พระเมตตาที่ยังคงทำการอยู่
ฉันระเบิดความโกรธออกมาเมื่อถูกผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวโทษ นินทาและปฏิบัติกับฉันอย่างไม่สมควร ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าเธอทำอะไรไว้และอยากให้เธอทุกข์ใจเหมือนที่ฉันต้องทนเพราะพฤติกรรมของเธอ ฉันขุ่นเคืองอย่างมากจนปวดขมับ แต่เมื่อเริ่มอธิษฐานขับไล่ความเจ็บปวดนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทำให้ฉันสำนึกผิด ฉันจะขอให้พระเจ้ารักษาขณะที่วางแผนแก้แค้นผู้อื่นได้อย่างไร ถ้าเชื่อว่าพระเจ้าจะดูแลฉัน ทำไมฉันจึงไม่เชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาจัดการกับสถานการณ์นี้ เมื่อฉันตระหนักว่าคนที่เคยถูกทำร้ายมักจะทำร้ายผู้อื่น ฉันจึงทูลขอพระเจ้าให้ทรงช่วยฉันยกโทษและพยายามคืนดีกับผู้หญิงคนนั้น
ดาวิดผู้เขียนพระธรรมสดุดีเข้าใจถึงความยากลำบากในการไว้วางใจพระเจ้าในยามที่ต้องอดทนกับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรม แม้ดาวิดจะพยายามรับใช้กษัตริย์ซาอูลอย่างดีที่สุด แต่ซาอูลยังคงพ่ายแพ้ต่อความอิจฉาและต้องการที่จะประหารชีวิตท่าน (1 ซมอ.24:1-2) ดาวิดทนทุกข์ในขณะที่พระเจ้าทรงจัดการสิ่งต่างๆ เพื่อเตรียมท่านให้พร้อมสำหรับบัลลังก์ แต่ท่านยังคงเลือกที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าแทนที่จะแสวงหาการแก้แค้น (ข้อ 3-7) ท่านทำในส่วนของท่านเพื่อคืนดีกับซาอูลและมอบผลลัพธ์ไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า (ข้อ 8-22)
เมื่อเห็นคนทำผิดดูเหมือนจะลอยนวล เรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แต่โดยพระเมตตาของพระเจ้าที่ยังคงทำงานอยู่ในใจของเราและของผู้อื่น เราจึงให้อภัยได้เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงให้อภัยเราและรับเอาพระพรที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา
แสงในความมืด
พายุรุนแรงพัดผ่านเมืองแห่งใหม่ของเราไปแล้ว เหลือไว้แต่ความชื้นและฟ้ามืดครึ้ม ฉันพาแคลลี่สุนัขของเราไปเดินเล่น การย้ายครอบครัวข้ามประเทศมาเป็นเรื่องท้าทายและน่าหนักใจมากสำหรับฉัน ด้วยความหงุดหงิดที่หลายอย่างไม่ได้ดีเหมือนที่เราหวังเอาไว้ ฉันจึงเดินช้าลงเพื่อให้แคลลี่ได้ดมหญ้า ฉันฟังเสียงน้ำในลำธารที่ไหลผ่านข้างบ้าน ดวงไฟเล็กๆกระพริบวิบวับไปตามพุ่มดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ริมลำธาร มันคือหิ่งห้อย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโอบล้อมฉันด้วยสันติสุขขณะที่ฉันมองดวงไฟที่กระพริบในความมืด ฉันคิดถึงบทเพลงสดุดีที่ดาวิดร้องว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงกระทำความมืดของข้าพระองค์ให้สว่าง” (ข้อ 28) ดาวิดสำแดงความเชื่อมั่นคงในการเลี้ยงดูและการปกป้องของพระเจ้าโดยประกาศว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนความมืดของท่านให้สว่าง (ข้อ 29-30) โดยพระกำลังของพระเจ้า ท่านรับมือกับทุกสิ่งได้ (ข้อ 32-35) ด้วยความวางใจว่าพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์จะอยู่กับท่านในทุกสถานการณ์ ดาวิดสัญญาว่าจะเทิดทูนพระองค์ท่ามกลางประชาชาติและร้องสรรเสริญพระนามของพระองค์ (ข้อ 36-49)
ไม่ว่าเราจะกำลังเผชิญกับพายุที่พัดผ่านมาในชีวิตโดยไม่คาดคิด หรือเผชิญกับความสงบนิ่งหลังฝนตก สันติสุขแห่งการสถิตอยู่ด้วยเสมอของพระเจ้าส่องทางให้เราเดินไปในความมืด พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่จะทรงเป็นกำลัง ที่ลี้ภัย ผู้ค้ำจุน และเป็นพระผู้ช่วยของเราเสมอ
ความเชื่อที่หยั่งรากลึก
ต้นโฮลี่โอ๊กยืนต้นอยู่ข้างโบสถ์แบสกิงค์ริดจ์เพรสไบทีเรียนในรัฐนิวเจอร์ซีนานกว่าหกร้อยปีก่อนที่มันจะถูกถอนออกไป ในช่วงที่ดีที่สุด มันแผ่กิ่งก้านทั้งสูงและกว้างออกไป ลมเย็นๆพัดใบสีเขียวและลูกของมันให้แกว่งไกว แสงแดดส่องลอดผ่านใบที่พลิ้วไหวทำให้เกิดแสงระยิบระยับภายใต้กระโจมเงาของมัน แต่ใต้พื้นดินเป็นส่วนสำคัญที่สุด นั่นคือระบบราก รากแก้วของต้นโอ๊กเติบโตในแนวดิ่งเพื่อดูดซับอาหารมาหล่อเลี้ยงลำต้นจากรากแก้ว มีรากฝอยมากมายที่แผ่ออกเป็นวงกว้างเพื่อดูดซับความชื้นและสารอาหารตลอดช่วงชีวิตของมัน ระบบรากที่สลับซับซ้อนมักจะหยั่งลึกและแผ่กว้างกว่าลำต้นเพื่อรองรับและยึดลำต้นให้มั่นคง
เหตุผลที่จะยินดี
เมื่อโรงเรียนเปิดเทอม ซี.เจ.วัย 14 ปีจะโดดออกจากรถโรงเรียนทุกบ่ายและเดินเต้นแดนซ์เข้าบ้าน แม่ของเขาถ่ายวีดีโอและแชร์การเต้นแดนซ์หลังเลิกเรียนของซี.เจ. เขาเต้นเพราะเขาสนุกกับชีวิตและชอบ “ทำให้คนอื่นมีความสุข” ด้วยการเต้น วันหนึ่ง คนเก็บขยะสองคนพักจากงานยุ่งและมาขยับแข้งขา หมุนและโยกตัวไปกับเด็กหนุ่มผู้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นมาเต้นกับเขา สามคนนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของความสุขจากใจจริงและแพร่ออกไปสู่ผู้อื่น
ผู้สร้างดวงจันทร์
หลังจากนักบินอวกาศจอดยานอีเกิลที่ทะเลแห่งความสงบบนดวงจันทร์ นีล อาร์มสตรองกล่าวว่า “นี่เป็นก้าวเล็กๆของชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินบนดวงจันทร์ นักท่องอวกาศหลายคนตามมา รวมทั้งผู้บัญชาการภารกิจอะพอลโลครั้งสุดท้าย จีน เคอร์แนน “ผมเคยอยู่ตรงนั้นและคุณกำลังอยู่ที่นั่น โลกที่กำลังเคลื่อนไหว ยิ่งใหญ่ และผมรู้สึกว่า...มันงดงามเกินกว่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ” เขากล่าว “จะต้องมีใครที่ยิ่งใหญ่กว่าคุณและผม” แม้จะมองจากมุมพิเศษในห้วงอวกาศ แต่คนเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของจักรวาล
เยเรมีย์ก็พิจารณาความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจากที่ทรงเป็นพระผู้สร้างผู้ค้ำจุนโลกและสิ่งทั้งปวง องค์ผู้สร้างสัญญาว่าจะสำแดงพระองค์ให้รู้จักเมื่อทรงมอบความรัก การอภัย และความหวังแก่คนของพระองค์ (ยรม.31:33-34) เยเรมีย์ยืนยันความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าว่าทรงเป็นผู้ “ให้ดวงอาทิตย์เป็นสว่างกลางวัน และทรงให้ระเบียบตายตัวของดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นสว่างกลางคืน” (ข้อ 35) พระผู้สร้างและองค์ผู้ทรงฤทธิ์ของเราจะครอบครองเหนือทุกสิ่ง อย่างที่ทรงไถ่ประชากรของพระองค์ทุกคน (ข้อ 36-37)
เราไม่อาจสำรวจความกว้างใหญ่อันไร้ขอบเขตของสวรรค์หรือความลึกของรากฐานแห่งโลกได้หมด แต่เราสามารถยืนด้วยความยำเกรงต่อความซับซ้อนของจักรวาล และวางใจในพระผู้สร้างดวงจันทร์และสรรพสิ่ง
ความรักนิรันดร์
หลายปีก่อนลูกชายวัยสี่ขวบของฉันได้มอบกรอบรูปซึ่งมีหัวใจที่ทำด้วยไม้วางบนแผ่นโลหะ และมีคำว่าตลอดไปเขียนอยู่ตรงกลาง เขาบอกกับฉันว่า “ผมจะรักแม่ตลอดไปครับ” ฉันกอดขอบคุณเขาและบอกเขาว่า “แม่รักลูกมากกว่านั้นอีก”
ของขวัญล้ำค่านี้ยังยืนยันถึงความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของลูกชาย ในวันที่ยากลำบาก พระเจ้าทรงใช้ของขวัญอันแสนหวานนี้เพื่อปลอบโยนและหนุนใจฉัน ยืนยันว่าฉันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์
กรอบรูปนี้เตือนฉันถึงของขวัญแห่งความรักนิรันดร์ของพระเจ้าที่สำแดงผ่านพระวจนะ และยืนยันโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราวางใจในความดีของพระเจ้าที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และร้องสรรเสริญขอบพระคุณสำหรับความรักมั่นคงที่ดำรงเป็นนิตย์ได้เหมือนผู้เขียนสดุดี (สดด.136:1) เรายกย่องพระเจ้าว่าทรงยิ่งใหญ่กว่าและอยู่เหนือสิ่งอื่นใด (ข้อ 2-3) ขณะที่เราใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์ที่ไม่สิ้นสุด และความเข้าใจอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์ (ข้อ 4-5) พระเจ้าผู้ทรงรักเราชั่วนิรันดร์นั้นเป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทรงควบคุมเหนือกาลเวลา (ข้อ 6-9)
เราชื่นชมยินดีได้เพราะรักนิรันดร์ที่ผู้เขียนสดุดีพูดถึงนั้น เป็นความรักเดียวกับที่พระผู้สร้างผู้จรรโลงโลกมอบให้บุตรของพระองค์ในวันนี้ ไม่ว่าเรากำลังเผชิญอะไร องค์ผู้สร้างเรายังคงอยู่กับเราและช่วยให้เรามีกำลังขึ้น โดยยืนยันว่าทรงรักเราอย่างสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณพระเจ้าที่เตือนเราเสมอ ถึงความรักอันไม่สิ้นสุดและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้!
ให้เราสรรเสริญ
เมื่อมือถือของเชลลี่ส่งเสียงเตือนเวลาบ่าย 3:16 ของทุกวัน เธอจะหยุดพักเพื่อสรรเสริญ ขอบพระคุณ และระลึกถึงความดีของพระเจ้า แม้เธอจะพูดคุยกับพระองค์ตลอดทั้งวันอยู่แล้ว แต่เธอชอบที่จะหยุดพักเพื่อยกย่องชื่นชมความสนิทสนมที่เธอมีกับพระเจ้า
เชลลี่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันตัดสินใจจัดเวลาเฉพาะในแต่ละวัน เพื่อขอบคุณพระเยซูสำหรับการทรงเสียสละบนไม้กางเขน และอธิษฐานเผื่อผู้ที่ยังไม่ได้รับความรอด จะเป็นอย่างไรหากผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนจะหยุดพักเพื่อสรรเสริญพระองค์ในรูปแบบของตน และอธิษฐานเผื่อผู้อื่นทุกวัน
ภาพของคลื่นแห่งการนมัสการอันงดงามที่แผ่กระจายไปจนสุดปลายแผ่นดินโลกถูกสะท้อนออกมาในสดุดี 67 ผู้เขียนวิงวอนขอพระคุณพระเจ้า โดยประกาศความต้องการที่จะยกย่องพระนามของพระองค์ต่อบรรดาประชา-ชาติ (ข้อ 1-2) ท่านร้องว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ให้ชนชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์” (ข้อ 3) ท่านฉลองการปกครองอย่างเที่ยงธรรมและการทรงนำอย่างสัตย์ซื่อของพระเจ้า (ข้อ 4) ในฐานะคำพยานที่มีชีวิตถึงความรักยิ่งใหญ่และพระพรอันอุดม ผู้เขียนสดุดีได้นำคนของพระเจ้าเข้าสู่การสรรเสริญด้วยความชื่นชมยินดี (ข้อ 5-6)
ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่ทรงมีต่อลูกๆที่พระองค์ทรงรักเสมอมานั้น สร้างแรงบันดาลใจให้เราอยากรู้จักพระองค์ และเมื่อเราทำเช่นนั้น คนอื่นจะเชื่อวางใจในพระองค์ นมัสการ ติดตาม และประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ร่วมกันกับเราได้
พระเจ้ามีค่ากว่านั้น
แม่ของฉันเคยเจ็บปวดจากผู้ที่เชื่อพระเยซู เธอจึงโกรธเมื่อฉันอุทิศชีวิตให้กับพระองค์ “แล้วลูกก็จะตัดสินแม่สินะ ไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก” แม่วางหูและปฏิเสธที่จะพูดกับฉันตลอดทั้งปี ฉันเสียใจ แต่ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่าความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นสำคัญยิ่งกว่าความสัมพันธ์ที่มีค่าอื่นๆของฉัน ฉันอธิษฐานเผื่อทุกครั้งที่แม่ไม่ยอมรับสาย และขอพระเจ้าช่วยให้ฉันยังคงรักแม่
ในที่สุดเราก็กลับมาคืนดีกัน ไม่กี่เดือนต่อมาแม่บอกว่า “ลูกเปลี่ยนแปลงไป แม่คิดว่าแม่พร้อมที่จะฟังเรื่องของพระเยซูแล้ว” หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็ต้อนรับพระเยซู และใช้เวลาที่เหลือในชีวิตในการรักพระเจ้าและผู้อื่น
เช่นเดียวกับชายที่เข้าไปหาพระเยซู ถามว่าทำอย่างไรเขาจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่ก็กลับออกมาด้วยความโศกเศร้าเพราะไม่อยากพรากจากทรัพย์สมบัติที่มี (มก.10:17-22) ฉันก็ต้องต่อสู้กับความคิดที่ว่าจะต้องสละทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์
ไม่ง่ายที่จะสละสิ่งของหรือผู้คนที่เราคิดว่าจะพึ่งพาได้มากกว่าพระเจ้า (ข้อ 23-25) แต่สิ่งต่างๆที่เรายอมละทิ้งในโลกนี้ก็ยังมีคุณค่าน้อยกว่าของประทานแห่งชีวิตนิรันดร์ในพระเยซู พระเจ้าที่รักเรายอมสละพระองค์เองเพื่อไถ่คนทั้งปวง พระองค์ห่อหุ้มเราไว้ด้วยสันติสุขและความรักที่อดทนนานและมิอาจประเมินค่าได้
ถึงเวลาอธิษฐาน...อีกแล้ว
ฉันเลี้ยวรถเข้าบ้าน โบกมือให้มีเรียมเพื่อนบ้านและเอลิซาเบธลูกสาวตัวน้อยของเธอ หลายปีมานี้ เอลิซาเบธคุ้นเคยกับการที่เราพบกันแล้วใช้เวลา “ไม่กี่นาที” ซึ่งได้เปลี่ยนไปเป็นการประชุมอธิษฐาน เธอปีนต้นไม้ที่สนามหน้าบ้าน นั่งไขว่ห้างบนกิ่งไม้และเล่นคนเดียวขณะที่แม่ของเธอกับฉันคุยกัน หลังจากนั้น เธอกระโดดลงมาและวิ่งมาหาเรา ฉุดมือเราไป ยิ้มและพูดว่า “ถึงเวลาอธิษฐาน...อีกแล้ว” แม้เป็นเด็กเอลิซาเบธดูเหมือนจะเข้าใจว่าการอธิษฐานสำคัญต่อมิตรภาพของเรา
หลังจากหนุนใจผู้เชื่อให้ “จงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์” (อฟ.6:10) อัครทูตเปาโลให้ข้อคิดลึกซึ้งเรื่องความสำคัญของการอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ท่านอธิบายถึงยุทธภัณฑ์ที่คนของพระเจ้าจำเป็นต้องสวมในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะได้รับการปกป้อง การหยั่งรู้ และความมั่นใจในความจริงของพระเจ้า (ข้อ 11-17) กระนั้น ท่านย้ำว่าสิ่งที่พระเจ้าประทานให้นี้จะพัฒนาขึ้นได้จากการจดจ่อในของประทานที่ให้ชีวิตนั่นคือการอธิษฐาน (ข้อ 18-20)
พระเจ้าทรงสดับฟังและห่วงใยในความกังวลของเรา ไม่ว่าเราจะพูดอย่างเปิดเผย ร้องไห้เงียบๆหรือเก็บฝังแน่นอยู่ในใจอันบอบช้ำ พระองค์พร้อมเสมอที่จะทำให้เราเข้มแข็งในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ในขณะที่พระองค์เชื้อเชิญเราให้อธิษฐานทุกเวลา