ได้รับความพึงใจ
ในคอลัมน์คำแนะนำจากจิตแพทย์ เขาตอบผู้อ่านที่ชื่อเบรนด้าซึ่งคร่ำครวญว่าความทะเยอทะยานของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่พึงใจ เขาตอบแบบขวานผ่าซากว่า มนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความสุข “แต่เพื่ออยู่รอดและขยายเผ่าพันธุ์เท่านั้น” เราถูกสาปให้ไล่ติดตาม “ผีเสื้อที่หายากและเย้ายวน” แห่งความพึงพอใจ เขาเสริมว่า “ไม่ใช่ว่าจะจับมันได้เสมอไป”
ผมสงสัยว่าเบรนด้ารู้สึกอย่างไรเมื่ออ่านคำพูดของจิตแพทย์ที่เชื่อว่าไม่มีคุณความดีใดๆอยู่เลย และเธอจะรู้สึกต่างออกไปอย่างไรเมื่อได้อ่านสดุดี 131 ในคำกล่าวของกษัตริย์ดาวิดได้ให้แนวทางในการใคร่ครวญกับเราว่าจะค้นหาความพึงพอใจได้อย่างไร พระองค์เริ่มด้วยท่าทีซึ่งถ่อมใจ วางความทะเยอทะยานอย่างกษัตริย์ลง และในขณะที่กำลังปล้ำสู้กับคำถามสำคัญของชีวิตนั้น พระองค์ก็วางเรื่องเหล่านั้นลงด้วยเช่นกัน (ข้อ 1) จากนั้นพระองค์สงบใจของตนจำเพาะพระเจ้า (ข้อ 2) มอบอนาคตไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ (ข้อ 3) ผลลัพธ์ที่ได้นั้นช่างงดงาม “อย่างเด็กที่หย่านมแล้วสงบอยู่ที่อกมารดาของตน” พระองค์กล่าวว่า “จิตใจของข้าพระองค์สงบอยู่ภายใน” (ข้อ 2)
ในโลกที่แตกสลายเหมือนโลกของเรานั้น บางครั้งความพึงใจก็ยากที่จะหาพบได้ ในฟีลิปปี 4:11-13 อัครทูตเปาโลกล่าวว่าความพึงใจเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ แต่ถ้าเราเชื่อว่าเราถูกออกแบบมาเพื่อ “อยู่รอดและขยายพันธุ์” เท่านั้นความพึงใจจะเป็นเหมือนกับผีเสื้อที่ไม่มีใครจับได้อย่างแน่นอน แต่ดาวิดสำแดงให้เราเห็นอีกหนทางหนึ่งในการรับความพึงพอใจ โดยผ่านการพักสงบในการทรงสถิตของพระเจ้า
วันแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน
ผมมักจะขบขันกับวันหยุดอย่างไม่เป็นทางการที่ผู้คนคิดขึ้น เดือนกุมภาพันธ์แค่เดือนเดียวมีวันขนมปังสติ๊กกี้บัน วันนักกลืนดาบ และแม้กระทั่งวันยกย่องขนมสุนัข! วันนี้ถูกกำหนดไว้ว่าเป็นวันแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งนับเป็นคุณธรรมที่ยอมรับกันทั่วไปและสมควรแก่การเฉลิมฉลองอย่างยิ่งแต่ที่น่าสนใจคือมันไม่เคยเป็นเช่นนี้
ในโลกยุคโบราณซึ่งให้คุณค่ากับเกียรติยศ ความอ่อนน้อมถ่อมตนถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอไม่ใช่คุณธรรม ผู้คนคาดหวังถึงการโอ้อวดความสำเร็จ และคุณจะต้องพยายามยกสถานะของตนและห้ามลดมันลง ความอ่อนน้อมถ่อมตนหมายถึงสถานะอันต่ำต้อยเหมือนทาสที่ต่ำกว่านาย แต่นักประวัติศาสตร์กล่าวว่ามันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขน ที่นั่นองค์ผู้ทรง “สภาพของพระเจ้า” ทรงสละสถานะพระเจ้าเพื่อรับสภาพ “ทาส” และถ่อมพระองค์ลงสิ้นพระชนม์เพื่อผู้อื่น (ฟป.2:6-8) การกระทำอันน่ายกย่องเช่นนี้นิยามความถ่อมตนขึ้นใหม่ เมื่อถึงปลายศตวรรษแรก แม้แต่นักเขียนเรื่องทางโลกก็ยังนับความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งเพราะสิ่งที่พระคริสต์ได้ทรงกระทำ
ทุกครั้งที่มีใครสักคนได้รับการยกย่องเรื่องความถ่อมตนในวันนี้ พระกิตติคุณก็ได้ถูกประกาศออกไปแล้วอย่างแยบยล เพราะหากปราศจากพระเยซูความอ่อนน้อมถ่อมตนก็จะไม่ใช่ “ความดี” หรือคงจะไม่มีใครคิดถึงวันแห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน พระคริสต์ทรงสละสถานะของพระองค์เพื่อเรา ทรงเผยให้เห็นพระลักษณะแห่งความถ่อมพระทัยของพระเจ้ามาในตลอดประวัติศาสตร์
การฟื้นฟูมาถึง
อารุคุนเป็นเมืองเล็กๆทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ประชากรเป็นชาวอะบอริจินจากเจ็ดเผ่า แม้ข่าวประเสริฐจะมาถึงอารุคุนตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว แต่บางครั้งการแก้แค้นแบบตาต่อตาก็ยังมีอยู่ ในปี 2015 ความขัดแย้งระหว่างเผ่ารุนแรงขึ้น และเมื่อเกิดการฆาตกรรมก็จะต้องชดใช้ด้วยการตายของใครสักคนจากครอบครัวผู้ก่อเหตุ
แต่สิ่งที่น่าทึ่งเกิดขึ้นตอนต้นปี 2016 ชาวอารุคุนเริ่มแสวงหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน ตามด้วยการกลับใจ และการรับบัพติศมาครั้งใหญ่ ในขณะที่การฟื้นฟูเริ่มกระจายไปทั่วเมืองแห่งนี้ ผู้คนต่างชื่นชมยินดี พวกเขาเต้นรำบนถนน ครอบครัวของชายที่ถูกฆ่าให้อภัยเผ่าที่ก่อเหตุแทนการชดใช้ด้วยความตาย ไม่นานก็มี 1,000 คนมาคริสตจักรทุกอาทิตย์ในเมืองที่มีประชากรเพียง 1,300 คน!
เราเห็นการฟื้นฟูเช่นเดียวกันนี้ในพระคัมภีร์ ในสมัยของเฮเซคียาห์เมื่อประชากรกลับมาหาพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี (2 พศด.30) และในวันเพ็นเทคอสต์ที่มีหลายพันคนกลับใจ (กจ.2:38-47) ขณะที่การฟื้นฟูคืองานของพระเจ้า ซึ่งสำเร็จในเวลาของพระองค์ แต่ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่ามันเริ่มจากการอธิษฐาน “ถ้าประชากรของเรา...จะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา” พระเจ้าตรัสแก่ซาโลมอน “เรา...จะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย” (2 พศด.7:14)
เช่นที่ชาวอารุคุนพบว่าการฟื้นฟูได้นำความสุขและการคืนดีมาสู่เมืองเมืองของเราก็ต้องการการพลิกฟื้นนี้เช่นกัน! พระบิดา โปรดนำการฟื้นฟูมายังเราด้วยเถิด
ถูกสร้างเพื่อการผจญภัย
เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ ขณะเดินไปตามทางดินผ่านหมู่ต้นไม้ใกล้ๆบ้าน ผมเจอสนามเด็กเล่นที่มีคนสร้างขึ้น มีบันไดที่ทำจากกิ่งไม้พาดขึ้นไปยังจุดชมวิว มีชิงช้าทำจากแกนพันสายเคเบิลแขวนกับกิ่งไม้ มีกระทั่งสะพานแขวนโยงระหว่างต้นไม้ ใครบางคนเปลี่ยนไม้และเชือกเก่าๆ ให้กลายเป็นการผจญภัยอย่างสร้างสรรค์!
แพทย์ชาวสวิสพอล ทัวร์นิเยร์เชื่อว่าเราถูกสร้างมาเพื่อการผจญภัย เพราะเราถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า (ปฐก.1:26-27) เช่นเดียวกับที่พระเจ้าเสด็จออกไปผจญภัยเพื่อสร้างจักรวาล (ข้อ 1-25) เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเลือกที่จะเสี่ยงในการสร้างมนุษย์ผู้สามารถเลือกระหว่างความดีและความชั่ว (3:5-6) และเช่นเดียวกับที่ทรงเรียกเราให้ “มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน” (1:28) เราเองก็มีแรงขับที่จะประดิษฐ์คิดค้น ลองสิ่งต่างๆที่มีความเสี่ยง และก่อให้เกิดสิ่งใหม่ในขณะที่เราครอบครองแผ่นดินโลกอย่างเกิดผล การผจญภัยเหล่านี้อาจเป็นสิ่งใหญ่หรือเล็ก แต่จะดีที่สุดคือควรเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ผมแน่ใจว่าคนที่สร้างสนามเด็กเล่นนั้นจะต้องมีความสุขที่มีคนค้นพบและได้เพลิดเพลินกับมัน
ไม่ว่าจะเป็นการรังสรรค์ดนตรีใหม่ การค้นหาวิธีประกาศข่าวประเสริฐรูปแบบใหม่ หรือการทำให้ชีวิตแต่งงานที่ห่างเหินมีชีวิตชีวาอีกครั้ง การผจญภัยทุกรูปแบบทำให้หัวใจเราเต้นแรงอยู่เสมอ มีงานหรือโครงการใหม่อะไรที่กำลังรบกวนใจคุณอยู่ในขณะนี้ บางทีพระเจ้าอาจกำลังนำคุณไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่
คุณเป็นคนอย่างไร
ในปี 2011 หลังจาก 10 ปีที่ยังไม่มีลูก ผมและภรรยาจึงเลือกไปเริ่มต้นใหม่ในต่างประเทศ แม้การย้ายที่อยู่จะน่าตื่นเต้นแต่ผมต้องออกจากงานวิทยุที่ผมรัก ผมรู้สึกสับสนจึงขอคำแนะนำจากเพื่อนที่ชื่อเลียม
“ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้การทรงเรียกของผมคืออะไร” ผมบอกเลียมอย่างหดหู่
“นายไม่ได้จัดรายการวิทยุที่นี่แล้วหรือ” เขาถามและผมตอบปฏิเสธ
“แล้วชีวิตแต่งงานของนายเป็นอย่างไรบ้าง”
แม้จะแปลกใจที่เขาเปลี่ยนเรื่องแต่ผมบอกไปว่าผมกับเมอรินยังมีชีวิตแต่งงานที่ดี เราผ่านเวลาที่โศกเศร้ามาด้วยกันแต่การทดสอบนั้นทำให้เราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
“การอุทิศตัวเป็นหัวใจหลักของข่าวประเสริฐ” เขากล่าวยิ้มๆ “ผู้คนต้องการเห็นชีวิตแต่งงานที่อุทิศตัวเหมือนที่นายทำอยู่! นายอาจไม่รู้ตัวว่าได้สร้างผลกระทบในเชิงบวกอยู่ ซึ่งมากกว่าสิ่งที่นายทำ แต่เป็นในแบบที่นายเป็นนี้”
เมื่อสถานการณ์การทำงานที่ยากลำบากทำให้ทิโมธีรู้สึกหดหู่ใจ อัครทูตเปาโลไม่ได้ตั้งเป้าหมายการทำงานให้ท่าน แต่กลับหนุนใจทิโมธีให้มีชีวิตที่ถวายเกียรติพระเจ้า เป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์ (4:12-13, 15) สิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในผู้อื่นได้ดีที่สุดคือการที่ท่านดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อ
เรามักจะให้คุณค่ากับชีวิตตามความสำเร็จในอาชีพการงาน ในขณะที่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณลักษณะที่เราเป็น ผมลืมสิ่งนี้ไป ที่จริงแล้วถ้อยคำแห่งความจริง การกระทำที่เมตตา และแม้แต่การอุทิศตัวในชีวิตคู่ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้ เพราะโดยสิ่งเหล่านี้ ความดีที่เป็นพระลักษณะของพระเจ้าก็ได้สร้างผลกระทบต่อโลกนี้แล้ว
ทรงเดินกับเรา
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพลงยอดนิยมติดอันดับซึ่งร้องโดยคณะนักร้องประสานเสียงที่ร้องท่อนร้องรับว่า “พระเยซูทรงเดินกับฉัน” มีเรื่องราวอันทรงพลังอยู่เบื้องหลังเนื้อร้องนี้
คณะนักร้องนี้ก่อตั้งโดยนักดนตรีแจ๊สชื่อเคอร์ติส ลันดี้ ในขณะที่เขาเข้ารับการบำบัดการเสพติดโคเคน การชักชวนผู้เข้าบำบัดให้มารวมตัวกัน และการได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงนมัสการเก่าแก่บทหนึ่ง ทำให้เขาแต่งเพลงนี้เพื่อเป็นเพลงนมัสการแห่งความหวังสำหรับผู้เข้ารับการบำบัด “เรากำลังร้องเพลงที่เป็นชีวิตของเรา” นักร้องคนหนึ่งพูดถึงบทเพลง “เรากำลังขอให้พระเยซูทรงไถ่เรา และช่วยเราให้หลุดพ้นจากยาเสพติดพวกนี้” อีกคนหนึ่งบอกว่าอาการปวดเรื้อรังของเธอทุเลาลงเมื่อร้องเพลงนี้ คณะนักร้องไม่ได้เพียงแต่ร้องถ้อยคำที่อยู่บนกระดาษ แต่พวกเขากำลังอ้อนวอนขอการทรงไถ่ด้วยสุดใจ
ข้อพระธรรมสำหรับวันนี้อธิบายประสบการณ์ของพวกเขาได้อย่างดี พระเจ้าได้ทรงปรากฏพระองค์เองในพระคริสต์เพื่อเสนอความรอดให้กับมนุษย์ทุกคน (ทต.2:11) ขณะที่ชีวิตนิรันดร์เป็นส่วนหนึ่งของของขวัญนี้ (ข้อ 13) พระเจ้าก็กำลังทำกิจภายในเราเวลานี้ ทรงให้กำลังเราที่จะควบคุมตัวเองได้อีกครั้งและปฏิเสธความปรารถนาของโลก และทรงไถ่เราให้มีชีวิตในพระองค์ (ข้อ 12,14) เช่นเดียวกับที่คณะนักร้องค้นพบว่า พระเยซูไม่เพียงอภัยโทษบาปให้เราเท่านั้น แต่ทรงปลดปล่อยเราจากวิถีชีวิตที่คอยบ่อนทำลายด้วย
พระเยซูทรงเดินไปกับผม กับคุณ และกับทุกๆคนที่ร้องขอให้พระองค์ทรงช่วย พระองค์สถิตกับเรา ประทานความหวังสำหรับอนาคต และประทานความรอดให้กับเราในเวลานี้
เสมือนพี่น้องชายหญิง
เมื่อผู้นำขอให้ผมพูดกับคาเรนเป็นการส่วนตัว ผมพบเธอในห้องให้คำปรึกษา เธอตาแดงและน้ำตาอาบแก้ม คาเรนวัย 42 ปีปรารถนาที่จะแต่งงาน และเวลานี้ชายคนหนึ่งแสดงความสนใจในตัวเธอ แต่เขาเป็นเจ้านายของเธอและมีภรรยาแล้ว
เพราะมีพี่ชายที่กลั่นแกล้งเธออย่างโหดร้ายและพ่อที่ไร้ความรัก คาเรนรู้ตัวว่าเธออ่อนไหวง่ายต่อการเข้าหาของผู้ชาย การฟื้นฟูความเชื่ออีกครั้งทำให้เธอมีขอบเขตที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต แต่ความปรารถนาของเธอยังคงอยู่ และแสงอันริบหรี่ของความรักซึ่งเธอไม่อาจมีได้นี้ช่างทุกข์ทรมาน
หลังการพูดคุย ผมกับคาเรนก้มศีรษะลง และในคำอธิษฐานจากใจจริงและกอปรด้วยฤทธิ์เดช คาเรนได้สารภาพสิ่งยั่วยวนใจ สั่งผูกมัดการละเมิดของเจ้านาย ทูลมอบความปรารถนาที่มีไว้กับพระเจ้าและออกจากห้องไปอย่างโล่งใจ
วันนั้นผมตระหนักถึงคำแนะนำชาญฉลาดของเปาโล ที่ให้ปฏิบัติต่อกันเสมือนพี่น้องชายหญิงในความเชื่อ (1 ทธ.5:1-2) วิธีที่เรามองผู้คนเป็นตัวกำหนดวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา และในโลกที่ไวในการมองคนอื่นเป็นวัตถุและเรื่องทางเพศ การมองเพศตรงข้ามเสมือนเป็นคนในครอบครัวจะช่วยให้เราปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความห่วงใยและเหมาะสม ความเป็นพี่น้องที่เข้มแข็งจะไม่ล่วงละเมิดหรือล่อลวงกัน
การรู้จักแต่ผู้ชายที่ดูหมิ่น ใช้ประโยชน์หรือเมินเฉยต่อเธอ คาเรนจึงต้องการคนที่เธอสามารถพูดคุยกันแบบพี่น้องชายหญิง ความงดงามของข่าวประเสริฐคือการมอบพี่น้องใหม่แก่เรา เพื่อช่วยเราในการเผชิญปัญหาชีวิต
เรื่องยังไม่จบ
ในตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่อง ตำรวจจับตำรวจ (Line of Duty) มีผู้ชมติดตามมากเป็นประวัติการณ์เพื่อดูว่าการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมจะจบลงอย่างไร แต่ผู้ชมจำนวนมากต้องผิดหวังเมื่อตอนจบบอกเป็นนัยว่าในที่สุดแล้ว ฝ่ายอธรรมจะมีชัยชนะ แฟนซีรี่ย์คนหนึ่งกล่าวว่า “ผมอยากให้พวกคนเลวถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราต้องการตอนจบที่ถูกต้องชอบธรรม”
นักสังคมวิทยาปีเตอร์ เบอร์เกอร์เคยตั้งข้อสังเกตว่าคนเราหิวกระหายความหวังและความยุติธรรม โดยหวังว่าวันหนึ่งความชั่วร้ายจะพ่ายแพ้และผู้ที่ก่อเหตุร้ายจะต้องเผชิญหน้ากับการกระทำของตนเอง โลกที่คนเลวเป็นฝ่ายชนะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เราหวังว่าโลกควรจะเป็น แฟนซีรี่ย์ที่ผิดหวังเหล่านั้นอาจไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังแสดงออกถึงความปรารถนาจากส่วนลึกของมนุษย์ที่อยากให้โลกกลับมาอยู่บนความถูกต้องอีกครั้ง
ในคำอธิษฐานของพระเยซูพระองค์ทรงรู้ว่ามีความชั่วร้าย และความชั่วนั้นไม่ได้อยู่แค่ในหมู่พวกเรา ซึ่งต้องได้รับการยกโทษ (มธ.6:12) แต่มีอยู่ทั่วไปในวงกว้าง ซึ่งต้องได้รับการช่วยให้หลุดพ้น (ข้อ 13) แต่ในความจริงนี้ยังมีความหวังอยู่ มีที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีความชั่วร้าย นั่นคือสวรรค์ และแผ่นดินสวรรค์กำลังจะมาตั้งอยู่ในโลก (ข้อ 10) วันหนึ่งการพิพากษาของพระเจ้าจะสำเร็จ “ตอนจบอย่างถูกต้องชอบธรรม” ของพระองค์จะมาถึง และความชั่วจะถูกกำจัดสิ้นไปตลอดกาล (วว.21:4)
ดังนั้นในชีวิตจริงเมื่อคนเลวชนะและเรารู้สึกผิดหวัง ขอให้จำไว้ว่า ก่อนที่จะ “เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก” เรายังมีความหวังเสมอ เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบลง
พบที่กำบัง
ผมกับภรรยาเคยพักในโรงแรมเก่าแก่น่ารักริมทะเลที่มีหน้าต่างบานใหญ่และกำแพงหินหนา บ่ายวันหนึ่งพายุพัดผ่านเข้ามา ทำให้ทะเลปั่นป่วนและกระแทกหน้าต่างของเราราวกับถูกทุบด้วยกำปั้นอันโกรธเกรี้ยว แต่กระนั้นเรากลับรู้สึกสุขสงบ กำแพงพวกนั้นแข็งแกร่งและรากฐานของโรงแรมก็มั่นคง! ขณะที่พายุโหมกระหน่ำอยู่ภายนอก ห้องพักของเราคือที่กำบัง
ที่กำบังเป็นหัวข้อสำคัญในพระคัมภีร์ ที่เริ่มต้นโดยพระเจ้าเอง “พระองค์ได้ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนยากจน” อิสยาห์กล่าวถึงพระเจ้าว่า “ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ ทรงเป็นที่กำบังจากพายุ” (อสย.25:4) นอกจากนี้ที่กำบังคือสิ่งซึ่งคนของพระเจ้าเป็นและต้องจัดเตรียม ไม่ว่าจะโดยผ่านทางเมืองโบราณซึ่งเป็นเมืองลี้ภัยของอิสราเอล (กดว.35:6) หรือโดยการต้อนรับ “คนต่างด้าว” ที่ต้องการความช่วยเหลือ (ฉธบ.10:19) เราสามารถนำหลักการเดียวกันนี้มาใช้ในปัจจุบันเมื่อวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมโจมตีโลกของเรา ในเวลาเช่นนั้นให้เราทูลขอพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่กำบังที่จะทรงใช้เราซึ่งเป็นคนของพระองค์ ในการช่วยผู้อ่อนแอให้ได้รับความปลอดภัย
พายุที่พัดถล่มโรงแรมของเราจากไปในเช้าวันรุ่งขึ้น ทิ้งเราไว้กับทะเลที่สงบและแสงแดดอันอบอุ่นที่สาดส่องให้นกนางนวลดูเปล่งประกาย เป็นภาพที่ผมยึดไว้เมื่อนึกถึงคนที่เผชิญภัยธรรมชาติหรือหนีจากระบอบของ “ผู้ที่ทารุณ” (อสย.25:4) นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่กำบังจะเสริมกำลังเราเพื่อจะช่วยพวกเขาให้พบความปลอดภัยในวันนี้และมีวันพรุ่งนี้ที่สดใส