ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Sheridan Voysey

เป็นที่รัก งดงาม และมีพรสวรรค์

มัลคอล์มดูเป็นวัยรุ่นที่มีความมั่นใจ แต่ความมั่นใจนี้เป็นเพียงหน้ากาก ที่จริงแล้ว บ้านที่วุ่นวายทำให้เขาเต็มไปด้วยความกลัว ต้องการการยอมรับ และโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาครอบครัว “เท่าที่จำได้” เขากล่าว “ทุกเช้าผมจะเข้าไปในห้องน้ำ มองดูตัวเองในกระจก และบอกกับตัวเองดังๆว่า ‘แกมันโง่ แกมันน่าเกลียด เป็นความผิดของแก’”

ความรู้สึกชิงชังตนเองนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งมัลคอล์มมีอายุ 21 ปี และได้รับการเปิดเผยสำแดงเกี่ยวกับตัวตนของเขาในพระเยซู “ผมตระหนักว่าพระเจ้าทรงรักผมอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” เขากล่าว “ผมไม่มีทางจะทำให้พระองค์ขายหน้าได้และพระองค์ไม่มีวันปฏิเสธผม” และเมื่อมัลคอล์มมองดูตัวเองในกระจกในเวลานั้น คำพูดของเขาก็เปลี่ยนไป “คุณเป็นที่รัก งดงาม และมีพรสวรรค์” เขากล่าว “และไม่ใช่ความผิดของคุณ”

ประสบการณ์ของมัลคอล์มแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงกระทำเพื่อผู้ที่เชื่อในพระเยซู คือปลดปล่อยเราให้พ้นจากความกลัว โดยทรงสำแดงให้เรารู้ว่าเราเป็นที่รักมากเพียงใด (รม.8:15, 38-39) และทรงยืนยันถึงฐานะของการเป็นบุตรพระเจ้า รวมทั้งประโยชน์ที่เราจะได้รับจากฐานะนั้น (8:16-17; 12:6-8) ด้วยเหตุนี้ เราจึงเริ่มมองเห็นตัวเองอย่างถูกต้อง โดยการเปลี่ยนแปลงความคิดของเราใหม่ (12:2-3)

หลายปีต่อมามัลคอล์มยังคงกระซิบถ้อยคำเหล่านั้นทุกวันเพื่อตอกย้ำถึงสิ่งที่พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับตัวเขา ในสายพระเนตรของพระบิดา เขาเป็นที่รัก งดงาม และมีพรสวรรค์ พวกเราก็เช่นกัน

รับกำลังใหม่

จิตแพทย์โรเบิร์ต โคลส์ สังเกตเห็นรูปแบบของผู้ที่หมดไฟในการรับใช้ สัญญาณเตือนแรกคือมีความอ่อนล้า ต่อมาคือสงสัยว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แล้วก็เริ่มขมขื่น ท้อแท้ มีอาการซึมเศร้า และในที่สุดก็หมดไฟ

หลังจากเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการเยียวยาจากความฝันที่แตกสลาย ผมยุ่งกับการไปบรรยายในที่ต่างๆ การช่วยคนให้มีความหวังหลังจากผิดหวังเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ก็ต้องแลกมาด้วยบางสิ่ง วันหนึ่งผมรู้สึกหน้ามืดขณะที่กำลังเดินขึ้นเวที ผมนอนไม่พอและการไปพักร้อนก็ไม่ทำให้หายล้า แค่คิดว่าต้องฟังปัญหาของคนอื่นอีกก็ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก ผมกำลังเป็นแบบที่โคลส์พูดไว้

