คุณเป็นคนอย่างไร
ในปี 2011 หลังจาก 10 ปีที่ยังไม่มีลูก ผมและภรรยาจึงเลือกไปเริ่มต้นใหม่ในต่างประเทศ แม้การย้ายที่อยู่จะน่าตื่นเต้นแต่ผมต้องออกจากงานวิทยุที่ผมรัก ผมรู้สึกสับสนจึงขอคำแนะนำจากเพื่อนที่ชื่อเลียม
“ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้การทรงเรียกของผมคืออะไร” ผมบอกเลียมอย่างหดหู่
“นายไม่ได้จัดรายการวิทยุที่นี่แล้วหรือ” เขาถามและผมตอบปฏิเสธ
“แล้วชีวิตแต่งงานของนายเป็นอย่างไรบ้าง”
แม้จะแปลกใจที่เขาเปลี่ยนเรื่องแต่ผมบอกไปว่าผมกับเมอรินยังมีชีวิตแต่งงานที่ดี เราผ่านเวลาที่โศกเศร้ามาด้วยกันแต่การทดสอบนั้นทำให้เราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
“การอุทิศตัวเป็นหัวใจหลักของข่าวประเสริฐ” เขากล่าวยิ้มๆ “ผู้คนต้องการเห็นชีวิตแต่งงานที่อุทิศตัวเหมือนที่นายทำอยู่! นายอาจไม่รู้ตัวว่าได้สร้างผลกระทบในเชิงบวกอยู่ ซึ่งมากกว่าสิ่งที่นายทำ แต่เป็นในแบบที่นายเป็นนี้”
เมื่อสถานการณ์การทำงานที่ยากลำบากทำให้ทิโมธีรู้สึกหดหู่ใจ อัครทูตเปาโลไม่ได้ตั้งเป้าหมายการทำงานให้ท่าน แต่กลับหนุนใจทิโมธีให้มีชีวิตที่ถวายเกียรติพระเจ้า เป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์ (4:12-13, 15) สิ่งที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในผู้อื่นได้ดีที่สุดคือการที่ท่านดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อ
เรามักจะให้คุณค่ากับชีวิตตามความสำเร็จในอาชีพการงาน ในขณะที่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณลักษณะที่เราเป็น ผมลืมสิ่งนี้ไป ที่จริงแล้วถ้อยคำแห่งความจริง การกระทำที่เมตตา และแม้แต่การอุทิศตัวในชีวิตคู่ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้ เพราะโดยสิ่งเหล่านี้ ความดีที่เป็นพระลักษณะของพระเจ้าก็ได้สร้างผลกระทบต่อโลกนี้แล้ว
ทรงเดินกับเรา
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพลงยอดนิยมติดอันดับซึ่งร้องโดยคณะนักร้องประสานเสียงที่ร้องท่อนร้องรับว่า “พระเยซูทรงเดินกับฉัน” มีเรื่องราวอันทรงพลังอยู่เบื้องหลังเนื้อร้องนี้
คณะนักร้องนี้ก่อตั้งโดยนักดนตรีแจ๊สชื่อเคอร์ติส ลันดี้ ในขณะที่เขาเข้ารับการบำบัดการเสพติดโคเคน การชักชวนผู้เข้าบำบัดให้มารวมตัวกัน และการได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงนมัสการเก่าแก่บทหนึ่ง ทำให้เขาแต่งเพลงนี้เพื่อเป็นเพลงนมัสการแห่งความหวังสำหรับผู้เข้ารับการบำบัด “เรากำลังร้องเพลงที่เป็นชีวิตของเรา” นักร้องคนหนึ่งพูดถึงบทเพลง “เรากำลังขอให้พระเยซูทรงไถ่เรา และช่วยเราให้หลุดพ้นจากยาเสพติดพวกนี้” อีกคนหนึ่งบอกว่าอาการปวดเรื้อรังของเธอทุเลาลงเมื่อร้องเพลงนี้ คณะนักร้องไม่ได้เพียงแต่ร้องถ้อยคำที่อยู่บนกระดาษ แต่พวกเขากำลังอ้อนวอนขอการทรงไถ่ด้วยสุดใจ
ข้อพระธรรมสำหรับวันนี้อธิบายประสบการณ์ของพวกเขาได้อย่างดี พระเจ้าได้ทรงปรากฏพระองค์เองในพระคริสต์เพื่อเสนอความรอดให้กับมนุษย์ทุกคน (ทต.2:11) ขณะที่ชีวิตนิรันดร์เป็นส่วนหนึ่งของของขวัญนี้ (ข้อ 13) พระเจ้าก็กำลังทำกิจภายในเราเวลานี้ ทรงให้กำลังเราที่จะควบคุมตัวเองได้อีกครั้งและปฏิเสธความปรารถนาของโลก และทรงไถ่เราให้มีชีวิตในพระองค์ (ข้อ 12,14) เช่นเดียวกับที่คณะนักร้องค้นพบว่า พระเยซูไม่เพียงอภัยโทษบาปให้เราเท่านั้น แต่ทรงปลดปล่อยเราจากวิถีชีวิตที่คอยบ่อนทำลายด้วย
พระเยซูทรงเดินไปกับผม กับคุณ และกับทุกๆคนที่ร้องขอให้พระองค์ทรงช่วย พระองค์สถิตกับเรา ประทานความหวังสำหรับอนาคต และประทานความรอดให้กับเราในเวลานี้
เสมือนพี่น้องชายหญิง
เมื่อผู้นำขอให้ผมพูดกับคาเรนเป็นการส่วนตัว ผมพบเธอในห้องให้คำปรึกษา เธอตาแดงและน้ำตาอาบแก้ม คาเรนวัย 42 ปีปรารถนาที่จะแต่งงาน และเวลานี้ชายคนหนึ่งแสดงความสนใจในตัวเธอ แต่เขาเป็นเจ้านายของเธอและมีภรรยาแล้ว
เพราะมีพี่ชายที่กลั่นแกล้งเธออย่างโหดร้ายและพ่อที่ไร้ความรัก คาเรนรู้ตัวว่าเธออ่อนไหวง่ายต่อการเข้าหาของผู้ชาย การฟื้นฟูความเชื่ออีกครั้งทำให้เธอมีขอบเขตที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต แต่ความปรารถนาของเธอยังคงอยู่ และแสงอันริบหรี่ของความรักซึ่งเธอไม่อาจมีได้นี้ช่างทุกข์ทรมาน
หลังการพูดคุย ผมกับคาเรนก้มศีรษะลง และในคำอธิษฐานจากใจจริงและกอปรด้วยฤทธิ์เดช คาเรนได้สารภาพสิ่งยั่วยวนใจ สั่งผูกมัดการละเมิดของเจ้านาย ทูลมอบความปรารถนาที่มีไว้กับพระเจ้าและออกจากห้องไปอย่างโล่งใจ
วันนั้นผมตระหนักถึงคำแนะนำชาญฉลาดของเปาโล ที่ให้ปฏิบัติต่อกันเสมือนพี่น้องชายหญิงในความเชื่อ (1 ทธ.5:1-2) วิธีที่เรามองผู้คนเป็นตัวกำหนดวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา และในโลกที่ไวในการมองคนอื่นเป็นวัตถุและเรื่องทางเพศ การมองเพศตรงข้ามเสมือนเป็นคนในครอบครัวจะช่วยให้เราปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความห่วงใยและเหมาะสม ความเป็นพี่น้องที่เข้มแข็งจะไม่ล่วงละเมิดหรือล่อลวงกัน
การรู้จักแต่ผู้ชายที่ดูหมิ่น ใช้ประโยชน์หรือเมินเฉยต่อเธอ คาเรนจึงต้องการคนที่เธอสามารถพูดคุยกันแบบพี่น้องชายหญิง ความงดงามของข่าวประเสริฐคือการมอบพี่น้องใหม่แก่เรา เพื่อช่วยเราในการเผชิญปัญหาชีวิต
เรื่องยังไม่จบ
ในตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่อง ตำรวจจับตำรวจ (Line of Duty) มีผู้ชมติดตามมากเป็นประวัติการณ์เพื่อดูว่าการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมจะจบลงอย่างไร แต่ผู้ชมจำนวนมากต้องผิดหวังเมื่อตอนจบบอกเป็นนัยว่าในที่สุดแล้ว ฝ่ายอธรรมจะมีชัยชนะ แฟนซีรี่ย์คนหนึ่งกล่าวว่า “ผมอยากให้พวกคนเลวถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราต้องการตอนจบที่ถูกต้องชอบธรรม”
นักสังคมวิทยาปีเตอร์ เบอร์เกอร์เคยตั้งข้อสังเกตว่าคนเราหิวกระหายความหวังและความยุติธรรม โดยหวังว่าวันหนึ่งความชั่วร้ายจะพ่ายแพ้และผู้ที่ก่อเหตุร้ายจะต้องเผชิญหน้ากับการกระทำของตนเอง โลกที่คนเลวเป็นฝ่ายชนะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เราหวังว่าโลกควรจะเป็น แฟนซีรี่ย์ที่ผิดหวังเหล่านั้นอาจไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังแสดงออกถึงความปรารถนาจากส่วนลึกของมนุษย์ที่อยากให้โลกกลับมาอยู่บนความถูกต้องอีกครั้ง
ในคำอธิษฐานของพระเยซูพระองค์ทรงรู้ว่ามีความชั่วร้าย และความชั่วนั้นไม่ได้อยู่แค่ในหมู่พวกเรา ซึ่งต้องได้รับการยกโทษ (มธ.6:12) แต่มีอยู่ทั่วไปในวงกว้าง ซึ่งต้องได้รับการช่วยให้หลุดพ้น (ข้อ 13) แต่ในความจริงนี้ยังมีความหวังอยู่ มีที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีความชั่วร้าย นั่นคือสวรรค์ และแผ่นดินสวรรค์กำลังจะมาตั้งอยู่ในโลก (ข้อ 10) วันหนึ่งการพิพากษาของพระเจ้าจะสำเร็จ “ตอนจบอย่างถูกต้องชอบธรรม” ของพระองค์จะมาถึง และความชั่วจะถูกกำจัดสิ้นไปตลอดกาล (วว.21:4)
ดังนั้นในชีวิตจริงเมื่อคนเลวชนะและเรารู้สึกผิดหวัง ขอให้จำไว้ว่า ก่อนที่จะ “เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก” เรายังมีความหวังเสมอ เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบลง
พบที่กำบัง
ผมกับภรรยาเคยพักในโรงแรมเก่าแก่น่ารักริมทะเลที่มีหน้าต่างบานใหญ่และกำแพงหินหนา บ่ายวันหนึ่งพายุพัดผ่านเข้ามา ทำให้ทะเลปั่นป่วนและกระแทกหน้าต่างของเราราวกับถูกทุบด้วยกำปั้นอันโกรธเกรี้ยว แต่กระนั้นเรากลับรู้สึกสุขสงบ กำแพงพวกนั้นแข็งแกร่งและรากฐานของโรงแรมก็มั่นคง! ขณะที่พายุโหมกระหน่ำอยู่ภายนอก ห้องพักของเราคือที่กำบัง
ที่กำบังเป็นหัวข้อสำคัญในพระคัมภีร์ ที่เริ่มต้นโดยพระเจ้าเอง “พระองค์ได้ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนยากจน” อิสยาห์กล่าวถึงพระเจ้าว่า “ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งของคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ ทรงเป็นที่กำบังจากพายุ” (อสย.25:4) นอกจากนี้ที่กำบังคือสิ่งซึ่งคนของพระเจ้าเป็นและต้องจัดเตรียม ไม่ว่าจะโดยผ่านทางเมืองโบราณซึ่งเป็นเมืองลี้ภัยของอิสราเอล (กดว.35:6) หรือโดยการต้อนรับ “คนต่างด้าว” ที่ต้องการความช่วยเหลือ (ฉธบ.10:19) เราสามารถนำหลักการเดียวกันนี้มาใช้ในปัจจุบันเมื่อวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมโจมตีโลกของเรา ในเวลาเช่นนั้นให้เราทูลขอพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่กำบังที่จะทรงใช้เราซึ่งเป็นคนของพระองค์ ในการช่วยผู้อ่อนแอให้ได้รับความปลอดภัย
พายุที่พัดถล่มโรงแรมของเราจากไปในเช้าวันรุ่งขึ้น ทิ้งเราไว้กับทะเลที่สงบและแสงแดดอันอบอุ่นที่สาดส่องให้นกนางนวลดูเปล่งประกาย เป็นภาพที่ผมยึดไว้เมื่อนึกถึงคนที่เผชิญภัยธรรมชาติหรือหนีจากระบอบของ “ผู้ที่ทารุณ” (อสย.25:4) นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงเป็นที่กำบังจะเสริมกำลังเราเพื่อจะช่วยพวกเขาให้พบความปลอดภัยในวันนี้และมีวันพรุ่งนี้ที่สดใส
ภาพเปรียบเทียบของการแต่งงาน
หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันยี่สิบสองปี บางครั้งผมก็สงสัยว่าชีวิตแต่งงานของผมกับแมร์รินไปกันได้อย่างไร ผมเป็นนักเขียนแมร์รินเป็นนักสถิติ ผมทำงานกับภาษาแต่เธอทำงานกับตัวเลข ผมอยากได้ความสุนทรีย์แต่เธออยากได้การใช้งาน เราช่างมาจากโลกที่แตกต่างกัน
แมร์รินเป็นคนที่ไปถึงก่อนเวลานัด แต่ผมสายเป็นบางครั้ง ผมลองสั่งอาหารใหม่จากเมนูแต่เธอสั่งเหมือนเดิม หลังผ่านไป 20 นาที ที่งานแสดงศิลปะผมเพิ่งจะเริ่มสนุก แต่แมร์รินลงไปรอที่ร้านกาแฟเรียบร้อยคอยว่าผมจะอยู่อีกนานแค่ไหน เราต่างให้โอกาสกันอย่างมากเพื่อฝึกความอดทน!
เรามีสิ่งที่เหมือนกันด้วย ไม่ว่าจะอารมณ์ขันที่เหมือนกัน รักในการเดินทาง และมีความเชื่อเดียวกันซึ่งช่วยให้เราอธิษฐานในเวลาที่ต้องตัดสินใจและประนีประนอมเมื่อจำเป็น ความเหมือนเหล่านี้ทำให้ความแตกต่างของเรากลายเป็นประโยชน์ แมร์รินคอยช่วยให้ผมรู้จักผ่อนคลาย ในขณะที่ผมช่วยให้เธอมีวินัยมากขึ้น การปรับความแตกต่างของเราเข้าหากันทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น
เปาโลมีเหตุผลที่ดีที่ใช้การแต่งงานเป็นภาพเปรียบเทียบสำหรับคริสตจักร (อฟ.5:21-33) เพราะคริสตจักรนั้นคือการนำคนที่ต่างกันมากๆมาอยู่ร่วมกัน ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องฝึกความถ่อมใจและความอดทน เพื่อจะ “อดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (4:2) และเช่นเดียวกับการแต่งงาน ความเชื่อเดียวกันและการรับใช้ซึ่งกันและกันจะช่วยให้คริสตจักรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ (ข้อ 11-13)
ความแตกต่างในความสัมพันธ์อาจทำให้เกิดความไม่พอใจใหญ่โต แต่ถ้าจัดการให้ดีความต่างนั้นจะช่วยให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น
เจริญขึ้น
เพรียงหัวหอมเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด อาศัยเกาะกับหินหรือเปลือกหอย ลักษณะเหมือนหลอดพลาสติกอ่อนนุ่มที่ไหวเอนไปมาตามกระแสน้ำ เพรียงหัวหอมรับสารอาหารจากน้ำที่ไหลผ่านตัวมัน มันใช้ชีวิตติดอยู่กับที่ แตกต่างจากตอนเป็นตัวอ่อนที่ว่ายน้ำได้
ชีวิตของเพรียงหัวหอมเริ่มต้นด้วยการเป็นเหมือนลูกอ๊อดที่มีแกนสันหลังและสมองสำหรับช่วยหาอาหารและหลบหลีกอันตราย ตอนเป็นตัวอ่อนมันจะว่ายน้ำสำรวจไปทั่วในมหาสมุทร แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อมันเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย มันจะเกาะติดอยู่กับหิน หยุดสำรวจและหยุดโต จุดหักมุมที่น่าสยดสยองคือมันจะย่อยสมองของมันเอง
ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่มีสมอง ขยับไปมาตามกระแสน้ำ อัครทูตเปโตรหนุนใจเราไม่ให้เป็นเหมือนเพรียงหัวหอม เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่สำหรับเรานั้นหมายถึงการรับส่วนในสภาพของพระเจ้า (2 ปต.1:4) คุณและผมถูกเรียกให้ เจริญขึ้น คือเติบโตทางจิตใจในความรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ (3:18) ทางฝ่ายวิญญาณคือมีคุณลักษณะ เช่น คุณธรรม ความดี ความอุตสาหะ ขันติหรือความเหนี่ยวรั้งตน (1:5-7) และทางการกระทำ โดยแสวงหาหนทางใหม่ที่จะรัก ต้อนรับเลี้ยงดู และรับใช้ผู้อื่นด้วยของประทานของเรา (1 ปต.4:7-11) เปโตรกล่าวว่า การเจริญขึ้นนี้จะทำให้ชีวิตของท่าน “เกิดประโยชน์และเกิดผล” (2 ปต.1:8)
การเรียกร้องให้เจริญขึ้นนี้มีความสำคัญต่อคนในวัย 70 เท่าๆกับคนในวัยรุ่น พระลักษณะของพระเจ้านั้นกว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทร เรายังว่ายไปได้แค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น จงสำรวจพระลักษณะนิรันดร์ของพระเจ้า จงออกไปผจญภัยใหม่ในฝ่ายวิญญาณ ศึกษา ลองเสี่ยง และ เจริญขึ้น
ความอ่อนโยนของพระเจ้า
ครั้งหนึ่งผมได้ฟังนักธุรกิจคนหนึ่งเล่าว่าช่วงเรียนวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่เขามักรู้สึก “หมดหนทางและสิ้นหวัง” จากการสู้กับโรคซึมเศร้า น่าเศร้าที่เขาไม่เคยพูดคุยกับหมอเรื่องความรู้สึกเหล่านี้ แต่กลับเริ่มวางแผนที่รุนแรงมาก โดยการสั่งหนังสือเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายจากห้องสมุดในพื้นที่และกำหนดวันที่จะปลิดชีวิตตนเอง
พระเจ้าทรงห่วงใยผู้ที่หมดหนทางและสิ้นหวัง เราพบเรื่องนี้จากการปฏิบัติต่อคนในพระคัมภีร์ในยามที่พวกเขามืดมน เมื่อโยนาห์อยากตาย พระเจ้าสนทนากับท่านอย่างอ่อนโยน (ยนา.4:3-10) เมื่อเอลียาห์ทูลขอให้ท่านตายเสียที (1 พกษ.19:4) พระเจ้าทรงจัดเตรียมขนมปังและน้ำเพื่อให้ท่านสดชื่น (ข้อ 5-9) ตรัสกับท่านอย่างอ่อนโยน (ข้อ 11-13) และช่วยให้เห็นว่าท่านไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิด (ข้อ 18) พระเจ้าทรงเข้าถึงผู้ที่ท้อแท้ด้วยการกระทำและความช่วยเหลือที่อ่อนโยน
ห้องสมุดแจ้งมายังนักศึกษาเมื่อหนังสือเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายพร้อมให้มารับได้ แต่เกิดเหตุสับสน ใบแจ้งนั้นส่งไปยังที่อยู่ของพ่อแม่เขา เมื่อแม่โทรถึงเขาด้วยความว้าวุ่นใจ เขาจึงตระหนักว่าการฆ่าตัวตายจะนำหายนะมา หากที่อยู่ไม่สับสน เขาเล่าว่าเขาคงจะไม่มาอยู่ที่นี่ในวันนี้
ผมไม่เชื่อว่านักศึกษาคนนั้นรอดชีวิตเพราะโชคหรือบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นขนมปังและน้ำในยามที่เราต้องการ หรือที่อยู่ผิดในเวลาที่เหมาะเจาะ เมื่อการแทรกแซงน่าพิศวงช่วยชีวิตเราไว้ เราก็ได้พบกับความอ่อนโยนของพระเจ้า
ความเอื้อเฟื้อและความยินดี
นักวิจัยบอกว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างความเอื้อเฟื้อกับความยินดี ผู้ที่ให้เงินและเวลากับผู้อื่นจะมีความสุขมากกว่าผู้ที่ไม่ให้ ซึ่งทำให้นักจิตวิทยาคนหนึ่งสรุปว่า “ให้เราเลิกคิดว่าการให้เป็นหน้าที่ทางศีลธรรม แล้วเริ่มคิดว่ามันเป็นบ่อเกิดของความสุข”
ในขณะที่การให้ทำให้เรามีความสุข ผมมีคำถามว่าความสุขควรเป็นเป้าหมายในการให้ของเราไหม ถ้าเราเอื้อเฟื้อแค่กับคนหรือเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกดี แล้วความต้องการในฝ่ายโลกหรือที่ยากกว่านั้นที่ต้องให้เราช่วยเหลือล่ะ
พระคัมภีร์เชื่อมโยงความเอื้อเฟื้อกับความยินดีไว้เช่นกัน แต่บนพื้นฐานที่ต่างออกไป เมื่อกษัตริย์ดาวิดมอบทรัพย์สินของพระองค์เพื่อสร้างพระนิเวศแล้ว ก็ได้เชิญชวนคนอิสราเอลให้ถวายด้วย (1 พศด.29:1-5) ผู้คนตอบรับด้วยใจเอื้อเฟื้อโดยให้ทองคำ เงินและเพชรพลอยด้วยความยินดี (ข้อ 6-8) แต่ให้สังเกตเรื่องที่ทำให้พวกเขายินดี “แล้วประชาชนก็เปรมปรีดิ์ เพราะเขาถวายสิ่งเหล่านี้ตามความสมัครใจของเขา เพราะเขาถวายด้วยความจริงใจแด่พระเจ้า” (ข้อ 9) พระคัมภีร์ไม่เคยบอกให้เราให้เพื่อเราจะมีความสุข แต่ที่เราจะให้ด้วยความสมัครใจและด้วยสุดใจเพื่อตอบสนองตามความต้องการที่มี แล้วความยินดีจึงมักจะตามมา
บรรดามิชชันนารีรู้ดีว่าการหาทุนเพื่อการประกาศนั้นทำได้ง่ายกว่าเพื่องานบริหารจัดการ เพราะผู้เชื่อในพระเยซูชอบความรู้สึกของการให้ทุนกับงานภาคสนาม ให้เราเอื้อเฟื้อต่อความต้องการในด้านอื่นๆด้วย เพราะในที่สุดแล้วพระเยซูทรงสละพระองค์อย่างเต็มใจเพื่อตอบสนองความต้องการของเรา (2 คร.8:9)