ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Mart DeHaan

สุดยอดบทเพลงซิมโฟนี

เมื่อนิตยสารดนตรีบีบีซีขอให้วาทยากรชั้นนำของโลก 151 คน จัดลำดับบทเพลงซิมโฟนีที่คิดว่าประพันธ์ได้ยอดเยี่ยมที่สุดนั้น อีรอยก้า ซิมโฟนีหมายเลข 3 ของบีโธเฟ่นนำมาเป็นอันดับแรก ผลงานนี้ซึ่งชื่อเพลงแปลว่า “วีรบุรุษ” ถูกแต่งขึ้นระหว่างความวุ่นวายของการปฏิวัติฝรั่งเศส และจากการต่อสู้ของบีโธเฟ่นขณะที่เขาค่อยๆสูญเสียการได้ยิน บทเพลงที่กระตุ้นอารมณ์ให้แปรปรวนนี้ ถ่ายทอดความหมายของการเป็นมนุษย์และมีชีวิตขณะเผชิญความท้าทาย โดยผ่านท่วงทำนองที่ขึ้นลงไปมา ทั้งสุข เศร้า และมีชัยชนะในท้ายที่สุด ซิมโฟนีหมายเลข 3 ของบีโธเฟ่นจึงถูกจัดให้เป็นคำยกย่องแด่จิตวิญญาณของมนุษย์มาตลอดทุกยุคสมัย

จดหมายฉบับแรกของเปาโลถึงชาวโครินธ์ก็สมควรได้รับความสนใจด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยเป็นถ้อยคำหนุนใจแทนที่จะเป็นโน้ตเพลง โดยเริ่มบรรเลงเสียงดังด้วยคำอวยพร (1:4-9) และเสียงแผ่วลงสู่ความโศกเศร้าจากความขัดแย้งฝ่ายวิญญาณ (11:17-22) และดังขึ้นอีกครั้งเมื่อผู้ที่มีของประทานร่วมใจรับใช้ซึ่งกันและกันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า (12:6-7)

สิ่งที่ต่างกันคือ ที่นี่เราได้เห็นชัยชนะแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ซึ่งเป็นคำยกย่องสรรเสริญแด่พระวิญญาณของพระเจ้า ในขณะที่เปาโลเชิญให้เรามีประสบการณ์ร่วมกันในความรักที่เกินบรรยายของพระคริสต์ ท่านก็ได้ช่วยให้เราเห็นตัวเองว่าเป็นผู้ที่ถูกเรียกร่วมกันโดยพระบิดา ได้รับการทรงนำโดยพระบุตร และได้รับการดลใจโดยพระวิญญาณ ไม่ใช่เพื่อให้เกิดเสียงดัง แต่เพื่อเราจะได้มีส่วนร่วมในบทเพลงซิมโฟนีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

สิ่งมหัศจรรย์ที่มองไม่เห็น

ในช่วงบั้นปลายชีวิต ความคิดอ่านของคุณนายกู๊ดริชเริ่มไม่ค่อยแม่นยำรวมถึงความทรงจำเรื่องชีวิตที่ท้าทายและเปี่ยมไปด้วยพระคุณ ขณะนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองออกไปยังผืนน้ำของอ่าวแกรนด์ทราเวอร์ในมิชิแกน เธอเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเขียนข้อความที่ภายหลังไม่นานเธอก็จำไม่ได้ว่าเป็นคนเขียน “ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด และหัวใจล่องลอยอยู่ในอากาศ คลื่นสะท้อนแสงอาทิตย์บนผืนน้ำเบื้องล่างซัดสาดไปยังที่ที่ฉันไม่อาจรู้ แต่ขอบพระคุณพระบิดาที่รักผู้สถิตอยู่เบื้องบน สำหรับของขวัญอันเหลือคณานับและความรักที่ไม่มีวันตายของพระองค์! น่าอัศจรรย์ใจเหลือเกินที่ฉันรักพระองค์ผู้ที่ฉันมองไม่เห็นมากขนาดนี้”

เปโตรรู้จักความอัศจรรย์ใจนั้น ท่านเคยเห็นพระเยซูด้วยตาตนเอง แต่คนที่อ่านจดหมายของท่านไม่เคยเห็น “พระองค์ผู้ที่ท่านทั้งหลายยังไม่ได้เห็น...ท่านยังเชื่อและชื่นชมด้วยความปีติยินดีเป็นล้นพ้นเหลือที่จะกล่าวได้” (1 ปต.1:8) เรารักพระเยซูไม่ใช่เพราะเราถูกสั่งให้รัก แต่เป็นเพราะพระวิญญาณทรงช่วยเหลือ (ข้อ 11) เราจึงเริ่มมองเห็นว่าพระองค์ทรงรักเรามากแค่ไหน

ไม่ใช่เพียงเพราะเราได้ยินว่าพระองค์ทรงห่วงใยเรา แต่เป็นเพราะเราได้มีประสบการณ์ตามพระสัญญาว่าพระคริสต์จะทรงทำให้ความอัศจรรย์แห่งการสถิตอยู่ด้วยและพระวิญญาณของพระองค์เป็นจริงสำหรับเราในทุกช่วงชีวิต

ทำลายบ้านนี้เสีย

ในเมืองพอนทิแอค รัฐมิชิแกน บริษัทรับรื้อถอนได้ทำลายอาคารผิดหลัง ผู้สืบสวนเชื่อว่าเจ้าของบ้านที่จะโดนรื้อได้เอาบ้านเลขที่ของตนไปติดที่บ้านของเพื่อนบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรื้อถอน

พระเยซูทรงทำในทางตรงกันข้าม พระองค์เสด็จมาเพื่อพันธกิจที่จะให้ “บ้าน” ของพระองค์เองถูกทำลายเพื่อช่วยผู้อื่น ลองจินตนาการถึงภาพนั้นและคิดว่าทุกคนจะสับสนเพียงใดรวมถึงสาวกของพระเยซูด้วย นึกภาพพวกเขามองสบตากันเมื่อได้ยินพระองค์ท้าทายเหล่าผู้นำทางศาสนาว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย” พระเยซูตรัส “เราจะยกขึ้นใหม่ในสามวัน” (ยน.2:19) เหล่าผู้นำโต้กลับด้วยความเดือดดาล “พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ” (ข้อ 20) แต่พระเยซูรู้ว่าพระวิหารที่ทรงอ้างถึงคือพระกายของพระองค์เอง (ข้อ 21) แต่พวกเขาไม่รู้

พวกเขาไม่เข้าใจว่าพระองค์เสด็จมาเพื่อสำแดงให้เห็นว่า สิ่งเลวร้ายที่เราทำกับตัวเองและคนอื่นทั้งหมดจะตกอยู่กับพระองค์ในที่สุด พระองค์จะทรงชดใช้ให้ทั้งหมด

พระเจ้าทรงรู้ใจของเราดีกว่าตัวเราเองเสมอ ดังนั้นพระองค์จึงไม่ทรงวางใจบอกถึงแผนการทั้งหมดของพระองค์กับใครแม้แต่ผู้ที่ได้เห็นการอัศจรรย์ของพระองค์และเชื่อในพระองค์ (ข้อ 23-25) และในเวลานี้พระเจ้ายังคงค่อยๆเปิดเผยให้เราเห็นถึงความรักและความประเสริฐจากคำตรัสของพระเยซู ซึ่งเราไม่อาจเข้าใจได้เมื่อพระองค์ทรงบอกกับเรา

ยิงได้เยี่ยมจริงหรือ

เมื่อการ์ตูนแบมบี้ของวอลท์ดิสนีย์ออกฉายอีกครั้ง บรรดาพ่อแม่ต่างได้รำลึกถึงความทรงจำในวัยเด็กกับลูกๆ คุณแม่วัยสาวซึ่งสามีเป็นนักเดินป่าตัวยงพร้อมห้องถ้วยรางวัลที่น่าประทับใจเป็นหนึ่งในนั้น เธอและลูกน้อยที่อยู่ข้างๆได้สัมผัสถึงช่วงเวลาที่บีบคั้นและเศร้าโศกเมื่อแบมบี้สูญเสียแม่ให้กับนายพราน จนถึงวันนี้ ในการสังสรรค์ของครอบครัวเธอมักจะระลึกถึงความอับอายเมื่อลูกชายตัวน้อยตะโกนอย่างไร้เดียงสาในโรงภาพยนต์ว่า “ยิงได้เยี่ยม!”

เราหัวเราะได้กับเรื่องอับอายที่ลูกๆของเราพูดภายหลังเหตุการณ์ แต่เราจะพูดอะไรได้เมื่อคนในสดุดี 136 ทำสิ่งที่คล้ายคลึงกัน อิสราเอลซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเลือกสรรและได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า ได้เฉลิมฉลองความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อสิ่งทรงสร้างและตัวพวกเขาเอง แต่ไม่รวมถึงศัตรูของพวกเขา พระธรรมสดุดีร้องเพลงสรรเสริญถวาย “พระองค์ผู้ทรงตีอียิปต์ทางบรรดาลูกหัวปี” (ข้อ 10 และดูอพย.12:29-30)

นี่ฟังดูคล้ายกับการตะโกนว่า “ยิงได้เยี่ยม” ให้กับการสูญเสียของแม่ พี่สาว พ่อ หรือพี่ชายของใครบางคนไหม

นั่นคือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องรู้เรื่องราวที่เหลือ โดยแสงแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเท่านั้นที่ทำให้โลกได้รับเชิญให้เป็นครอบครัวเดียวกัน และชื่นชมยินดีไปกับเรื่องราว น้ำตาและเสียงหัวเราะร่วมกัน เมื่อเรายอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและมีชีวิตในพระองค์เท่านั้น ที่เราจะสามารถแบ่งปันความอัศจรรย์ของพระเจ้าผู้ทรงรักมนุษย์ทุกคน โดยยอมสละพระชนม์ของพระองค์เองเพื่อเรา

ทำไมต้องเป็นฉัน

หนังสือรวมเรื่องประหลาด (The Book of Odds) บอกว่า หนึ่งในล้านคนเคยถูกฟ้าผ่า และบอกอีกว่า 1 ใน 25,000 คนเคยมีประสบการณ์ที่ทางการแพทย์เรียกว่า “ภาวะหัวใจสลาย” เมื่อตกใจอย่างรุนแรงหรือเผชิญการสูญเสีย ในแต่ละหน้าของประสบการณ์ประหลาดนี้เต็มไปด้วยปัญหาเฉพาะเจาะจงที่ไม่มีคำตอบว่า ถ้าเราคือคนนั้นล่ะ

โยบฟันฝ่าเรื่องประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปได้ พระเจ้าตรัสถึงท่านว่า “ในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย” (โยบ 1:8) กระนั้นโยบยังถูกเลือกให้ทนทุกข์จากการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ในบรรดาคนทั้งโลก โยบมีเหตุผลที่จะร้องขอคำตอบ เราอ่านเรื่องราวการต่อสู้สิ้นหวังทั้งหมดของท่านได้เพื่อจะเข้าใจว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน”

เรื่องของโยบมอบหนทางแก่เราในการตอบสนองต่อความเจ็บปวดและความเลวร้ายที่อธิบายไม่ได้ โดยบรรยายถึงความทุกข์และสับสนของคนซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของพระเจ้าในเรื่องความชอบธรรมและเมตตา (บทที่ 25) เราได้รับทางเลือกภายใต้กฎอันเข้มงวดของการหว่านและการเกี่ยว (4:7-8) โดยการรู้เบื้องหลังแผนร้ายของซาตาน (บทที่ 1) และบทสรุป (42:7-17) จากพระเจ้าผู้ซึ่งในวันหนึ่งจะทรงยอมให้พระบุตรของพระองค์มาแบกรับความบาปของเรา เรื่องราวของโยบให้เหตุผลที่เราจะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ตามที่ตามองเห็น

ช้าอย่างมีเหตุผล

ในสารคดี ชีวิตสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี เดวิด แอตเทนเบอราผู้ดำเนินรายการปีนขึ้นต้นไม้ไปดูตัวสล็อธสามนิ้วที่น่าขัน เมื่อเจอหน้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเคลื่อนไหวช้าที่สุดในโลก เขาทักทายว่า “จ๊ะเอ๋” เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ เขาจึงอธิบายว่าสล็อธสามนิ้วย่อมเคลื่อนไหวช้า เพราะมันกินใบไม้เป็นอาหารหลักซึ่งย่อยยากและมีสารอาหารน้อย

ในประวัติศาสตร์อิสราเอล เนหะมีย์กล่าวถึงตัวอย่างและอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นช้าๆ (9:9-21) ท่านบันทึกว่า พระเจ้าของเราเป็นตัวอย่างสูงสุดของการโกรธช้า ท่านเล่าว่าพระเจ้าดูแลชนชาติของพระองค์ ทรงสอนพระบัญญัติที่ให้ชีวิต ค้ำจุนพวกเขาเมื่อเดินทางออกจากอียิปต์ และจัดเตรียมแผ่นดินแห่งพระสัญญาให้ (ข้อ 9-15) ถึงแม้ชนชาติอิสราเอลจะดื้อรั้นอยู่บ่อยๆ (ข้อ 16) พระเจ้าไม่เคยเลิกรักพวกเขา องค์พระผู้สร้างทรง “มีพระทัยเมตตาและกรุณา ทรงพระพิโรธช้า และทรงอุดมด้วยความรักมั่นคง” (ข้อ 17) เพราะเหตุใดพระองค์จึงทรงยอมอดทนอดกลั้นต่อการบ่นต่อว่า ดื้อรั้น และการไม่ไว้วางใจของพวกเขาถึงสี่สิบปี (ข้อ 21) เป็นเพราะ “พระกรุณาอันอุดม” ของพระองค์ (ข้อ 19)

แล้วเราเป็นอย่างไร อารมณ์ร้อนเป็นสัญญาณของจิตใจที่เย็นชา แต่พระทัยอันประเสริฐของพระเจ้าทำให้เราอดทนในการดำเนินชีวิตอยู่และรักไปด้วยกันกับพระองค์

ไฟศักดิ์สิทธิ์

หลังจากฝนแล้งมาหลายปี ชาวบ้านบางคนคิดว่าไฟป่าในแคลิฟอร์เนียตอนใต้เป็นการกระทำของพระเจ้า ความคิดที่น่าสับสนนี้ยิ่งฟังดูหนักแน่นเมื่อแหล่งข่าวเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ไฟศักดิ์สิทธิ์ คนมากมายที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้ ไม่ทราบว่าหมายถึงหุบเขาจิมผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตามประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จิมเป็นคนเลี้ยงผึ้งในศตวรรษที่ 19 ไร้ศาสนาและเป็นคนพาล เพื่อนบ้านจึงตั้งชื่อนี้ให้เป็นการประชดประชัน

ยอห์นผู้ให้บัพติศมา กล่าวถึงการบัพติศมาด้วย “พระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ” ซึ่งมีที่มาและคำอธิบายในตัวเอง (ลก.3:16) เมื่อมองย้อนไป ยอห์นคงจะนึกถึงพระเมสสิยาห์และไฟถลุงแร่ที่ผู้เผยพระวจนะมาลาคีได้พยากรณ์ไว้ (3:1-3; 4:1) แต่หลังจากที่พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาเหมือนลมและเปลวไฟเหนือเหล่าสาวก ผู้คนจึงหันมาสนใจถ้อยคำของมาลาคีและยอห์น (กจ.2:1-4)

ไฟที่ยอห์นทำนายไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้คนคาดคิด ไฟนั้นมาจากพระเจ้าพร้อมกับความกล้าหาญในการประกาศพระเมสสิยาห์และไฟศักดิ์สิทธิ์อีกแบบหนึ่ง ไฟนั้นจะเปิดเผยและทำลายล้างความพยายามที่ไร้ผลของมนุษย์เรา และทำให้เกิดความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความดี ความปรานี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน ซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กท.5:22-23) พระเจ้าปรารถนาให้การงานนี้เกิดขึ้นภายในเรา - MRD II

มดหาบ้าน

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ระบุว่า มดภูเขาในยุโรปอาจเก่งกว่าเราในการเป็นเจ้าตลาดที่อยู่อาศัย นักวิจัยพบว่า มดหนึ่งรังมีมดงานคอยสำรวจสภาพความเป็นอยู่ในรังเป็นประจำ ทักษะทางสังคมที่ซับซ้อนนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ มดภูเขาช่วยกันหาที่อยู่ที่เหมาะสมทั้งพื้นที่ แสงสว่างและความปลอดภัย เพื่อให้มดราชินีและตัวอ่อน มีที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา