ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Dave Branon

เป้าหมายและจุดประสงค์

ในปี 2018 โคลิน โอ เบรดี้นักกีฬาผู้อดทนออกเดินเท้าแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เขาเดินข้ามทวีปแอนตาร์กติกาตามลำพัง และลากรถเลื่อนบรรทุกเสบียงไปด้วยเป็นระยะทางราว 1,500 กิโลเมตรในเวลา 54 วัน คือเป็นการเดินทางครั้งสำคัญด้วยความทุ่มเทและกล้าหาญ

โอ เบรดี้เล่าถึงช่วงเวลาที่อยู่ลำพังกับน้ำแข็ง ความหนาวและระยะทางที่น่าท้อใจว่า “ผมอยู่ในห้วงเวลา ใคร่ครวญ จดจ่อ [เต็มด้วยความมานะบากบั่น] ตลอดเวลา ทั้งจดจ่อที่เป้าหมายปลายทาง และปล่อยให้จิตใจได้ทบทวนบทเรียนอันลึกซึ้งของการเดินทางนี้ไปด้วย”

พวกเราที่เชื่อในพระเยซูอาจคุ้นเคยกับข้อความนั้น ซึ่งฟังดูคล้ายการทรงเรียกต่อเราซึ่งเป็นผู้เชื่อ คือจดจ่อที่เป้าหมายในการใช้ชีวิตเพื่อสรรเสริญ (ถวายเกียรติ) แด่พระเจ้าและสำแดงพระองค์แก่ผู้อื่น ในกิจการ 20:24 เปาโลผู้คุ้นเคยกับการเดินทางที่อันตรายกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าและประเสริฐสำหรับตัวข้าพเจ้า แต่ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้าคือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้า”

ขณะที่เราดำเนินอยู่ในความสัมพันธ์กับพระเยซู ให้เราระลึกถึงจุดประสงค์ของการเดินทางและบากบั่นจนถึงวันที่เราพบองค์พระผู้ช่วยให้รอดโดยตรง

เกินจินตนาการ

บาร์ต มิลลาร์ดเขียนเพลงที่โด่งดังในปี 2001 ชื่อว่า “ได้แต่เพียงจินตนาการ” เพลงนี้บรรยายว่าน่าอัศจรรย์เพียงใดเมื่อได้อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์พระคริสต์ เนื้อเพลงนี้ปลอบโยนครอบครัวของเรา เมื่อเมลิสาลูกสาวอายุสิบเจ็ดปีของเราเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีต่อมา และเราจินตนาการว่าเธอได้อยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า

แต่คำว่า จินตนาการ ให้ความหมายกับผมในแบบที่ต่างออกไปในช่วงหลายวันหลังจากเมลิ-สาเสียชีวิต เมื่อบรรดาพ่อของเพื่อนเมลิสามาหาผมด้วยความห่วงใย เจ็บปวด และบอกว่า “ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไร”

คำพูดของพวกเขาช่วยผมได้ ทำให้ผมรู้ว่าพวกเขากำลังรับมือกับความสูญเสียของเราด้วยความเห็นอกเห็นใจ ที่เกินจินตนาการ

ดาวิดกล่าวถึงการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงโดยบรรยายว่าเป็นการเดินผ่าน “หุบเขาเงามัจจุราช” (สดด.23:4) ดังเช่นความตายของบุคคลที่เรารัก บางครั้งเราจินตนาการไม่ได้เลยว่าจะพบทางเดินในความมืดได้อย่างไร จะพ้นไปสู่อีกด้านหนึ่งได้หรือไม่

พระเจ้าสัญญาว่าจะอยู่ด้วยในหุบเขาเงามัจจุราชในปัจจุบัน และทรงให้ความหวังที่ยิ่งใหญ่สำหรับอนาคต ให้เรามั่นใจว่าเมื่อข้ามจากหุบเขาไป เราจะอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ เมื่อผู้เชื่อ “ออกจากร่างกาย” คือได้อยู่กับพระองค์ (2 คร.5:8) ซึ่งช่วยเราให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกินจินตนาการไปได้เมื่อเราจินตนาการถึงอนาคตที่จะได้กลับไปหาพระองค์และคนอื่นๆ - JDB

ส่องสว่าง

สตีเฟนบอกพ่อแม่ว่าเขาจำเป็นต้องไปถึงโรงเรียนแต่เช้าทุกวัน ซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่เคยอธิบายว่าเหตุใดจึงสำคัญขนาดนั้น แต่พ่อแม่ก็ช่วยให้เขาไปถึงโรงเรียนมัธยมนอร์ทวิลเวลา 7:15 น. ทุกเช้า

ในวันที่หนาวเหน็บตอนมัธยมศึกษาปีที่ 5 สตีเฟนอยู่ในรถที่ประสบอุบัติเหตุและน่าเศร้าที่เขาเสียชีวิต ต่อมาพ่อกับแม่ได้รู้เหตุผลที่เขาไปโรงเรียนแต่เช้า ทุกเช้าเขาและเพื่อนๆจะรวมกันอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนเพื่อทักทายนักเรียนคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้ม การโบกมือ และคำพูดดีๆ นักเรียนทุกคนรวมถึงคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนจึงรู้สึกได้รับการต้อนรับและยอมรับ

สตีเฟนผู้เชื่อในพระเยซู ต้องการแบ่งปันความชื่นชมยินดีของเขาแก่ผู้ที่ต้องการอย่างยิ่ง แบบอย่างของเขายังคงย้ำเตือนว่า วิธีการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะส่องแสงของความรักพระคริสต์ คือการแสดงออกด้วยความเมตตา ผ่านจิตวิญญาณที่เป็นมิตร

ในมัทธิว 5:14-16 พระเยซูเปิดเผยว่า ในพระองค์เราเป็น “ความสว่างของโลก” และ “นครซึ่งอยู่บนภูเขา” (ข้อ 14) เมืองสมัยโบราณมักสร้างจากหินปูนสีขาว และจะโดดเด่นเมื่อต้องแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ ขอให้เราเลือกที่จะไม่ปิดซ่อนไว้ แต่ส่องสว่าง “แก่ทุกคนที่อยู่ในเรือน” (ข้อ 15)

และเมื่อเรา “ส่องสว่างแก่คนทั้งปวง” (ข้อ 16) ขอให้พวกเขาได้สัมผัสกับความรักอันอบอุ่นของพระคริสต์

ซองจดหมายหายไป

ผมเจอของสิ่งนี้ ขณะที่เราเดินทางกลับจากการไปเยี่ยมครอบครัวที่รัฐอื่น ผมกำลังเติมน้ำมันแล้วสังเกตเห็นซองจดหมายสกปรกและหนาอยู่ที่พื้น ผมหยิบขึ้นมาทั้งที่สกปรกและเปิดดู และแปลกใจที่พบว่ามีเงินหนึ่งร้อยดอลล่าร์อยู่ในนั้น

มีคนทำเงินหนึ่งร้อยดอลล่าร์หายและอาจกำลังหาอย่างตื่นตระหนก ผมให้เบอร์โทรศัพท์ไว้กับพนักงานที่ปั๊มเผื่อใครจะติดต่อรับคืน แต่ไม่มีใครติดต่อมาเลย

มีคนเป็นเจ้าของเงินนั้นและทำหาย ทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกมักเป็นเช่นนั้น บางทีหายไป บางทีถูกขโมย หรือถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง อาจหายไปกับการลงทุนที่ขาดทุนหรือตลาดหุ้นซึ่งเราควบคุมไม่ได้ แต่ทรัพย์สมบัติในสวรรค์ที่เรามีในพระเยซูไม่เป็นเช่นนั้น คือความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่ได้รับการฟื้นฟูแล้วและพระสัญญาว่าเราจะได้ชีวิตนิรันดร์ เราไม่มีวันทำทรัพย์สมบัตินี้หล่นหายที่ปั๊มน้ำมันหรือที่ไหนก็ตาม

ด้วยเหตุนี้พระคริสต์จึงสอนให้เราส่ำสม “ทรัพย์สมบัติในสวรรค์” (มธ.6:20) เราทำได้โดยการ “กระทำดีมากๆ” (1 ทธ.6:18) หรือ “มั่งมีในความเชื่อ” (ยก.2:5) โดยช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความรักและบอกเขาเรื่องพระเยซู เมื่อพระเจ้านำและเสริมกำลังเรา ให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัตินิรันดร์ในขณะที่รอคอยอนาคตนิรันดร์ที่จะได้อยู่กับพระองค์

ขุมทรัพย์พิเศษของพระเจ้า

ลองจินตนาการถึงท้องพระโรงใหญ่ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ประทับอยู่บนบังลังก์แวดล้อมด้วยผู้เข้าเฝ้าที่สำรวมอย่างยิ่ง มีกล่องใบหนึ่งวางอยู่แทบพระบาท บางครั้งพระองค์ก้มลงสัมผัสสิ่งที่อยู่ในนั้น มีอะไรอยู่ในกล่องใบนั้นเพชรพลอย ทองคำและอัญมณีที่พระองค์ทรงชื่นชอบ กล่องใบนี้มีสมบัติของกษัตริย์ซึ่งทำให้พระองค์เปรมปรีดิ์ยิ่ง คุณเห็นภาพนั้นในความคิดของคุณหรือไม่

เยี่ยมมาก

ครั้งนั้นเป็นการวิ่งทางไกลครั้งแรกของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่เธอไม่อยากวิ่ง แม้จะฝึกฝนมาแล้ว เธอก็ยังกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่เธอก็ออกตัวที่จุดเริ่มต้นพร้อมกับคนอื่นๆ หลังจากนั้นนักวิ่งทุกคนที่วิ่งครบ 3.2 กิโลเมตรต่างก็ทยอยเข้าสู่เส้นชัย ยกเว้นเธอที่วิ่งด้วยความฝืนใจ ในที่สุด แม่ที่กำลังรอลูกสาวเข้าเส้นชัยก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล จึงไปรอที่เส้นชัยเพื่อเตรียมปลอบใจเธอที่คงจะรู้สึกแย่ แต่เมื่อนักวิ่งสาวน้อยมองเห็นแม่ เธอกลับร้องขึ้นว่า “เยี่ยมมาก”

เชื่อในชุดเกราะของคุณ

ในฐานะนักเขียนอายุน้อย ผมมักไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเมื่อต้องเข้าอบรมการเขียน ผมมองไปรอบห้องและเห็นว่าในห้องเต็มไปด้วยยักษ์ ซึ่งคือคนที่ผ่านการฝึกอย่างเป็นทางการ หรือไม่ก็มีประสบการณ์มาหลายปี ส่วนผมไม่มีทั้งสองอย่าง แต่ที่ผมมีคือหูที่คุ้นชินกับภาษา น้ำเสียง และจังหวะของพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์ ซึ่งถือเป็นเกราะที่แข็งแกร่งของผม พูดได้ว่า สิ่งที่ผมคุ้นเคยและอิทธิพลที่สิ่งนั้นมีต่อลีลาและสำนวนการเขียนของผมได้กลายเป็นความสุขของผม ซึ่งผมหวังว่าจะเป็นความสุขของผู้อื่นด้วย

จับสุนัขจิ้งจอก

ครั้งแรกที่ค้างคาวรุกรานบ้านของเรา เราบังเอิญไล่มันไป แต่หลังจากที่พวกมันมาเยี่ยมยามวิกาลครั้งที่สอง ผมไปหาอ่านเกี่ยวกับสัตว์ตัวเล็กเหล่านี้ และพบว่าพวกมันมาเยี่ยมเยียนมนุษย์ได้โดยไม่ต้องมีรูกว้างใหญ่เลย อันที่จริง ถ้าพวกมันเจอช่องที่เล็กเท่าเหรียญมันก็จะพาตัวเองเข้ามา

ดีกว่าที่เคย

มหาวิหารนอทเทอร์ดัมในกรุงปารีสเป็นสิ่งก่อสร้างที่โอ่อ่าอลังการ เป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตา หน้าต่างกระจกสีรวมถึงการตกแต่งภายในงดงามอย่างน่าตื่นตะลึง แต่หลังจากที่วิหารหลังนี้ตั้งตระหง่านในกรุงปารีสมาหลายศตวรรษ จำเป็นต้องมีการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเพลิงไหม้เผาผลาญสร้างความเสียหายแก่อาคารเก่าแก่งดงามหลังนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา