ไม่วาววับ แค่รุ่งโรจน์
เมื่อมองดูของตกแต่งคริสต์มาสที่เซเวียร์ลูกชายของฉันทำขึ้นปีแล้วปีเล่า กับของประดับเล็กๆที่ไม่เข้ากันซึ่งยายส่งมาให้เขาทุกปี ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่พอใจกับการตกแต่งของเรา ฉันให้คุณค่ากับการสร้างสรรค์และความทรงจำที่ผูกกับของตกแต่งทุกชิ้นเสมอมา แต่ทำไมของโชว์ในร้านค้าจึงดึงดูดให้ฉันอยากได้ต้นคริสต์มาสที่มีไฟประดับ ลูกบอลเงาวับและโบว์ผ้าซาตินที่เข้าชุดกัน
เมื่อฉันละสายตาจากต้นคริสต์มาสในบ้าน ฉันเหลือบไปเห็นของประดับสีแดงรูปหัวใจที่มีคำเรียบๆ เขียนไว้ว่า พระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน ฉันลืมไปได้อย่างไรว่าครอบครัวกับความหวังในพระคริสต์คือสาเหตุที่ฉันรักการฉลองวันคริสต์มาส ต้นคริสต์มาสที่เรียบง่ายของเราอาจดูไม่เหมือนต้นคริสต์มาสในร้าน แต่ความรักที่อยู่เบื้องหลังของประดับทุกชิ้นทำให้มันสวยงาม
เช่นเดียวกับต้นคริสต์มาสเล็กๆของเรา พระเมสสิยาห์ไม่ได้ทรงเป็นไปตามที่โลกคาดหวังไว้เลย (อสย.53:2) พระเยซู “ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (ข้อ 3) แต่ในการแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงเลือกที่จะ “ถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย” (ข้อ 5) พระองค์อดทนกับการถูกลงโทษเพื่อให้เรามีสันติสุข (ข้อ 5) ไม่มีสิ่งใดงดงามกว่านี้อีกแล้ว
ด้วยใจขอบคุณสำหรับของประดับของเราที่ไม่สมบูรณ์แบบ และองค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงสมบูรณ์พร้อมทั้งสิ้น ฉันเลิกปรารถนาในสิ่งแวววับและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับความรักอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ของประดับแวววาวไม่อาจเทียบได้กับความงดงามของพระเยซูผู้เป็นของขวัญแห่งการเสียสละพระองค์เอง
ทีมเดียวกัน
เมื่อคาร์สัน เวนซ์กองหลังของทีมฟิลาเดลเฟียอีเกิ้ลกลับลงสนามหลังอาการบาดเจ็บรุนแรง นิค โฟลส์กองหลังสำรองก็กลับไปนั่งข้างสนามอย่างเต็มใจแม้จะเป็นคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกัน แต่ทั้งสองเลือกที่จะสนับสนุนกันและทำหน้าที่ของตนต่อไป นักข่าวคนหนึ่งสังเกตว่าทั้งคู่มี “ความสัมพันธ์ที่พิเศษไม่เหมือนใครซึ่งหยั่งรากอยู่ในความเชื่อในพระคริสต์” โดยสำแดงออกผ่านการอธิษฐานเผื่อกันและกัน พวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยระลึกว่าตนอยู่ในทีมเดียวกัน ไม่ใช่แค่ในฐานะกองหลังของทีมอีเกิ้ล แต่ในฐานะผู้เชื่อและตัวแทนของพระเยซู
อัครทูตเปาโลเตือนผู้เชื่อให้ใช้ชีวิตอย่าง “บุตรของความสว่าง” ที่คอยการเสด็จกลับมา (1 ธส.5:5-6) ด้วยความหวังในความรอดที่พระคริสต์ทรงจัดเตรียมให้ เราจะสลัดการทดลองที่อยากจะแข่งขันด้วยความอิจฉาริษยา ความรู้สึกไม่มั่นคง หรือความกลัวออกไปได้ และเราจะ “หนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น” (ข้อ 11) เราสามารถให้ความเคารพผู้นำที่ถวายเกียรติพระเจ้าและ “อยู่อย่างสงบสุข” ในการรับใช้เพื่อเป้าหมายร่วมกัน คือการประกาศพระกิตติคุณและหนุนใจผู้อื่นให้ดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซู (ข้อ 12-15)
