิดว่าความกลัวนี้ทำให้เราหลายคนเงียบ แม้แต่อัครทูตเปาโลยังต้องขอให้ผู้คนอธิษฐานเผื่อท่านที่จะ “เกิดใจกล้า ประกาศและสำแดงข้อลับลึกแห่งข่าวประเสริฐ” (อฟ.6:19) เราไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดจากการแบ่งปันข่าวประเสริฐ แต่เปาโลกล่าวว่าท่านเป็น “ทูต” ที่พูดในนามของพระเจ้า (ข้อ 20) พวกเราก็เช่นกัน หากผู้คนปฏิเสธข้อความของเรา พวกเขาก็ได้ปฏิเสธพระองค์ผู้ทรงส่งข้อความนั้นเช่นกัน และพระเจ้าทรงเจ็บปวดร่วมกับเรา

แล้วอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้เราพูด เราห่วงใยผู้คนเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงห่วงใย (2 ปต.3:9) นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันโทรหาแคทเธอรีนในที่สุด ช่างน่าประหลาดใจที่เธอไม่ได้ปฏิเสธฉัน เธอรับฟังและซักถาม เธอขอให้พระเยซูทรงยกโทษบาปให้กับเธอและตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ ความเสี่ยงนั้นคุ้มค่ากับรางวัลที่ได้มา

ความสำเร็จและการเสียสละ

ระหว่างการเรียนภาคฤดูร้อน ลูกชายของฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องการปีนเทือกเขาอัลไพน์ในสวิตเซอร์แลนด์ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมเพื่อเป้าหมายนี้ ในที่สุดเมื่อเขาออกเดินทางไปสู่ยอดเขา สิ่งต่างๆกลับไม่เป็นไปตามแผน ระหว่างทางขึ้นลาดชัน เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งป่วยและเด็กชายตัดสินใจจะอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือ แทนการทำเป้าหมายให้สำเร็จ

ในห้องเรียนครูของลูกชายถามว่า “ตัวละครหลักล้มเหลวเพราะเขาไม่ได้ปีนภูเขาหรือเปล่าครับ” นักเรียนคนหนึ่งบอกว่า “ใช่ เพราะความล้มเหลวอยู่ในสายเลือดของเขา” แต่เด็กอีกคนไม่เห็นด้วย เขาให้เหตุผลว่าเด็กชายคนนั้นไม่ได้ล้มเหลว เพราะเขายอมล้มเลิกบางสิ่งที่สำคัญเพื่อช่วยเหลือคนอื่น

เมื่อเรายอมหยุดแผนงานของเราเพื่อดูแลผู้อื่น เรากำลังแสดงออกเหมือนพระเยซู พระองค์ทรงเสียสละการมีบ้านพักอาศัย รายได้ที่มั่นคง และการยอมรับจากสังคม แล้วออกเดินทางประกาศความจริงของพระเจ้า ท้ายที่สุดพระองค์สละพระชนม์เพื่อปลดปล่อยเราจากความบาปและสำแดงความรักของพระเจ้าแก่เรา (1 ยน.3:16)

ความสำเร็จทางโลกนั้นแตกต่างอย่างยิ่งกับความสำเร็จในสายพระเนตรพระเจ้า พระองค์ทรงให้คุณค่ากับความเมตตาที่ขับเคลื่อนเราให้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและผู้คนที่เจ็บปวด (ข้อ 17) พระองค์ทรงเห็นด้วยกับการตัดสินใจเพื่อปกป้องผู้อื่น ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราสามารถปรับค่านิยมของเราให้เป็นเหมือนพระองค์ และอุทิศตนในการรักพระองค์และผู้อื่น ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุด

ฉันควรพูดอะไร

เมื่อฉันหยุดเลือกดูหนังสือจากกล่องที่รวมหนังสือของ “ซี.เอส.ลูอิส” ในร้านหนังสือมือสอง เจ้าของร้านปรากฏตัวขึ้น ขณะที่เราคุยกันถึงหนังสือที่มี ฉันนึกสงสัยว่าเขาอาจสนใจเกี่ยวกับความเชื่อที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนของลูอิส ฉันอธิษฐานขอการทรงนำอย่างเงียบๆ ฉันนึกขึ้นได้ถึงข้อมูลจากประวัติส่วนตัวของซี.เอส.ลูอิส แล้วเราก็เริ่มคุยกันถึงคุณลักษณะของเขาที่ชี้ไปถึงพระเจ้า สุดท้ายฉันขอบคุณพระเจ้าที่คำอธิษฐานสั้นๆนั้นนำบทสนทนาของเราสู่เรื่องจิตวิญญาณ

เนหะมีย์หยุดเพื่ออธิษฐานก่อนช่วงเวลาสำคัญในการสนทนากับกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย กษัตริย์ตรัสถามว่าจะช่วยเนหะมีย์ผู้โศกเศร้าต่อการที่เยรูซาเล็มถูกทำลายได้อย่างไร เนหะมีย์เป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์จึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะร้องขออะไร แต่ท่านต้องการสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องการฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็มจึง “อธิษฐานต่อพระเจ้าของฟ้าสวรรค์” ก่อนจะขอลางานเพื่อไปบูรณะเมือง (นหม.2:4-5) กษัตริย์ทรงอนุญาตและยังทรงช่วยเรื่องการเดินทางของเนหะมีย์และจัดหาไม้สำหรับงานนี้ด้วย

พระคัมภีร์หนุนใจให้เราอธิษฐาน “ทุกโอกาสด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกรูปแบบ” (อฟ.6:18 TNCV) ซึ่งรวมถึงเวลาที่เราต้องการความกล้าหาญ การควบคุมตนเองหรือความเห็นอกเห็นใจ การอธิษฐานก่อนพูดช่วยเราที่จะยอมให้พระเจ้าทรงควบคุมทัศนคติและคำพูดของเรา

พระเจ้าทรงนำคุณในการพูดอย่างไรในวันนี้ ลองถามพระองค์ดูสิ!

ครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด

“หนูไม่เข้าใจ!” ลูกสาวฉันกระแทกดินสอลงบนโต๊ะ เธอกำลังแก้โจทย์คณิตศาสตร์อยู่ และฉันก็เพิ่งจะเริ่ม “งาน” โดยการเป็นทั้งครูและแม่ที่สอนโฮมสคูล เรากำลังมีปัญหา เพราะฉันจำเรื่องการเปลี่ยนทศนิยมเป็นเศษส่วนที่เรียนไปเมื่อ 35 ปีที่แล้วไม่ได้ ฉันไม่สามารถสอนลูกในสิ่งที่ฉันไม่รู้ เราจึงดูการอธิบายวิธีการจากครูที่สอนออนไลน์

ในความเป็นมนุษย์นั้นมีหลายครั้งที่เราต่อสู้กับสิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ แต่สำหรับพระเจ้าไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง ทรงเป็นองค์สัพพัญญู อิสยาห์กล่าวว่า “ผู้ใด...เป็นที่ปรึกษาของพระองค์ให้คำแนะนำแก่พระองค์ พระองค์ทรงปรึกษาผู้ใดเพื่อพระองค์จะทรงรู้แจ้ง และผู้ใดสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์ และสอนความรู้แก่พระองค์ และสำแดงให้พระองค์เห็นทางแห่งความเข้าใจ” (อสย.40:13-14) คำตอบคือ ไม่มีใคร!

มนุษย์มีสติปัญญาเพราะพระเจ้าสร้างเรามาตามพระฉายของพระองค์ แต่สติปัญญาของเราเทียบไม่ได้เลยกับของพระองค์ ความรู้ของเรานั้นจำกัด แต่พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งจากอดีตกาลนิรันดร์จนถึงอนาคตนิรันดร์ (สดด.147:5) ความรู้ของเราทุกวันนี้เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วย กระนั้นเรายังทำผิดพลาด แต่พระเยซูทรงรู้ทุกสิ่งแบบ “ทันที ในเวลาเดียวกัน ละเอียดถี่ถ้วน และแท้จริง” ตามที่นักศาสนศาสตร์คนหนึ่งพูดไว้

ไม่ว่ามนุษย์จะก้าวหน้าด้านความรู้ไปมากแค่ไหน เราก็ไม่มีทางเหนือกว่าสถานะการรู้ทุกสิ่งของพระคริสต์ เรายังต้องให้พระองค์อวยพรความเข้าใจของเราอยู่เสมอและสอนเราว่าอะไรดีและอะไรคือความจริง

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา