ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Arthur Jackson

เศษไม้ ก้อนอิฐ และพระเจ้า

หลังจากอธิษฐานถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้พวกเขาทำในก้าวต่อไปของชีวิต มาร์คและนีน่าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าการย้ายไปอยู่ใจกลางเมืองคือสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ พวกเขาซื้อบ้านหลังหนึ่ง และขณะการปรับปรุงบ้านกำลังดำเนินไปพายุก็พัดเข้ามา มาร์คส่งข้อความมาหาผมว่า “เรามีเรื่องประหลาดใจเมื่อเช้านี้ พายุทอร์นาโดพัดผ่านเมืองเจฟเฟอร์สัน และทำลายบ้านที่เรากำลังปรับปรุงจนเหลือแต่เศษไม้กับก้อนอิฐ พระเจ้ากำลังมีแผนการอะไรสักอย่าง”

พายุที่ควบคุมไม่ได้นี้ไม่ใช่สิ่งเดียวที่นำเรื่องประหลาดใจและความสับสนมาสู่ชีวิตของเรา อย่างไรก็ตามการไม่ละสายตาไปจากพระเจ้าในท่ามกลางวิบัติที่เกิดขึ้นเป็นกุญแจดอกหนึ่งของการอยู่รอด

ภัยพิบัติจากสภาพอากาศในชีวิตโยบซึ่งส่งผลให้ท่านสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตของลูกๆ (โยบ 1:19) นั้นเป็นเพียงหนึ่งในเรื่องช็อกที่ท่านกำลังเผชิญ ก่อนหน้านั้นมีผู้ส่งข่าวร้ายอื่นมาให้ท่านแล้ว (ข้อ 13-17)

ในแต่ละวัน เราอาจเริ่มต้นจากความรื่นเริงไปสู่ความเศร้า งานฉลองการมีชีวิตไปสู่ความตาย หรือความท้าทายอื่นๆของชีวิต ชีวิตของเราอาจถูกลดทอนลงอย่างฉับพลันจนเหลือเพียง “เศษไม้และก้อนอิฐ” ทั้งในด้านการเงิน ความสัมพันธ์ สภาพร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ แต่พระเจ้าทรงพลานุภาพกว่าพายุใดๆ การจะรอดจากพายุแห่งชีวิตนั้นเราจำเป็นต้องมีความเชื่อที่จดจ่ออยู่ที่พระองค์ เป็นความเชื่อที่ช่วยเราให้พูดเช่นเดียวกับโยบและอีกหลายๆคนว่า “สาธุการแด่พระนามพระเจ้า” (ข้อ 21)

แข็งแกร่งกว่าความเกลียด

คริสพบว่าตัวเองพึมพำประโยคที่เปี่ยมด้วยพลังและพระคุณว่า “ความรักนั้นแข็งแกร่งกว่าความเกลียดชัง” ในช่วง 24 ชั่วโมงของการเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าของชารอนด้าแม่ของเขา เธอถูกฆ่าพร้อมกับอีก 8 คนในชั้นเรียนพระคัมภีร์คืนวันพุธ ที่เมืองชาลส์ตันรัฐเซาท์แคโรไลน่า ชีวิตของวัยรุ่นคนนี้ได้รับการปลูกฝังอะไรที่ทำให้ถ้อยคำเหล่านี้ออกมาจากปากและใจของเขาได้ คริสเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซู โดยมีคุณแม่ที่ “รักทุกคนอย่างสุดใจ”

ในพระธรรมลูกา 23:26-49 เราได้นั่งแถวหน้าเพื่อดูฉากการประหารชีวิตอาชญากร 2 คน และพระเยซูผู้บริสุทธิ์ (ข้อ 32) ทั้ง 3 คนถูกตรึงบนกางเขน (ข้อ 33) ท่ามกลางความตกตะลึง เสียงถอนหายใจ และเสียงครวญครางของผู้ที่ถูกตรึงบนกางเขน เราได้ยินพระเยซูตรัสว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร” (ข้อ 34) ความมุ่งมั่นที่เต็มด้วยความเกลียดชังของเหล่าผู้นำทางศาสนาเป็นเหตุให้เกิดการถูกตรึงกางเขนของพระองค์ผู้ทรงเป็นสุดยอดในเรื่องความรัก แม้ในความเจ็บปวดรวดร้าว ความรักของพระเยซูยังคงได้รับชัยชนะ

