ขวดโหลขอบพระคุณ
ซูต้องการเติบโตฝ่ายวิญญาณและขอบพระคุณมากขึ้น เธอจึงเริ่มทำขวดโหลขอบพระคุณ ทุกคืนเธอจะเขียนหนึ่งสิ่งที่อยากขอบคุณพระเจ้าบนกระดาษแผ่นเล็กและใส่ลงในโหล บางวันเธอมีเรื่องที่อยากขอบคุณมากมาย ในวันที่หนักหนาสาหัส เธอกลับเขียนแทบไม่ออก ช่วงสิ้นปีเธอนำกระดาษเหล่านั้นออกมาอ่านทุกแผ่น และขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งสำหรับทุกอย่างที่พระองค์ทรงกระทำ พระองค์ประทานสิ่งเรียบง่ายอย่างดวงอาทิตย์ตกที่งดงามหรือค่ำคืนที่เย็นสบายเหมาะกับการเดินเล่น บางครั้งพระองค์ประทานพระคุณเพื่อรับมือกับสถานการณ์ยากลำบากหรือตอบคำอธิษฐาน
ผู้ทรงกลบเกลื่อน
เมื่อพูดเรื่องความเชื่อในพระเยซู บางครั้งเราใช้คำพูดโดยไม่มีความเข้าใจหรือไม่มีการอธิบาย ยกตัวอย่างคำว่า ชอบธรรม เราบอกว่าพระเจ้าทรงไว้ซึ่งความชอบธรรมและพระองค์กระทำให้คนของพระองค์ชอบธรรม แต่นี่อาจเป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ยาก
แล้วคุณล่ะ
เอมิลี่นั่งฟังเพื่อนๆ คุยกันเรื่องธรรมเนียมการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าในครอบครัว แกรี่บอกว่า “เราเวียนให้แต่ละคนพูดว่ามีอะไรขอบคุณพระเจ้าบ้าง”
การหลอกลวง
เคอร์รี่พยายามอย่างมากเพื่อให้คนอื่นชื่นชม เธอทำเป็นมีความสุขตลอดเวลาเพื่อคนอื่นจะเห็นและกล่าวชมความร่าเริงนั้น บางคนชมเชยเพราะเห็นเธอช่วยเหลือคนในชุมชน แต่ในเวลาที่เธอพูดเปิดใจ เคอร์รี่ยอมรับว่า “ฉันรักพระเจ้า แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีชีวิตที่หลอกลวง” ความรู้สึกไม่มั่นคงทำให้เธอพยายามทำตัวให้ดูดีต่อหน้าคนอื่น และเธอกล่าวว่าเธอเริ่มหมดแรงจะทำต่อไป
จำเป็นด้วยหรือ
โจอีเริ่มรายการสำหรับเด็กด้วยการอธิษฐานแล้วร้องเพลงกับเด็กๆ เด็กชายเอ็มมานูเอลวัยหกขวบนั่งบิดตัวไปมาเมื่อเธอเริ่มอธิษฐานอีกครั้งหลังจากแนะนำครูแอรอน จากนั้นครูแอรอนก็เริ่มรายการและจบลงด้วยการอธิษฐาน เอ็มมานูเอลโอดครวญขึ้นว่า “อธิษฐานตั้งสี่รอบ ผมนั่งนิ่งนานขนาดนั้นไม่ไหว”
ฟองสบู่อันผ่อนคลาย
ขณะที่ฉันกับคาร์ล สามีเดินไปกับฉันตามทางเลียบทะเลในเมืองแอตแลนติกซิตี้ มีเด็กชายคนหนึ่งเป่าฟองสบู่ให้ลอยมาทางเรา ถือเป็นช่วงเวลาที่เติมความสดใสให้กับวันที่เหน็ดเหนื่อย เราเดินทางมาเมืองนี้เพื่อมาเยี่ยมน้องเขยที่ต้องเข้าโรงพยาบาล และช่วยน้องสาวของคาร์ลที่มีปัญหาไม่สามารถไปตามที่หมอนัดได้ และเราออกมาเดินเล่นที่ ทางเดินริมทะเลเพื่อผ่อนคลายเพราะรู้สึกอ่อนล้าจากการช่วยเหลือครอบครัว
ผู้องอาจ
ฤดูร้อนปี 2015 ฮันเตอร์ อายุ 15 ปี แบกร่างน้องชายชื่อเบรเดน (8 ขวบ) เดินเท้าเป็นระยะทาง 92 กิโลเมตร เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความต้องการของผู้พิการทางสมอง เบรเดนหนัก 28 กิโลกรัม ฮันเตอร์จึงต้องพักบ่อยๆ เพื่อให้คนอื่นช่วย คลายกล้ามเนื้อ ให้เขาสวมสายรัดพิเศษเพื่อช่วยกระจายน้ำหนักของเบรเดน ฮันเตอร์เล่าว่า สายรัดแบ่งเบาภาระทางร่างกาย แต่สิ่งที่ช่วยเขามากที่สุดคือผู้คนที่อยู่ระหว่างทาง “ถ้าไม่มีทุกคนที่ให้กำลังใจและเดินไปกับเรา ผมคงทำมันไม่ได้...ผมปวดขาอย่างรุนแรง แต่เพื่อนๆ ช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้น ผมจึงทำสำเร็จได้...” แม่ของเขาตั้งชื่อการเดินอันยากลำบากนี้ว่า “คนพิการทางสมองผู้องอาจ”
ยืนเคียงข้าง
เพื่อนนักเรียนทั้ง 30 คนกับผู้ปกครองต่างมองดูมิอัสยาเดินขึ้นเวทีอย่างตื่นเต้นเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาชั้นป.5 เมื่อครูใหญ่ปรับไมโครโฟนให้เท่ากับความสูงของเธอ เธอกลับหันหลังให้ไมโครโฟนและผู้ฟัง ทุกคนต่างกระซิบคำให้กำลังใจ “เอาน่าที่รัก เธอทำได้” แต่เธอไม่ขยับ จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ เธอ โดยมีครูใหญ่ยืนอยู่อีกข้างหนึ่ง และทั้งสามคนช่วยกันอ่านสุนทรพจน์ของเธอด้วยกัน ช่างเป็นภาพการให้กำลังใจที่งดงาม
พูดตาม
เมื่อรีเบคก้าขึ้นเวทีพูดในการประชุมครั้งหนึ่ง ประโยคแรกที่เธอพูดใส่ไมโครโฟนก้องไปทั่วห้อง เธอรู้สึกประหม่าที่ได้ยินคำพูดตัวเองซ้ำๆ เธอต้องปรับตัวกับระบบเสียงที่ผิดพลาด และพยายามไม่ใส่ใจคำพูดที่สะท้อนกลับมา