ขณะที่เราร่วมรับใช้ในทีมเดียวกันนั้น เราสามารถทำตามคำสอนของเปาโลที่ว่า “จงชื่นบานอยู่เสมอ จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกกรณีเพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย” (ข้อ 16-18)
ให้สิ่งที่ดีที่สุด
เราจ้องดูกองรองเท้าซึ่งมีคนนำมาบริจาคขณะเดินเข้าไปในสถานพักพิงสำหรับคนจรจัด กลุ่มเยาวชนของเราได้รับเชิญให้มาช่วยคัดรองเท้าที่ใช้แล้ว เราใช้เวลาในช่วงเช้าจับคู่และเรียงรองเท้าบนพื้น ตกบ่ายเราโยนรองเท้าทิ้งไปกว่าครึ่งเพราะมันพังเกินกว่าจะใช้ได้ แม้ว่าสถานพักพิงจะไม่อาจห้ามคนนำของด้อยคุณภาพมาบริจาค แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่นำรองเท้าที่พังแล้วนั้นไปแจก
ชาวอิสราเอลก็มีปัญหาเรื่องการถวายของที่ไม่ดีให้กับพระเจ้า พระเจ้าทรงตำหนิชาวอิสราเอลผ่านผู้เผยพระวจนะมาลาคีที่พวกเขานำสัตว์ตาบอด พิการ หรือเป็นโรคมาถวาย แทนที่จะนำสัตว์ที่แข็งแรงมา (มลค.1:6-8) พระองค์ประกาศว่าไม่ทรงพอพระทัย (ข้อ 10) ทรงยืนยันถึงคุณค่าของพระองค์ และทรงตำหนิชาวอิสราเอลที่เก็บสิ่งที่ดีที่สุดไว้สำหรับตัวเอง (ข้อ 14) แต่พระเจ้าทรงสัญญาด้วยว่าจะส่งพระเมสสิยาห์มา ผู้ซึ่งพระคุณและความรักของพระองค์จะเปลี่ยนแปลงจิตใจของพวกเขาและจุดประกายความปรารถนาที่พวกเขาจะนำเครื่องบูชาที่พระองค์ทรงพอพระทัยมาถวาย (3:1-4)
บางครั้งเราอาจถูกทดลองให้นำของเหลือมาถวายพระเจ้า เราสรรเสริญพระเจ้าและคาดหวังให้พระองค์ประทานทุกสิ่งให้กับเรา แต่เรากลับถวายเศษเล็กเศษน้อยให้กับพระองค์ เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำทั้งสิ้น เราสามารถชื่นชมยินดีในการเฉลิมฉลองว่าพระองค์ทรงคุณค่าคู่ควรและมอบสิ่งดีที่สุดของเราให้กับพระองค์
ไม่มีอุปสรรคใดที่เป็นไปไม่ได้
ในฐานะผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ ฉันพานักเรียนไปออกภาคสนามที่ด่านเครื่องกีดขวาง เราสอนนักเรียนให้สวมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและให้ปีนกำแพงสูงแปดฟุต พวกที่ปีนขึ้นไปได้ก่อนให้กำลังใจผู้ปีนคนอื่นให้เชื่อมั่นในสายรัดตัวและปีนขึ้นไปโดยไม่มองลงข้างล่าง นักเรียนคนหนึ่งจ้องที่เครื่องกีดขวางขณะที่พวกเราใส่สายรัดที่เอวเธอและตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย “ฉันไม่มีทางทำได้” เธอพูด เรายืนยันกับเธอถึงความแข็งแรงของสายรัดตัว เราให้กำลังใจขณะที่เธอปีนและส่งเสียงยินดีเมื่อเธอขึ้นไปยืนที่แท่นบนกำแพง
เมื่อเราเผชิญปัญหาที่ดูเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ ความกลัวและความรู้สึกไม่มั่นคงอาจทำให้เราสงสัย การรับรองถึงฤทธิ์อำนาจ ความดีงามและความสัตย์ซื่อที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้าช่วยสร้างสายรัดตัวที่แข็งแกร่งของความไว้วางใจ การรับรองที่หนักแน่นนี้เพิ่มความกล้าให้ผู้รับใช้ในพันธสัญญาเดิมพวกเขาสำแดงให้เห็นว่าความเชื่อสามารถเอาชนะความต้องการที่จะรู้ทุกรายละเอียดในแผนการของพระเจ้า (ฮบ.11:1-13, 39) เราแสวงหาพระเจ้าอย่างจริงจังด้วยความเชื่อมั่น และมักจะต้องยืนเพียงลำพังเมื่อเราวางใจในพระองค์ เราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีเผชิญความท้าทายโดยมองสถานการณ์ของเราจากมุมมองของนิรันดร์กาล คือรู้ว่าอุปสรรคของเรานั้นอยู่เพียงชั่วคราว (ข้อ 13-16)
การเพ่งมองแต่เส้นทางที่สูงชันในชีวิตอาจปิดกั้นเราไม่ให้เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถนำเราผ่านพ้นมันไปได้ แต่หากเรารู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา เราสามารถใช้ความเชื่อเป็นสายรัดควบคุมความไม่มั่นคงเหล่านั้น เมื่อเราไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราเอาชนะอุปสรรคที่ครั้งหนึ่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้
อธิษฐานบนชายหาดลาพลาย่า
ในระหว่างการท่องเที่ยวเพื่อฉลองการแต่งงานครบรอบ 25 ปี ฉันและสามีอ่านพระคัมภีร์อยู่ที่ชายหาด พ่อค้าแม่ค้าเดินตะโกนขายของผ่านไปมาหลายคน เราขอบคุณพวกเขาแต่ไม่ได้ซื้ออะไร เฟอร์นันโด้พ่อค้าคนหนึ่งยิ้มกว้างให้เมื่อฉันปฏิเสธและพยายามชักชวนให้เราซื้อของขวัญให้เพื่อน หลังจากที่ฉันปฏิเสธ เฟอร์นันโด้เก็บของและกำลังจะลุกจากไปพร้อมรอยยิ้ม ฉันบอกกับเขาว่า “ฉันอธิษฐานขอให้พระเจ้าอวยพระพรคุณในวันนี้”
เฟอร์นันโด้หันกลับมาและพูดว่า “พระองค์อวยพรผมแล้ว! พระเยซูทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม” เฟอร์นันโด้คุกเข่าลงระหว่างเก้าอี้ของเรา “ผมรู้สึกว่าพระเจ้าทรงสถิตที่นี่” จากนั้นเขาแบ่งปันถึงการที่พระเจ้าปลดปล่อยเขาจากการติดยาและติดเหล้าเมื่อ 14 ปีก่อน
ฉันน้ำตาไหลเมื่อเขาท่องบทกลอนจากพระธรรมสดุดีและอธิษฐานเผื่อเรา พวกเราร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าและชื่นชมยินดีที่ทรงสถิตกับเราที่ลาพลาย่า
สดุดีบทที่ 148 เป็นคำอธิษฐานแห่งการสรรเสริญ ผู้เขียนสดุดีหนุนใจทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง “ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ถูกเนรมิตขึ้นมา” (ข้อ 5) “เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ควรเยินยอ พระสิริของพระองค์อยู่เหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์” (ข้อ 13)
แม้พระเจ้าทรงเรียกให้เรามอบความต้องการของเราไว้ต่อพระองค์ และวางใจว่าพระองค์ทรงฟังและห่วงใยเรา แต่พระองค์ก็ทรงยินดีในคำอธิษฐานที่เราสรรเสริญพระองค์ด้วยความขอบพระคุณไม่ว่าจะอยู่ที่ใด แม้กระทั่งที่ชายหาด
เติบโตไปด้วยกัน
อลันสามีของฉันยืนอยู่ใต้เสาไฟที่ส่องสว่างสนามกีฬา ขณะที่หนึ่งในทีมคู่ต่อสู้ตีลูกบอลลอยมา ขณะตาของเขาจับอยู่ที่ลูกบอล เขาวิ่งเต็มฝีเท้าตรงไปยังมุมมืดที่สุดของสนามและชนเข้ากับรั้วลวดตาข่าย
ต่อมาในคืนนั้นเมื่อฉันยื่นถุงประคบเย็นให้และถามว่า “รู้สึกอย่างไรบ้าง” เขาเอามือนวดไหล่ “ผมคงรู้สึกดีกว่านี้ถ้าเพื่อนร่วมทีมเตือนผมตอนที่กำลังเข้าไปใกล้รั้ว” อลันบอก
ทีมจะทำผลงานได้ดีเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน การบาดเจ็บของอลันคงไม่เกิดขึ้น ถ้าเพียงคนหนึ่งในทีมช่วยตะโกนเตือนเมื่อเขาเข้าไปใกล้รั้ว
พระคัมภีร์เตือนเราว่าสมาชิกคริสตจักรถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันและดูแลกันเหมือนทีมทีมหนึ่ง เปาโลบอกว่าพระเจ้าทรงเป็นห่วงในท่าทีที่เราปฏิบัติต่อกันเพราะการกระทำของคนๆเดียวจะส่งผลต่อชุมชนผู้เชื่อทั้งหมด (คส.3:13-14) เมื่อเราทุกคนยินดีรับใช้ซึ่งกันและกัน ทุ่มเทเพื่อการเป็นกายเดียวกันและเพื่อสันติสุข คริสตจักรจะเกิดผล (ข้อ 15)
เปาโลแนะนำผู้อ่านว่า “จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า” (ข้อ 16) การทำเช่นนี้เป็นการหนุนใจและปกป้องกันและกันผ่านความสัมพันธ์ที่รักและจริงใจ การเชื่อฟังและการสรรเสริญพระเจ้าด้วยใจขอบพระคุณคือการเติบโตไปด้วยกัน
ความทรงจำที่พระเจ้าสร้าง
เมื่อลูกชายฉันมีปัญหาชีวิต ฉันเตือนให้เขาคิดถึงการดูแลและจัดเตรียมของพระเจ้าตอนที่พ่อของเขาตกงาน ฉันเล่าถึงช่วงเวลาที่พระเจ้าประทานกำลังและสันติสุขแก่ครอบครัวเราขณะที่แม่ของฉันต่อสู้กับลูคีเมียและพ่ายแพ้ ฉันยกเรื่องความสัตย์ซื่อของพระเจ้าจากพระคัมภีร์และยืนยันว่าพระองค์ประเสริฐและทรงรักษาสัญญา ฉันพาลูกชายเดินไปบนเส้นทางแห่งความทรงจำที่พระเจ้าทรงปูไว้ให้กับครอบครัวเรา เตือนเขาว่าพระเจ้ายังทรงพึ่งพาได้ทั้งในยามทุกข์และในยามสุข การทรงสถิต ความรัก และพระคุณของพระเจ้าเพียงพอเสมอ
แม้ฉันอยากจะอ้างว่าวิธีเพิ่มพูนความเชื่อนี้เป็นกลยุทธ์ของฉันเอง แต่พระเจ้าต่างหากที่ทรงสร้างให้เรามีนิสัยชอบเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ให้มีความเชื่อในพระองค์ ขณะที่ชนชาติอิสราเอลระลึกถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นพระเจ้าทรงกระทำในอดีต พระองค์ก็ได้ทรงวางก้อนหินเล็กๆแห่งความเชื่อมั่นไว้มากมายตามทางแห่งความทรงจำที่พระองค์ทรงปูไว้ให้พวกเขา
ชนชาติอิสราเอลได้เห็นว่าพระเจ้าทรงยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ขณะที่พวกเขาติดตามพระองค์ (ฉธบ.4:3-6) พระองค์ทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของพวกเขาเสมอ (ข้อ 7) ชนชาติอิสราเอลชื่นชมยินดีและทบทวนอดีตให้ลูกหลานฟัง (ข้อ 9) โดยแบ่งปันพระวจนะอันบริสุทธิ์ที่ก่อกำเนิดและได้รับการปกป้องโดยพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ (ข้อ 10)
เมื่อเราเล่าถึงความโอ่อ่าตระการ พระกรุณาคุณและความรักของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ความเชื่อมั่นของเราและความเชื่อของผู้อื่นจะได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งขึ้นด้วยการยืนยันว่าพระองค์ทรงไว้วางใจได้อย่างแท้จริง
พระเจ้าเข้าใจ
หลังจากเพิ่งย้ายบ้าน ไรอันลูกชายวัยเจ็ดขวบของมาเบลงอแงขณะกำลังเตรียมตัวไปค่ายฤดูร้อนที่โรงเรียนใหม่ มาเบลหนุนใจเขาและบอกว่าเธอเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก แต่เช้าวันหนึ่งไรอันดูจะงอแงมากผิดปกติ มาเบลถามด้วยความเห็นใจว่า “เป็นอะไรลูก” ไรอันยักไหล่ มองออกนอกหน้าต่าง “ไม่รู้ครับแม่ ผมรู้สึกหลายอย่างจนเยอะไปหมด”
หัวใจของมาเบลเจ็บปวดขณะปลอบเขา เธออยากหาทางช่วยจึงบอกเขาว่าการย้ายบ้านก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอด้วย เธอยืนยันกับไรอันว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ พระองค์ทรงทราบทุกสิ่งแม้เมื่อพวกเขาไม่เข้าใจหรือหงุดหงิด เธอบอกว่า “เราไปหาเพื่อนๆก่อนเปิดเทอมกันดีไหม” พวกเขาจัดตารางนัดด้วยความรู้สึกขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงเข้าใจแม้เมื่อลูกของพระองค์ “รู้สึกหลายอย่าง”
ผู้เขียนสดุดี 147 มีอารมณ์ท่วมท้นหลายอย่างตลอดเส้นทางแห่งความเชื่อ และระลึกถึงประโยชน์ของการสรรเสริญองค์พระผู้สร้างและค้ำจุนผู้ทรงทราบทุกสิ่ง ผู้ทรงรักษาบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ (ข้อ 1-6) ท่านสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงเลี้ยงดูและ “ทรงปรีดีในคนที่ยำเกรงพระองค์ และในคนที่ความหวังของเขาอยู่ในความรักมั่นคงของพระองค์” (ข้อ 11)
เมื่อเราต้องต่อสู้เพื่อจะทำความเข้าใจกับอารมณ์ทั้งหลายของเรา เราไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรือท้อใจ เราพักสงบได้ในความเข้าใจอันไม่จำกัดของพระเจ้าผู้ทรงรักและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ร่วมงานกับพระเจ้า
ระหว่างการเยือนประเทศเม็กซิโกในปี 1962 บิล แอชช่วยซ่อมกังหันลมที่ใช้สูบน้ำบาดาลของบ้านเด็กกำพร้า ด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะรับใช้พระเจ้าด้วยการจัดหาน้ำสะอาดให้แก่หมู่บ้านที่ขาดแคลน สิบห้าปีต่อมาบิลจึงก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไร เขาบอกว่า “พระเจ้าทรงเร้าใจผมให้ ‘ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด’ โดยการตามหาคนอื่นๆที่ปรารถนาจะนำน้ำสะอาดไปยังคนยากจนในชนบท” ต่อมาเมื่อได้ทราบถึงความต้องการน้ำสะอาดทั่วโลก ผ่านคำร้องขอของศิษยาภิบาลและนักประกาศหลายพันคนจากกว่า 100 ประเทศ บิลได้เชิญชวนคนอื่นๆให้ร่วมพันธกิจนี้กับเขา
พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราร่วมรับใช้กับพระองค์และผู้อื่นด้วยวิธีการที่หลากหลาย เมื่อผู้คนในโครินธ์ถกเถียงกันเรื่องผู้สอนที่พวกเขาชอบ อัครทูตเปาโลยืนยันบทบาทของท่านในฐานะผู้รับใช้ของพระเยซูและเพื่อนร่วมงานของอปอลโล โดยการพึ่งพาพระเจ้าผู้ทรงทำให้จิตวิญญาณเติบโตอย่างเต็มที่ (1 คร.3:1-7) ท่านเตือนเราว่าพระเจ้าทรงเห็นคุณค่าของงานทุกอย่าง (ข้อ 8) ทั้งยังเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับผู้อื่นในขณะที่รับใช้พระองค์ เปาโลหนุนใจเราให้เสริมสร้างซึ่งกันและกันขณะเมื่อพระองค์เปลี่ยนแปลงเราด้วยความรัก (ข้อ 9)
แม้ว่าพระบิดาผู้ทรงฤทธิ์จะไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากเราในการทำงานยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้สำเร็จ แต่พระองค์ทรงฝึกฝนเราและเชื้อเชิญให้เราร่วมงานกับพระองค์