คุณหรือคนที่คุณรักเป็นเป้าหมายของความเกลียดชัง ความมุ่งร้าย ความขมขื่น หรือความรังเกียจอย่างไร ขอความเจ็บปวดนั้นจะกระตุ้นให้คุณอธิษฐาน และขอแบบอย่างของพระเยซูและคริสหนุนใจคุณด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เลือกที่จะรักแทนการเกลียดชัง

ผู้รักษาสัญญา

เมื่อตระหนักถึงความจริงจังของคำมั่นสัญญาที่เขากำลังกล่าวต่อลาชอนเน่ โจนาธานเริ่มพูดตะกุกตะกัก เขาคิดว่าผมจะกล่าวคำสัญญานี้ได้อย่างไรถ้าไม่เชื่อว่าจะรักษาสัญญานี้ได้ เขาทำพิธีจนเสร็จลุล่วงแต่ความหนักใจยังอยู่ หลังงานเลี้ยงโจนาธานพาภรรยาของเขาเข้าไปในโบสถ์และอธิษฐานนานกว่าสองชั่วโมง ขอพระเจ้าให้ทรงช่วยเขารักษาคำมั่นสัญญาที่จะรักและดูแลลาชอนเน่

ความกลัวในวันแต่งงานของโจนาธานเกิดจากการรับรู้ถึงความอ่อนแอในความเป็นมนุษย์ของตนเอง แต่พระเจ้าผู้ทรงสัญญาว่าจะอวยพรประชาชาติผ่านทางพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม (กท.3:16) ทรงไม่มีข้อจำกัดนี้ ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูต้องการท้าทายคริสเตียนชาวยิวให้บากบั่นและอดทนในความเชื่อ ท่านจึงทบทวนพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมผู้อดทนรอคอยด้วยความเพียร และการทรงทำให้พระสัญญานั้นเป็นจริง (ฮบ.6:13-15) สถานภาพของอับราฮัมและซาราห์ที่อายุมากแล้วแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่พระสัญญาจะสำเร็จเป็นจริงว่า “เผ่าพันธุ์ของเจ้าทวีมากขึ้น” (ข้อ 14)

คุณกำลังถูกท้าทายให้เชื่อวางใจในพระเจ้าแม้จะเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอและเปราะบางหรือไม่ คุณกำลังต่อสู้เพื่อจะรักษาคำมั่นสัญญา คำปฏิญาน หรือคำสาบานอยู่หรือเปล่า ใน 2 โครินธ์ 12:9 พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะช่วยเรา “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” พระเจ้าทรงช่วยโจนาธานและลาชอนเน่ในการรักษาคำปฏิญาณของพวกเขาเป็นเวลานานกว่าสามสิบหกปี แล้วทำไมไม่เชื่อวางใจให้พระองค์ทรงช่วยคุณล่ะ

พูดออกมา!

บริททานีร้องบอกเพื่อนร่วมงานที่ร้านอาหารว่า “คนนั้นไง! คนนั้นไง!” เธอหมายถึงเมลวินซึ่งเธอพบครั้งแรกในสถานการณ์ที่ต่างออกไป ขณะที่เขากำลังตัดหญ้าที่โบสถ์ พระวิญญาณเร้าใจเขาให้ไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นหญิงขายบริการ เมื่อเขาเชิญเธอไปโบสถ์ เธอถามเขาว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันทำงานอะไร ไม่มีใครอยากให้ฉันเข้าไปหรอก” เมื่อเมลวินเล่าเรื่องความรักของพระเยซูและยืนยันว่าฤทธิ์อำนาจของพระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอได้ น้ำตาก็เริ่มไหลอาบแก้มเธอ หลายสัปดาห์ผ่านไป ตอนนี้บริททานีทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่เป็นพยานที่มีชีวิตถึงฤทธิ์อำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพระเยซู

ในบริบทอัครทูตเปาโลหนุนใจผู้เชื่อให้มุ่งมั่นอธิษฐานนั้น ท่านได้ขอร้องไว้สองเรื่องว่า “อธิษฐาน​เผื่อ​เรา​ด้วย เพื่อ​พระ​เจ้า​จะ​ได้​ทรง​โปรด​เปิด​ประตู​ไว้​ให้​เรา​สำหรับ​พระ​วาทะ​นั้น ให้​เรา​กล่าว​ความ​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​คริสต์​ (​ที่​ข้าพเจ้า​ถูก​จำ​จอง​อยู่​ก็​เพราะ​เหตุ​นี้​) ​เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​กล่าว​ชี้แจง​ข้อความ​ตาม​สมควร​ที่​ข้าพเจ้า​ควร​จะ​กล่าว​นั้น” (คส.4:3-4)

คุณเคยอธิษฐานขอโอกาสในการพูดอย่างกล้าหาญและตามสมควรเพื่อพระเยซูไหม ช่างเป็นคำอธิษฐานที่เหมาะเจาะ! คำอธิษฐานเช่นนี้อาจนำผู้เชื่ออย่างเมลวินให้พูดเรื่องพระองค์ในสถานที่และกับผู้คนที่คาดไม่ถึง การพูดเรื่องพระเยซูออกมาอาจดูน่าอึดอัดใจ แต่ผลที่ได้คือชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงนั้นคุ้มค่ากับความอึดอัดใจของเรา

เพียงแค่วางใจ

เด็กสามร้อยคนแต่งตัวเรียบร้อยนั่งรออาหารเช้า มีการอธิษฐานขอบพระคุณสำหรับอาหารแล้ว แต่กลับไม่มีอาหาร! สถานการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ จอร์จ มูลเลอร์ ซึ่งเป็นมิชชันนารีและผู้อำนวยการบ้านเด็กกำพร้า (1805-1898) นี่เป็นอีกโอกาสที่จะได้เห็นว่าพระเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกเขาอย่างไร ไม่กี่นาทีหลังจากมูลเลอร์อธิษฐาน คนทำขนมปังที่นอนไม่หลับในคืนก่อนมาที่ประตู เขารู้สึกว่าบ้านเด็กต้องการขนมปังจึงอบมาสามชุด ไม่นานคนส่งนมประจำเมืองก็ปรากฏตัว เกวียนของเขาเสียอยู่หน้าบ้านเด็กกำพร้า เขาไม่ต้องการให้นมเสียเปล่าจึงได้มอบนมให้กับมูลเลอร์

เป็นเรื่องปกติที่เราจะกลัดกลุ้ม กังวล และสงสารตัวเองเมื่อขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต เช่นอาหาร ที่อยู่อาศัย สุขภาพ การเงิน มิตรภาพ 1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-16 เตือนเราว่าความช่วยเหลือจากพระเจ้าอาจมาจากแหล่งที่คาดไม่ถึง เหมือนกับหญิงม่ายยากจน “ดิฉันไม่มีอะไรที่ปิ้งเสร็จ มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยที่ในไห” (ข้อ 12) ก่อนหน้านี้ก็เป็นกาที่เลี้ยงดูเอลียาห์ (ข้อ 4-6) ความกังวลถึงสิ่งจำเป็นต่างๆ อาจทำให้เราแสวงหาหนทางมากมาย ภาพที่ชัดเจนของพระเจ้าในฐานะผู้เลี้ยง ผู้ซึ่งทรงสัญญาว่าจะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้เรานั้น ช่วยปลดเปลื้องความกังวลออกไป ก่อนที่เราจะหาทางแก้ปัญหา ขอให้เราตั้งใจแสวงหาพระองค์ก่อน การทำเช่นนั้นจะช่วยเราประหยัดเวลา พลังงาน และความขุ่นเคืองใจ

การแก้ไขด้วยใจเมตตา

คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าอากาศในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอันแสนสดชื่นและการเดินทางของผมกับภรรยาอีกแล้ว แต่ความงดงามของช่วงเวลาเหล่านั้นอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้อย่างรวดเร็วหากไม่มีป้ายสีแดงขาวที่เตือนให้รู้ว่า ผมกำลังไปผิดทาง เนื่องจากผมหักเลี้ยวไม่มากพอ จนป้าย “ห้ามเข้า” มาอยู่ตรงหน้า ผมรีบปรับทิศทางแต่ยังคงตกใจเมื่อคิดถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง ภรรยาผม และคนอื่นๆ หากผมไม่สนใจป้ายเตือนนั้น

คำทิ้งท้ายในจดหมายของยากอบย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขสิ่งผิด มีใครในที่นี้บ้างที่ไม่ต้องมีผู้หวังดีมาช่วยให้ “กลับใจเสียใหม่” จากเส้นทาง การกระทำ การตัดสินใจ หรือความปรารถนาที่อาจทำร้ายเรา ไม่มีใครรู้ว่าตัวเราหรือผู้อื่นอาจได้รับอันตราย หากไม่มีผู้กล้าที่เข้ามาแทรกแซงในเวลาที่เหมาะสม

ยากอบเน้นถึงคุณค่าของการตักเตือนแก้ไขด้วยใจเมตตาไว้ว่า “ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย” (5:20) การตักเตือนแก้ไขเป็นการแสดงออกถึงพระเมตตาของพระเจ้า ขอให้ความรักและความห่วงใยที่เรามีต่อสวัสดิภาพของผู้อื่น ผลักดันให้เราพูดและกระทำในวิถีทางของพระองค์เพื่อ “ชักจูงเขาให้เขากลับใจเสียใหม่” (ข้อ 19)

รอยแผลของพระองค์

หลังจากพูดคุยกับเกรดี้ ผมก็เข้าใจว่าทำไมเขาจึงชอบทักทายด้วยการ “ชนหมัด” แทนการจับมือ การจับมือทำให้เห็นแผลเป็นบนข้อมือที่เกิดจากการทำร้ายตัวเองหลายครั้งของเขา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะซ่อนแผลเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ ทั้งที่เกิดโดยคนอื่นหรือจากตัวเราเอง

หลังจากได้คุยกับเกรดี้ผมคิดถึงแผลเป็นบนพระกายของพระเยซู รอยแผลที่เกิดจากการตอกตะปูเข้าไปในมือและเท้า และรอยแผลที่ถูกหอกแทงที่สีข้าง แทนที่จะทรงซ่อนแผลเป็นนั้น พระเยซูกลับให้ความสำคัญกับมัน

ในตอนแรกโธมัสยังสงสัยในการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลยจงเชื่อเถิด” (ยน.20:27) เมื่อโธมัสเห็นรอยแผลด้วยตาตนเองและได้ยินพระสุรเสียงของพระเยซู เขาจึงเชื่อว่าเป็นพระเยซูจริงและร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์และพระเจ้าของข้าพระองค์” (ข้อ 28) พระเยซูจึงทรงอวยพรผู้ที่ไม่ได้เห็นพระองค์แต่ยังคงเชื่อว่า “ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข” (ข้อ 29)

ข่าวที่ดีที่สุดคือ รอยแผลของพระองค์นั้นก็เพื่อบาปของเรา บาปที่เราทำต่อผู้อื่นหรือต่อตัวเราเอง การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูก็เพื่อที่จะยกโทษบาปให้กับบรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์และยอมรับเหมือนกับโธมัสว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์”

ผู้ล้างหนี้

ตกตะลึง เป็นคำๆเดียวที่ใช้อธิบายปฏิกิริยาของผู้เข้าร่วมงานรับปริญญาของวิทยาลัยมอร์เฮาส์ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ผู้ให้โอวาทประกาศว่าเขาและครอบครัวจะบริจาคเงินหลายล้านเหรียญเพื่อล้างหนี้ให้ผู้จบการศึกษาทุกคน นักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งมีหนี้ราว 3 ล้านบาทรู้สึกท่วมท้นและแสดงความยินดีร่วมกับคนอื่นๆด้วยน้ำตาและเสียงโห่ร้อง

รวมกันเรามีชัยชนะ

กลางดึกคืนหนึ่ง ศิษยาภิบาลซามูเอล แบ็กกาก้าได้รับโทรศัพท์เรียกให้ไปบ้านของสมาชิกคนหนึ่ง เมื่อไปถึงเขาพบว่าบ้านถูกเพลิงไหม้ ผู้เป็นพ่อวิ่งกลับเข้าไปช่วยลูกแม้ตัวเองจะถูกไฟคลอกและกลับออกมาพร้อมลูกสาวที่หมดสติ โรงพยาบาลในชนบทของอูกันดานี้อยู่ห่างไปสิบกิโลเมตร เพราะไม่มีรถ พ่อกับศิษยาภิบาลจึงอุ้มพาเด็กวิ่งไป เมื่อคนหนึ่งเหนื่อยจากการอุ้มเด็กหญิงที่บาดเจ็บ อีกคนก็ช่วยอุ้มต่อ ทั้งคู่ร่วมมือกันจนสำเร็จ ทั้งพ่อและลูกสาวได้รับการรักษาจนหายดีในเวลาต่อมา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา