นำโดยพระวจนะ
ที่สำนักข่าวบีบีซีในลอนดอน งานแรกของพอล อาร์โนลด์ที่ออกอากาศคือการทำ “เสียงเดิน” ให้กับละครวิทยุ ขณะที่นักแสดงอ่านบทในฉากที่มีการเดิน พอลที่เป็นผู้จัดการเวทีต้องทำเสียงจากเท้าให้เข้ากัน ระวังให้จังหวะเหมาะกับเสียงและบทสนทนาของนักแสดง เขาอธิบายว่า สิ่งที่ยากคือการยอมตามนักแสดงในเรื่อง “เพื่อเราสองคนจะทำงานร่วมกัน”
ทูลขอต่อพระเจ้า
เมื่อสามีของฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ฉันไม่รู้วิธีเหมาะสมที่จะอธิษฐาน “ทูลขอ” เพื่อเขา ฉันคิดเพียงว่าคนอื่นในโลกนี้มีปัญหาที่ร้ายแรงอย่างสงคราม การกันดารอาหาร ความยากจน ภัยธรรมชาติ แล้ววันหนึ่งขณะที่เราอธิษฐานตอนเช้า ฉันได้ยินเขาทูลขอด้วยใจถ่อมว่า “พระเจ้า ขอทรงรักษาผมด้วย”
รักคนแปลกหน้า
สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของฉันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น เพื่อนคริสเตียนจึงบอกให้ฉัน “โน้มน้าว” เธอให้กลับมาหาพระเยซู ฉันพบว่าตัวเองเริ่มรักคนในครอบครัวอย่างที่พระคริสต์รัก รวมทั้งในที่สาธารณะที่ผู้คนจ้องมองเธออย่างเดียดฉันท์ที่เธอสวมเสื้อผ้า “แปลกประหลาด” บางคนถึงกับวิจารณ์อย่างหยาบคาย ชายคนหนึ่งตะโกนใส่เธอจากรถว่า “กลับบ้านไปซะ” โดยไม่รู้หรือไม่สนใจเลยว่าเธออยู่ที่ “บ้าน” อยู่แล้ว
เข้มแข็งด้วยบทเพลง
ชาวบ้านฝรั่งเศสที่ช่วยซ่อนผู้อพยพชาวยิวจากนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ร้องเพลงในป่าทึบเพื่อบอกผู้อพยพว่าปลอดภัยออกมาจากที่ซ่อนได้ ชาวเมืองที่กล้าหาญในเลอชอมบงเซอลิยอง ทำตามคำขอของศิษยาบาลท้องถิ่น อองเดร ทรอคเม และแมกดาซึ่งเป็นภรรยา โดยให้ที่หลบภัยช่วงสงครามแก่ชาวยิวบนที่ราบสูงชื่อ “ลามองตาจน์ โปเตสตองท์” บทเพลงนี้สื่อถึงความกล้าหาญของชาวบ้านที่ช่วยชีวิตชาวยิวมากกว่า 3,000 คนที่เกือบจะต้องตาย
แสงนำทาง
ร้านอาหารร้านนั้นสวยแต่มืด แต่ละโต๊ะมีเพียงเทียนเล่มเดียวที่ให้แสงริบหรี่ ลูกค้าต้องใช้แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องอ่านเมนู มองดูเพื่อนร่วม โต๊ะ และแม้แต่มองอาหารที่ตนกำลังกินอยู่
มีโอกาสอีกครั้ง
ที่ร้านจักรยานมือสองเพื่อการกุศลใกล้บ้านเรา มีอาสาสมัครมาซ่อมจักรยานเก่าแล้วบริจาคให้เด็กผู้ยากไร้ เออร์นี่ คลาร์กผู้ก่อตั้งได้บริจาคจักรยานให้คนยากจน ทั้งคนไร้บ้าน ผู้พิการ และทหารผ่านศึก จักรยานได้กลับมาเป็นประโยชน์ และผู้ที่รับจักรยานก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ อดีตทหารคนหนึ่งขี่จักรยานที่ได้รับไปสัมภาษณ์งาน
จากไร้ค่าสู่ล้ำค่า
บ้านของคนเก็บขยะตั้งอยู่บนถนนสูงชันในย่านโบโกตาที่เสื่อมโทรมไม่มีอะไรดูพิเศษ แต่บ้านอิฐธรรมดาในเมืองหลวงของโคลัมเบีย หลังนี้เป็นห้องสมุดที่ไม่คิดค่าบริการ ซึ่งมีหนังสือ 25,000 เล่ม เป็นหนังสือที่มีคนทิ้ง แล้วโฮเซ่อัลเบอร์โต วูเกียเร รวบรวมมาแบ่งปันให้เด็กยากจนในชุมชนของเขา
ผู้ติดตามพระบุตร
ทานตะวันขึ้นได้ทุกที่ทั่วโลก เพราะมีผึ้งคอยผสมเกสรให้ ไม่ว่าเป็นข้างถนน ใต้รางให้อาหารนก และในนา ทุ่งโล่งและทุ่งหญ้า แต่ถ้าเป็นการปลูกเพื่อผลิตผล ดอกทานตะวันต้องการดินที่ดี หนังสือฟาร์เมอร์สอัลมาแนค บอกว่าดินที่ระบายน้ำดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย และอุดมด้วยสารอาหาร “กับสารอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก” จะทำให้เมล็ดทานตะวันมีรสชาติอร่อย ให้น้ำมันบริสุทธิ์ และเลี้ยงชีวิตผู้ปลูกทานตะวัน อันเป็นอาชีพซึ่งทำงานหนัก
เราต้องมี “ดินดี” เพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณเช่นกัน (ลก.8:15) ในคำอุปมาเรื่องผู้หว่านเมล็ดพืช พระเยซูสอนว่า พระวจนะพระเจ้างอกขึ้นได้แม้ในดินที่มีหินหรือหนาม (ข้อ 6-7) แต่จะเจริญเติบโตได้ในดินดีคือ “ผู้ที่จิตใจดีงามสูงส่ง ผู้ได้ยินพระวจนะแล้วรับไว้ และเกิดผลด้วยความอดทนบากบั่น” เท่านั้น (ข้อ 15 TNCV)
ต้นอ่อนทานตะวันเติบโตขึ้นอย่างอดทน มันติดตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ตลอดวัน มันหันหาดวงอาทิตย์ทุกวัน เรียกว่าการเบนตามแสง ส่วนทานตะวันที่โตเต็มที่ก็เช่นกันมันจะหันไปทางตะวันออกเสมอ เพื่อให้ดอกอบอุ่นและทำให้มีผึ้งมาช่วยผสมเกสรมากขึ้น ผลผลิตก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
เช่นเดียวกับผู้ปลูกทานตะวัน เรามีส่วนช่วยให้พระวจนะของพระเจ้าเจริญเติบโตได้เช่นกัน โดยยึดมั่นในพระวจนะของพระเจ้าและติดตามพระบุตรของพระองค์ พัฒนาความซื่อสัตย์กับจิตใจที่ดีเพื่อให้พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นกระบวนการประจำวัน ให้เราติดตามพระบุตรและเติบโตขึ้น
หยุดความอิจฉา
เอ็ดการ์ เดอกาส์ ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลกจากภาพวาดนักเต้นระบำปลายเท้า แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาอิจฉาเอดัวร์ มาเน่ต์ศิลปินเอกอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งของเขา เดอกาส์พูดถึงมาเน่ต์ว่า “ทุกสิ่งที่เขาทำมักถูกเสมอ ขณะที่ผมทำอะไรก็ผิดพลาดและต้องเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา”
ความอิจฉาเป็นความรู้สึกที่แปลก ซึ่งอัครทูตเปาโลจัดให้เป็นนิสัยหนึ่งที่แย่ที่สุด “สรรพการอธรรม ความชั่วร้าย ความโลภ ความมุ่งร้าย ความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การวิวาท การล่อลวง การคิดร้ายพูดนินทา” (รม.1:29) ความอิจฉาเกิดจากความคิดโง่เขลา อันเป็นผลของการนมัสการรูปเคารพ แทนที่จะนมัสการพระเจ้า (ข้อ 25)
คริสติน่า ฟอกซ์ นักประพันธ์กล่าวว่า เมื่อเกิดความอิจฉาขึ้นท่ามกลางผู้เชื่อ แสดงว่า “หัวใจของเราได้หันออกจากความรักที่เที่ยงแท้” เพราะเมื่อเราอิจฉา “เราก็กำลังไล่ตามความสุขที่ด้อยกว่าของโลกนี้แทนที่จะมองไปที่พระเยซู ส่งผลให้เราลืมว่าเราเป็นของใคร”
วิธีแก้คือ กลับมาหาพระเจ้า เปาโลกล่าวว่า “จงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า” (รม.6:13) ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัว ในจดหมายอีกฉบับหนึ่งท่านกล่าวว่า “ทุกคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง จึงจะมีอะไรๆ ที่จะอวดได้ในตัวไม่ใช่เปรียบกับผู้อื่น” (กท.6:4)
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพรของพระองค์ ที่ไม่ใช่แค่วัตถุสิ่งของแต่รวมถึงเสรีภาพที่เกิดจากพระคุณ เราจะพบกับความอิ่มใจได้อีกครั้งเมื่อเราพิจารณาดูของประทานที่พระเจ้าประทานให้