พระคัมภีร์บอกวิธีเอาชนะการหมดไฟไว้สองประการ อิสยาห์ 40 บอกว่าพระองค์ประทานกำลังแก่ผู้เหน็ดเหนื่อยเมื่อเขาหวังใจในพระองค์ (ข้อ 29-31) ผมต้องพักในพระเจ้า วางใจให้พระองค์กระทำกิจแทนที่จะฝืนต่อไปด้วยกำลังตัวเองที่เหลือน้อยลงทุกที และสดุดี 103 บอกว่าพระเจ้าทรงทำให้เราอิ่มด้วยของดี (ข้อ 5) รวมถึงการยกโทษและการทรงไถ่ (ข้อ 3-4) ความยินดีและการเล่นสนุกมาจากพระองค์เช่นกัน เมื่อผมจัดตารางเวลาใหม่ โดยเพิ่มเวลาในการอธิษฐาน พักผ่อน และทำงานอดิเรกอย่างเช่นการถ่ายภาพ ผมจึงกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง

การหมดไฟเริ่มจากความอ่อนล้า ให้เราหยุดก่อนที่เป็นมากกว่านั้น เราจะรับใช้ผู้อื่นได้ดีที่สุดเมื่อชีวิตเรามีทั้งการนมัสการและการพักผ่อน

เต้นอีกครั้ง

ในปี 2012 ฟิลิป, เคร็กและดีนเผยแพร่เพลงใหม่ของพวกเขาชื่อ “บอกหัวใจของคุณให้เต้นอีกครั้ง” เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของศัลย-แพทย์ด้านหัวใจ หลังจากที่ผ่าเอาหัวใจของคนไข้ออกมาและทำการซ่อมแซม คุณหมอได้ใส่หัวใจกลับเข้าไปและนวดเบาๆเพื่อให้หัวใจกลับมีชีวิตอีกครั้ง แต่หัวใจไม่เต้น คุณหมอต้องใช้วิธีที่รุนแรงขึ้น แต่หัวใจยังคงไม่ยอมเต้น ในที่สุด คุณหมอคุกเข่าลงข้างคนไข้ที่ไม่ได้สติและพูดกับเธอว่า “คุณนายจอห์นสัน นี่คือคุณหมอของคุณ การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หัวใจของคุณได้รับการซ่อมแซม ตอนนี้บอกหัวใจของคุณให้เต้นอีกครั้ง” หัวใจของเธอจึงเริ่มเต้นอีกครั้ง

ทำอะไรก็ได้

ไม่นานมานี้มีภาพยนตร์ที่มีผู้อ้างตัวว่าเป็น “อัจฉริยะ” คุยโวหน้ากล้องถึง “ความสยดสยอง ชั่วร้าย โง่เขลา และอัตคัด” ของโลก เขาประกาศว่าชีวิตไม่มีพระเจ้าและไร้สาระ ความคิดเช่นนี้ไม่ผิดปกติในบทภาพยนตร์สมัยใหม่ แต่ว่ามันนำไปสู่อะไร ในตอนท้ายตัวเอกหันมาหาผู้ชมและอ้อนวอนให้เราทำอะไรก็ได้เพื่อจะพบความสุขสักเล็กน้อย ซึ่งสำหรับเขายังรวมถึงการทิ้งศีลธรรมไว้เบื้องหลังด้วย

แต่การ “ทำอะไรก็ได้” จะได้ผลหรือ ผู้เขียนปัญญาจารย์ ซึ่งเผชิญความผิดหวังในชีวิตได้ลองทำนานมาแล้ว ท่านแสวงหาความสุขจากความสนุกสนาน (ปญจ.2:1,10) ทำการใหญ่โต (ข้อ 4-6) ร่ำรวย (ข้อ 7-9) และวิเคราะห์ปรัชญา (ข้อ 12-16) ผลคือ “สารพัดก็อนิจจังคือกินลมกินแล้ง” (ข้อ 17) ไม่มีสิ่งใดที่ช่วยให้พ้นความตาย หายนะ หรือความอยุติธรรม (5:13-17)

มีเพียงสิ่งเดียวที่นำผู้เขียนปัญญาจารย์ออกมาจากความสิ้นหวัง ภายใต้การทดลองในชีวิต เราจะพบความอิ่มใจเมื่อพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและการทำงานของเรา “ด้วยถ้าไม่อาศัยพระองค์แล้วใครจะกินได้เล่า หรือใครจะมีความชื่นบานได้” (2:25) อาจมีเวลาที่ชีวิตรู้สึกไร้ค่า “จงระลึกถึงพระผู้เนรมิตสร้างของเจ้า” (12:1) อย่าเหนื่อยเปล่าโดยการพยายามหาทางออกในชีวิต แต่ “จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์” (ข้อ 13)

หากไม่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ความสุขและความเศร้าในชีวิตจะนำเราไปสู่ความผิดหวังเท่านั้น

ทูตสวรรค์มีด

เมื่ออาชญากรรมจากมีดพุ่งสูงขึ้นทั่วสหราชอาณาจักร ศูนย์ศิลปะแสดงผลงานจากเหล็กในอังกฤษจึงเกิดแนวคิดในการทำงานร่วมกับตำรวจท้องถิ่น โดยได้จัดทำและวางตู้ฝากของไว้ทั่วประเทศ และดำเนินโครงการนิรโทษกรรม มีดหนึ่งแสนเล่มถูกนำส่งโดยไม่ระบุชื่อ บางเล่มยังมีเลือดติดอยู่ทั้งหมดถูกส่งต่อให้ช่างฝีมือ อัลฟี แบรดลีย์นำไปหลอม บางเล่มสลักชื่อของเหยื่อเยาวชนที่ถูกทำร้ายด้วยมีด พร้อมข้อความแสดงความเสียใจจากอดีตผู้กระทำผิด อาวุธทั้ง 100,000 ชิ้นถูกเชื่อมต่อกันเป็นผลงาน ทูตสวรรค์มีด ประติมากรรมทูตสวรรค์ที่มีปีกส่องประกายนี้สูงกว่าแปดเมตร

ขณะยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์มีด ผมครุ่นคิดว่ามีกี่พันบาดแผลที่ถูกป้องกันไว้เพราะประติมากรรมชิ้นนี้ ผมยังนึกไปถึงนิมิตเรื่องฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ของอิสยาห์ (อสย.65:17) ที่ซึ่งเด็กจะไม่ตายขณะอายุยังน้อย (ข้อ 20) หรือโตขึ้นมาสภาวะที่เสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรม (ข้อ 22-23) ที่ซึ่งอาชญากรรมจากมีดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะดาบทั้งหมดจะถูกตีและนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่สร้างสรรค์กว่า (2:4)

โลกใหม่นั้นยังมาไม่ถึง แต่เราต้องอธิษฐานและปรนนิบัติรับใช้จนกว่าจะถึงเวลานั้น (มธ.6:10) ทูตสวรรค์มีดทำให้เราได้เห็นบางส่วนของอนาคตที่พระเจ้าสัญญาไว้ ดาบกลายเป็นผาลไถนา อาวุธกลายเป็นงานศิลปะ เราจะคิดโครงการรับคืนสิ่งใดได้อีก เพื่อที่อนาคตตามพระสัญญานั้นจะมาถึงเร็วขึ้น

อยู่เคียงข้างคุณ

นแต่ละวัน พนักงานในที่ทำการไปรษณีย์กรุงเยรูซาเล็มจะคัดแยกจดหมายที่ไม่สามารถนำจ่ายได้เพื่อพยายามจะหาตัวผู้รับ จดหมายมากมายถูกใส่ลงไปในกล่องที่เขียนว่า “จดหมายถึงพระเจ้า”

ในแต่ละปีมีจดหมายราวพันฉบับส่งมาที่เยรูซาเล็มโดยจ่าหน้าซองถึงพระเจ้าหรือพระเยซู พนักงานคนหนึ่งไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเริ่มนำจดหมายไปที่กำแพงเยรูซาเล็มไปสอดไว้ระหว่างกำแพงหินรวมกับคำอธิษฐานอื่นๆ จดหมายส่วนมากจะขอเรื่องงาน ขอคู่ครอง หรือสุขภาพที่ดี บางฉบับขอการยกโทษ บางฉบับเป็นคำขอบคุณ ชายคนหนึ่งขอพระเจ้าให้ภรรยาผู้ล่วงลับมาปรากฏในความฝัน เพราะอยากพบเธออีกครั้ง ผู้ส่งจดหมายต่างเชื่อว่าพระเจ้าจะรับฟัง

คนอิสราเอลได้เรียนรู้มากมายจากการเดินทางในถิ่นทุรกันดาร บทเรียนหนึ่งคือ พระเจ้าไม่เหมือนกับพระอื่นที่รู้จักกันในยุคนั้น คือ ห่างเหิน เป็นใบ้อยู่เฉพาะบางแห่ง และติดต่อได้โดยการจาริกแสวงบุญ หรือจดหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่เลย “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเราทรงอยู่ใกล้เราในเมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์” (ฉธบ.4:7) จะมีใครที่อ้างเช่นนี้ได้บ้าง นี่คือข่าวดีที่ไม่เคยมีมาก่อน

พระเจ้าไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงอยู่ใกล้เราไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด บางคนจำเป็นจะต้องได้ค้นพบความจริงนี้ ถ้าผมได้ตอบจดหมายเหล่านั้นผมจะบอกว่า พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างคุณ พูดกับพระองค์เลย

กลับมาเป็นเพื่อน

วันหนึ่งคุณแม่กับลูกสาวนั่งอยู่ในคริสตจักร ระหว่างการนมัสการมีการเปิดโอกาสให้ผู้ที่รับการยกโทษจากพระเจ้าได้เดินออกมาหน้าที่ประชุม ทุกครั้งที่มีคนเดินออกมา เด็กหญิงจะปรบมือ “ขอโทษจริงๆค่ะ” ผู้เป็นแม่บอกผู้นำคริสตจักรในภายหลัง “ฉันอธิบายให้ลูกสาวฟังว่าการกลับใจใหม่ทำให้เราได้กลับเป็นเพื่อนกับพระเจ้าอีกครั้ง และเธอแค่อยากจะให้กำลังใจทุกคน”

คำพูดของแม่อธิบายถึงพระกิตติคุณได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งเราเป็นศัตรูกับพระเจ้า แต่เรากลับคืนดีกับพระองค์โดยการสิ้นพระชมน์และการเป็นขึ้นของพระเยซู (รม.5:9-10) เวลานี้เราเป็นเพื่อนกับพระเจ้า และเนื่องจากเราเองเป็นผู้ทำลายมิตรภาพนี้ (ข้อ 8) การกลับใจจึงเป็นส่วนของเราที่จะทำให้กระบวนการคืนดีสำเร็จ การตอบสนองของเด็กหญิงเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะแม้สวรรค์ยังยินดีเมื่อมีหนึ่งคนกลับใจ (ลก.15:10) เด็กหญิงร่วมสะท้อนเสียงปรบมือนั้นโดยไม่รู้ตัว

พระเยซูอธิบายพันธกิจการคืนดีของพระองค์ว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยน.15:13) การทรงเสียสละด้วยมิตรภาพนี้ทำให้เราได้เป็นเพื่อนกับพระองค์ “เราจะไม่เรียกท่านทั้งหลายว่าบ่าวอีก...แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย” (15:15) ครั้งหนึ่งเราเป็นศัตรูกับพระเจ้า แต่บัดนี้เป็นเพื่อนของพระองค์ นี่เป็นความคิดที่น่าตื้นตันใจ และมีค่าควรแก่การปรบมือ

ความสุขในโทษประหาร

ในปี 1985 แอนโทนี เรย์ ฮินตัน ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมผู้จัดการร้านอาหารสองคน เขาอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมาก แต่กลับถูกตัดสินว่าผิดและต้องถูกประหารชีวิต ในการพิจารณาคดี เขายกโทษให้คนที่ใส่ร้ายเขา และบอกว่าเขายังคงชื่นชมยินดีแม้พบความอยุติธรรม “เมื่อตายไปแล้ว ผมจะได้ไปสวรรค์ แล้วพวกคุณจะไปไหน” เขากล่าว

ชีวิตของเรย์เมื่อเป็นนักโทษประหารลำบากมาก ไฟในเรือนจำที่กะพริบทุกครั้งที่มีการใช้เก้าอี้ไฟฟ้า เป็นสัญญาณเตือนอันโหดร้ายถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า เรย์ผ่านการสอบด้วยเครื่องจับเท็จ แต่ผลสอบถูกละเลย เขาต้องเผชิญความอยุติธรรมหลายอย่างจนกระทั่งมีการพิจารณาคดีใหม่

ท้ายที่สุดในวันศุกร์ประเสริฐปี 2015 ศาลสูงสุดสหรัฐกลับคำพิพากษา เรย์ต้องโทษประหารมาเกือบสามสิบปี ชีวิตเขาเป็นคำพยานว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ เพราะความเชื่อในพระเยซู เขาจึงมีความหวังท่ามกลางการทดลอง (1 ปต.1:3-5) และมีความชื่นชมยินดีเหนือธรรมชาติแม้เผชิญความอยุติธรรม (ข้อ 8) เมื่อได้รับการปล่อยตัวเขากล่าวว่า “ในคุกไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดีนี้ไปจากผมได้” ความปีติยินดีนี้พิสูจน์ว่าเขามีความเชื่อแท้ (ข้อ 7-8)

ความยินดีเมื่อถูกตัดสินประหารชีวิตเป็นสิ่งที่เสแสร้งได้ยาก ซึ่งทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่จริงแม้เราจะมองไม่เห็น และพระองค์พร้อมจะค้ำชูเราในบททดสอบที่ยากที่สุด

รักเหมือนอย่างพระเจ้า

ผมเคยไปย่านสลัมใกล้เมืองซานโต้โดมิงโก ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน บ้านทำจากสังกะสีและมีสายไฟห้อยระโยงระยางอยู่เหนือบ้าน ผมมีโอกาสสัมภาษณ์หลายครอบครัวและรู้ว่าคริสตจักรที่นั่นได้ช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน การใช้สารเสพติด และอาชญากรรม

ผมเดินเข้าตรอกแล้วต้องไต่บันไดที่ผุพังขึ้นไปยังห้องเล็กๆ เพื่อสัมภาษณ์แม่และลูกชาย แต่ครู่ต่อมามีคนวิ่งเข้ามาบอกว่า “เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” หัวหน้านักเลงพร้อมมีดพร้ากำลังรวบรวมคนมาทำร้ายเรา

จากนั้นเราไปเยี่ยมอีกละแวกหนึ่ง แต่ไม่พบปัญหาที่นั่น ผมได้ทราบเหตุผลในเวลาต่อมา ขณะที่ผมเยี่ยมบ้านแต่ละหลัง หัวหน้านักเลงจะยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกเพื่อคุ้มครองเรา เพราะคริสตจักรเลี้ยงดูและให้ลูกสาวของเขาได้เรียนหนังสือ และเนื่องจากผู้เชื่ออยู่เคียงข้างเธอ เขาจึงอยู่เคียงข้างเรา

ในคำเทศนาบนภูเขา พระเยซูตรัสถึงมาตรฐานความรักที่สูงจนไม่มีสิ่งใดเปรียบได้ ความรักเช่นนี้ไม่ได้มีไว้เฉพาะ “คนที่มีคุณค่า” แต่ยังมีให้กับผู้ที่ไม่คู่ควร (มธ.5:43-45) ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่ไม่อาจรักเราตอบได้ด้วย (ข้อ 46-47) นี่คือความรักเหมือนอย่างพระเจ้า (ข้อ 48) ซึ่งเป็นความรักที่เป็นพรแก่ทุกคน

เมื่อผู้เชื่อในซานโต้โดมิงโกสำแดงความรัก ชุมชนนั้นก็เริ่มเปลี่ยน ใจที่เย็นชาก็เริ่มอ่อนโยน เพราะความรักของพระเจ้ามาถึงเมืองนี้ - SMV

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา