มีแนวโน้มจะหลงทาง
บทเพลงนมัสการเก่าแก่บทหนึ่งที่ผมชอบมากคือเพลง “ขอพระพรจากเบื้องบนลงมา” ซึ่งประพันธ์ขึ้นในปี 1757 โดยโรเบิร์ต โรบินสัน วัย 22 ปี มีเนื้อเพลงประโยคหนึ่งที่จับใจ และผลักดันให้ผมต้องสำรวจตัวเอง ประโยคนั้นบอกว่า “พระองค์ทรงรักข้าเสมอไปแต่ข้าเผลอมักลืมพระคุณ” บางครั้งผมก็รู้สึกเช่นนี้ บ่อยครั้งที่ผมพบว่าตัวเองวอกแวกและออกนอกทาง แทนที่จะให้หัวใจและความคิดจดจ่อที่องค์พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงรักผมและประทานพระองค์เองเพื่อผม ไม่ได้มีเพียงโรเบิร์ต โรบิน-สัน กับผมเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้
แปลไม่ผิด
เป็นเวลาหลายปีที่ผมมีโอกาสสอนพระคัมภีร์แก่ผู้คนมากมายทั่วโลก ผมพูดได้แต่ภาษาอังกฤษ จึงมักทำงานร่วมกับล่าม ที่สามารถแปลถ้อยคำจากใจของผม เป็นภาษาท้องถิ่น การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับทักษะของผู้แปลโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอินาวาตี จากอินโดนีเซีย แอนนี่ จากมาเลเซีย หรือจีน จากบราซิล พวกเขาทำให้ทุกความหมายจากถ้อยคำของผมถูกถ่ายทอดออกไปอย่างครบ ถ้วน
น้ำพุยักษ์
ที่อัปเปอร์ เพนนินซูล่า ในรัฐมิชิแกน มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจอยู่เป็นสระน้ำลึก 12 เมตร และกว้าง 91 เมตรชาวอเมริกันพื้นเมืองเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “คิช-อิติ-คิปี” หรือ “น้ำเย็นขนาดใหญ่” ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า บิ๊ก สปริงหรือน้ำพุยักษ์ สระน้ำแห่งนี้รับน้ำมาจากน้ำพุใต้ดินซึ่งส่งน้ำขึ้นมากว่า 37 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ผ่านชั้นหินใต้ดินขึ้นมาจนถึงผิวดินนอกจากนั้น น้ำพุยังสามารถรักษาอุณหภูมิคงที่ที่ 47 องศาเซลเซียส นั่นหมายความว่าแม้กระทั่งในฤดูหนาวที่อากาศติดลบ สระนี้ก็ไม่มีวันเป็นน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวสามารถชมสระน้ำบิ๊ก สปริงได้ทุกฤดู
พลังแห่งเสียงเพลง
เสียงเพลงของคณะนักร้องประสานเสียงชายเป็นสิ่งที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมของแคว้นเวลส์ ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง คณะนักร้องประสานเสียงของเวลส์กลุ่มหนึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับคณะนักร้องของเยอรมนีซึ่งเป็นคู่แข่ง แต่สายสัมพันธ์นั้น ได้ถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังตลอดและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ความตึงเครียดค่อยๆ ลดลง อาจเพราะข้อความที่จารึกไว้บนถ้วยรางวัลที่มอบให้กับคณะนักร้องทั้งสองกลุ่มที่ว่า “พูดกับฉันสิ และเราจะเป็นเพื่อนกัน ร้องเพลงกับฉันสิ และเราจะเป็นพี่น้องกัน”
ต้องการเครื่องนำทาง
คริสตจักรเซนท์ นิโคลาส ในกอลเวย์ประเทศไอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานอยู่ คริสตจักรแห่งนี้เก่าแก่ที่สุดในประเทศและยังช่วยนำทางได้อย่างเป็นรูปธรรม ตัวคริสตจักรตั้งตระหง่านสูงกว่าตัวเมืองและกัปตันเรือจะใช้ยอดหลังคาของคริสตจักร เป็นเครื่องนำทางในการนำเรือเข้าอ่าวกอลเวย์อย่างปลอดภัย เป็นเวลาหลายร้อยปีที่คริสตจักรแห่งนี้ได้รับความไว้วางใจในการนำกะลาสีเรือกลับบ้าน
อัศจรรย์แห่งกางเขน
ขณะที่เดินทางไปประเทศออสเตรเลีย ในค่ำคืนหนึ่งเมื่อท้องฟ้าเปิด ผมมีโอกาสมองเห็นกลุ่มดาวกางเขนใต้ ซึ่งปรากฏอยู่ทางซีกโลกใต้ และเป็นกลุ่มดาวที่มีลักษณะพิเศษมากกลุ่มหนึ่ง นักเดินเรือและผู้นำทางเริ่มพึ่งพากลุ่มดาวนี้ในการดูทิศทางและการเดินเรือในทะเลมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ถึงแม้กลุ่มดาวจะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งปีในค่ำคืนนั้นกลุ่มดาวกางเขนใต้สว่างสุกใสจนแม้แต่ผมเองก็ยังสามารถบอกตำแหน่งมันได้เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ!
ระดับบรรทุก
ในศตวรรษที่ 19 เรือขนาดใหญ่มักมีการบรรทุกของเกินพิกัด จนเป็นผลให้เกิดการอับปางและสูญเสียลูกเรือไปในทะเล ในปี 1875 มีการพยายามแก้ปัญหาเรื้อรังนี้ โดยนักการเมืองชาวอังกฤษชื่อ ซามูเอล พลิมโซล ได้ริเริ่มการออกกฎหมายให้มีเส้นขีดไว้ที่ด้านข้างของเรือเพื่อแสดงว่าเรือนั้นบรรทุกของมากเกินไปหรือไม่ “เส้นบอกระดับบรรทุก” นี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ พลิมโซลไลน์ และยังใช้บอกระดับบรรทุกของเรือในทุกวันนี้
ให้เป็นบุตร
ผมและมาร์ลีนแต่งงานกันมานานกว่า 35 ปีแล้ว ตอนที่เรามีนัดกันครั้งแรก เราคุยกันในเรื่องที่ผมไม่เคยลืม เธอบอกว่ามีคนรับอุปการะเธอเมื่ออายุได้ 6 เดือน ผมถามว่าเธอเคยสงสัยไหมว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง เธอตอบว่า “ในวันนั้น พ่อกับแม่จะเลือกอุปการะเด็กทารกคนไหนก็ได้ในบรรดาเด็กทั้งหมด แต่ท่านเลือกรับฉันเป็นลูกบุญธรรม เพราะฉะนั้น ท่านคือพ่อแม่ที่แท้จริงของฉัน”
หลากหลายความรู้สึก
สำหรับมาร์ลีนกับผม คำว่า “หลากหลายความรู้สึก” ใช้บรรยายงานแต่งงานของเราได้อย่างถูกต้อง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด งานแต่งงานเป็นเหตุการณ์ที่งดงามที่เรายังคงเฉลิมฉลองมากว่า 35 ปี แต่งานในวันนั้นเศร้าหมองเพราะแม่ของมาร์ลีนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ป้าของมาร์ลีนมาเป็นตัวแทน “แม่เจ้าสาว” ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ท่ามกลางความสุขของเรานั้น เรากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ได้เป็นแบบนั้น แม่ไม่อยู่กับเรา และนั่นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป