ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Lisa M. Samra

Lisa Samra

Lisa desires to see Christ glorified in her life and in the ministries where she serves. Born and raised in Texas, Lisa is always on the lookout for sweet tea and brisket. She graduated with a Bachelor of Journalism from the University of Texas and earned a Master of Biblical Studies degree from Dallas Theological Seminary. Lisa now lives in Grand Rapids, Michigan, with her husband, Jim, and their four children. In addition to writing, she is passionate about facilitating mentoring relationships for women, and developing groups focused on spiritual formation and leadership development. Lisa has been blessed to travel extensively and often finds inspiration from experiencing the beauty of diverse cultures, places, and people. Lisa enjoys good coffee, running, and reading—just not all at the same time.

บทความ โดย Lisa Samra

รู้จักพระเจ้า

เมื่อไปเยือนไอร์แลนด์ ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการประดับตกแต่งไปทั่วด้วยใบแชมร็อกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ พืชไม้ดอกที่มีกลีบใบสีเขียวเล็กๆสามกลีบพบเห็นได้ในร้านค้าทุกแห่ง บนข้าวของทุกอย่าง เสื้อผ้า หมวก เครื่องประดับและอื่นๆ!

ยิ่งกว่าการเป็นพืชไม้ดอกที่แพร่หลายทั่วไอร์แลนด์ ใบแชมร็อกนั้นได้รับการยอมรับมาหลายยุคสมัยว่าเป็นรูปแบบง่ายๆในการอธิบายถึงตรีเอกานุภาพ ซึ่งเป็นหลักข้อเชื่อสำคัญของคริสเตียนในประวัติศาสตร์ ที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว ผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์โดยทรงปรากฏในสามบุคคลที่แยกจากกัน คือพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรและพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขณะที่คำอธิบายทั้งหมดของมนุษย์เกี่ยวกับตรีเอกานุภาพนั้นไม่สมบูรณ์ แต่ใบแชมร็อกก็เป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยให้เข้าใจ เพราะมันเป็นพืชใบหนึ่งสายพันธุ์ที่เกิดจากลำต้นเดียวกัน โดยมีกลีบใบแยกจากกันสามกลีบ

คำว่า ตรีเอกานุภาพ ไม่มีในพระคัมภีร์ แต่เป็นการสรุปความจริงทางศาสนศาสตร์ที่เราเห็นอย่างชัดเจนในพระวจนะตอนต่างๆเมื่อมีบุคคลทั้งสามในตรีเอกานุภาพปรากฏในเวลาเดียวกัน ขณะที่พระเยซูพระบุตรของพระเจ้ารับบัพติศมา จะเห็นพระเจ้าพระวิญญาณเสด็จลงมาจากฟ้าสวรรค์ “ดุจนกพิราบ” แล้วได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าพระบิดาว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา” (มก.1:10-11)

ชาวไอริชที่เชื่อในพระเยซูใช้ใบแชมร็อกเพราะต้องการช่วยให้ผู้คนรู้จักพระเจ้า เมื่อเราเข้าใจความงดงามของตรีเอกานุภาพอย่างถ่องแท้มากขึ้น ก็จะช่วยให้เรารู้จักพระเจ้าและนมัสการพระองค์ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น “ด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (ยน.4:24)

เดียวดายแต่ไม่ถูกลืม

เมื่อคุณฟังเรื่องราวของพวกเขา เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นนักโทษคือความโดดเดี่ยวและความเหงา อันที่จริงแล้ว มีการศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่านักโทษส่วนใหญ่ไม่ว่าจะถูกจองจำนานแค่ไหน จะมีเพื่อนหรือผู้ที่รักมาเยี่ยมเพียง 2 ครั้งในตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในห้องขัง ความเหงาจึงเป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ผมคิดภาพว่าโยเซฟคงรู้สึกเจ็บปวดขณะที่อยู่ในเรือนจำ ท่านถูกกล่าวโทษความผิดอย่างไม่เป็นธรรม ท่านมีความหวังอันริบหรี่จากการที่พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านแก้ความฝันได้อย่างถูกต้องให้กับเพื่อนผู้ต้องขังที่บังเอิญเป็นคนที่กษัตริย์ไว้วางใจ โยเซฟบอกกับเขาว่า เขาจะได้กลับไปรับตำแหน่งเดิมและขอให้คนนั้นบอกกับฟาโรห์เรื่องของโยเซฟเพื่อโยเซฟจะได้รับอิสรภาพ (ปฐก.40:14) แต่ชายคนนั้น “มิได้ระลึกถึงโยเซฟ กลับลืมเขาเสีย” (ข้อ 23) โยเซฟต้องรออีกสองปี ในช่วงสองปีแห่งการรอคอยโดยไม่มีสัญญาณใดว่าสถานการณ์ของท่านจะเปลี่ยนแปลง โยเซฟไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับท่าน ในที่สุด คนรับใช้ของฟาโรห์ก็จำได้ถึงคำสัญญาของเขาและโยเซฟก็ได้ถูกปล่อยตัวหลังจากแก้ความฝันได้ถูกต้องอีกครั้ง (41:9-14)

ไม่ว่าสถานการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราถูกลืม และความรู้สึกเหงาหรือเดียวดายใดๆที่คืบคลานเข้ามา เราสามารถยึดพระสัญญาที่พระเจ้าทรงยืนยันกับลูกๆของพระองค์ไว้ได้ว่า “เราจะไม่ลืมเจ้า” (อสย.49:15)

ระลึกถึงในคำอธิษฐาน

มัลคอล์ม เคลาต์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้รับพระราชทานเหรียญ Maundy Money ประจำปี 2021 จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับงานปรนนิบัตรับใช้ที่มอบให้กับชายหญิงชาวอังกฤษเป็นประจำทุกปี เคลาต์ ผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีในปีนั้นที่เขาได้รับเหรียญจากการแจกพระคัมภีร์จำนวนหนึ่งพันเล่มตลอดชีวิตของเขา และเขาได้จดรายชื่อของทุกคนที่ได้รับพระคัมภีร์ไว้และอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ

ความสัตย์ซื่อในการอธิษฐานของเคลาต์เป็นตัวอย่างอันทรงพลังของความรักแบบที่เราพบตลอดงานเขียนของเปาโลในพันธสัญญาใหม่ เปาโลมักจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับจดหมายว่าท่านอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ ท่านเขียนถึงฟีเลโมนสหายของท่านว่า “เมื่อข้าพเจ้านึกถึงท่านในคำอธิษฐาน ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ” (ฟม.1:4 TNCV) และในจดหมายถึงทิโมธี เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในคำอธิษฐานอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน” (2ทธ.1:3 TNCV) ส่วนคริสตจักรในกรุงโรม เปาโลย้ำว่าท่านระลึกถึงพวกเขาในคำอธิษฐาน “เสมอ” และ “ทุกครั้ง” (รม.1:9-10 TNCV)

แม้ว่าเราอาจไม่มีผู้คนนับพันให้อธิษฐานเผื่อเหมือนเคลาต์ แต่การตั้งใจอธิษฐานเผื่อคนที่เรารู้จักนั้นมีพลัง เพราะพระเจ้าทรงตอบสนองต่อท่าทีในการอธิษฐานเช่นนั้น เมื่อพระวิญญาณทรงกระตุ้นเตือนให้อธิษฐานเผื่อใครบางคน ฉันพบว่าปฏิทินอธิษฐานแบบเรียบง่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ การแบ่งรายชื่อเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ในปฏิทินช่วยให้ฉันอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ ช่างเป็นการสำแดงความรักที่สวยงามเมื่อเราระลึกถึงผู้อื่นในคำอธิษฐาน

เสริมกำลังในทุกวัน

บริสุทธิ์ทุกโมงยาม เป็นหนังสือคำอธิษฐานที่ดีสำหรับกิจกรรมต่างๆรวมถึงเรื่องทั่วไป เช่น การเตรียมอาหารหรือซักผ้า การงานที่จำเป็นต่างๆ ซึ่งเราอาจรู้สึกจำเจหรือเป็นเรื่องสามัญ หนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของจี.เค.เชสเตอร์ตัน ผู้เขียนที่กล่าวว่า “ท่านอธิษฐานก่อนมื้ออาหาร นั่นก็ดี แต่ข้าพเจ้าอธิษฐานก่อนร่างภาพ ระบายสี ว่ายน้ำ ฟันดาบ ชกมวย เดิน เล่น เต้นรำ และก่อนที่ข้าพเจ้าจะจุ่มปากกาลงในหมึก”

คำหนุนใจเช่นนั้นปรับมุมมองเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆในสมัยของฉัน บางครั้งฉันมักจำแนกกิจกรรมต่างๆ ออกเป็นกิจกรรมที่ดูมีคุณค่าฝ่ายวิญญาณ เช่น การอ่านบทเฝ้าเดี่ยวก่อนรับประทานอาหาร และบางกิจกรรมที่มีคุณค่าฝ่ายวิญญาณเพียงเล็กน้อย เช่น การล้างจาน ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงชาวโคโลสีผู้เลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซูนั้น ท่านได้ขจัดเอาการแบ่งแยกนี้ออกไป ท่านหนุนใจพวกเขาด้วยถ้อยคำเหล่านี้ “และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า” (3:17) การทำสิ่งต่างๆในพระนามของพระเยซูหมายถึงทั้งการถวายเกียรติแด่พระองค์ขณะที่เราทำสิ่งเหล่านั้น และมั่นใจว่าพระวิญญาณของพระองค์ทรงเสริมกำลังให้เราทำสิ่งนั้นสำเร็จ

“เมื่อท่านจะกระทำสิ่งใด” กิจกรรมธรรมดาทุกอย่างในชีวิตของเราในทุกช่วงเวลานั้น จะได้รับการเสริมกำลังจากพระวิญญาณของพระเจ้าและกระทำให้สำเร็จได้ในหนทางที่ถวายเกียรติแด่พระเยซู

เชื่อมต่อกับแหล่งแห่งฤทธิ์เดช

แม้รู้ว่าหลังเกิดพายุรุนแรง ไฟฟ้าจะใช้ไม่ได้ในบ้านของเรา (เหตุการณ์ปกติที่ไม่สะดวกในละแวกบ้านเรา) แต่เมื่อเข้าไปในห้อง ฉันก็กดสวิตช์เปิดไฟตามสัญชาตญาณ แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นความมืดมิดยังคงปกคลุมรอบตัวฉัน

ประสบการณ์ดังกล่าว คือการคาดหวังว่าจะมีแสงสว่างแม้ในขณะที่รู้ว่าการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานเสียหายแล้ว ทำให้ฉันระลึกถึงความจริงฝ่ายวิญญาณอย่างชัดแจ้ง บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราคาดหวังว่าจะได้รับกำลังหรือฤทธิ์เดชแม้ในยามที่เราไม่ได้พึ่งพาองค์พระวิญญาณ

ใน 1 เธสะโลนิกา เปาโลกล่าวถึงวิธีที่พระเจ้าทรงทำให้ข่าวประเสริฐปรากฏ “มิใช่มาด้วยถ้อยคำเท่านั้น แต่ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยความไว้ใจอันเต็มเปี่ยม” (1:5) และเมื่อเราน้อมรับการอภัยจากพระเจ้า ผู้เชื่อก็สามารถเข้าถึงฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ในชีวิตเราได้ทันที ฤทธิ์เดชนั้นบ่มเพาะคุณลักษณะต่างๆในตัวเรา เช่น ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ (กท.5:22-23) และให้กำลังแก่เราด้วยของประทานนานาประการเพื่อรับใช้คริสตจักร รวมทั้งการสอน การให้ความช่วยเหลือ และการให้คำแนะนำ (1คร.12:28)

เปาโลเตือนผู้อ่านว่าเป็นไปได้ที่จะ “ดับพระวิญญาณ” (1ธส.5:19) เราอาจจำกัดฤทธิ์เดชของพระวิญญาณได้ โดยการไม่ใส่ใจในการสถิตอยู่ของพระเจ้าหรือปฏิเสธการทรงทำให้รู้แจ้งในเรื่องความผิด (ยน.16:8) แต่เราไม่ต้องดำเนินชีวิตที่ขาดการเชื่อมต่อกับพระองค์ เพราะฤทธิ์เดชของพระเจ้านั้นมีให้กับลูกๆของพระองค์ทุกเวลา

ฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อแรงของลมพายุเฮอร์ริเคนเปลี่ยนการไหลของกระแสน้ำในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้อันกว้างใหญ่ ในเดือนสิงหาคม 2021 เฮอร์ริเคนไอด้าขึ้นฝั่งที่หลุยเซียน่า และทำให้เกิดสิ่งประหลาดคือ “กระแสน้ำเชิงลบ” หมายถึงการที่สายน้ำไหล ทวนกระแส เป็นเวลาหลายชั่วโมง

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในวงจรชีวิตของเฮอร์ริเคนหนึ่งลูกสามารถสร้างพลังงานได้เทียบเท่ากับระเบิดนิวเคลียร์ถึงหนึ่งหมื่นลูก! พลังอันน่าทึ่งที่เปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำช่วยทำให้ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของชนชาติอิสราเอลต่อ “กระแสน้ำเชิงลบ” ที่มีความสำคัญยิ่งกว่าและถูกบันทึกไว้ในหนังสืออพยพ

ขณะหนีจากชาวอียิปต์ที่กดขี่พวกเขามาหลายศตวรรษ ชนชาติอิสราเอลมาถึงริมทะเลแดง ด้านหน้าของพวกเขาเป็นทะเลกว้างและด้านหลังของพวกเขาคือกองทัพอียิปต์ที่แต่งชุดหุ้มเกราะเป็นอย่างดี ในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้นี้ “พระเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลมทิศตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืนทำให้ทะเลกลายเป็นดินแห้ง...ชนชาติอิสราเอลก็พากันเดินบนดินแห้งกลางทะเล” (อพย.14:21-22) เมื่อได้รับการช่วยชีวิตโดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ “ประชากรก็เกรงกลัวพระเจ้า” (ข้อ 31)

การตอบสนองด้วยความรู้สึกยำเกรงเป็นเรื่องปกติหลังจากได้ประสบกับฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น พวกอิสราเอลยังได้ “เชื่อถือพระเจ้า” ด้วย (ข้อ 31) เมื่อเรามีประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง เราเองก็สามารถยืนด้วยความยำเกรงต่อฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและเชื่อวางใจในพระองค์

ใช้ชีวิตในเสรีภาพ

ในรัฐเท็กซัสที่ฉันเติบโตมา ทุกๆวันที่ 19 มิถุนายนจะมีขบวนพาเหรดและการปิกนิกในชุมชนคนผิวดำ จนเมื่อฉันโตเป็นวัยรุ่นจึงได้รู้ถึงความสำคัญอันน่าเศร้าใจของการเฉลิมฉลองวันจูนทีนธ์ (เป็นการรวมคำภาษาอังกฤษที่หมายถึง “มิถุนายน” และ “สิบเก้า”) วันจูนทีนธ์เป็นการรำลึกถึงวันหนึ่งในค.ศ. 1865 ที่ผู้อยู่ในสถานะทาสในรัฐเท็กซัสได้รู้ว่าประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ได้ลงนามในคำประกาศเลิกทาสทำให้พวกเขามีเสรีภาพเมื่อสองปีครึ่งก่อนหน้านั้น ผู้อยู่ในสถานะทาสในเท็กซัสยังคงใช้ชีวิตเป็นทาสต่อไปเพราะไม่รู้ว่าพวกตนเป็นอิสระแล้ว

เป็นไปได้ที่บางคนได้รับเสรีภาพแล้วแต่ยังคงใช้ชีวิตเยี่ยงทาส ในกาลาเทียเปาโลบันทึกเกี่ยวกับการเป็นทาสอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือการใช้ชีวิตภายใต้ข้อเรียกร้องอันเคร่งครัดของกฎเกณฑ์ทางศาสนา ในข้อพระธรรมสำคัญนี้เปาโลหนุนน้ำใจผู้อ่านของท่านว่า “เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่นและอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย” (กท.5:1) ผู้เชื่อในพระเยซูได้ถูกปลดปล่อยจากกฎเกณฑ์ภายนอก อันหมายรวมถึงสิ่งที่เขากินได้และคนที่เขาสามารถคบหาได้ แต่อย่างไรก็ตาม คนมากมายยังคงใช้ชีวิตราวกับว่าตนยังเป็นทาส

น่าเศร้าใจที่ทุกวันนี้เราก็อาจทำเช่นนั้นอยู่ แต่ความเป็นจริงคือในวินาทีที่เราเชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์ทรงปลดปล่อยเราเป็นอิสระจากการใช้ชีวิตในความกลัวแห่งมาตรฐานทางศาสนาที่มนุษย์สร้างขึ้น เสรีภาพได้ถูกประกาศแล้ว ให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีเสรีภาพในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

ต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน

ในขณะที่ครอบครัวของเราต้องกักตัวเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดในทั่วโลกนั้น เราได้เริ่มโครงการแห่งความทะเยอทะยานในการต่อจิ๊กซอว์ 18,000 ชิ้น! แม้เราจะต่อมันเกือบทุกวัน แต่ก็มักจะรู้สึกว่างานของเราไม่คืบหน้าเท่าไหร่ ห้าเดือนถัดมา ในที่สุดเราก็ได้ฉลองการวางชิ้นส่วนสุดท้ายบนภาพจิ๊กซอว์ขนาด 2.4 x 1.8 เมตรที่อยู่บนพื้นห้องอาหารของเรา

บางครั้งชีวิตของฉันก็รู้สึกคล้ายภาพจิ๊กซอว์ขนาดยักษ์ ที่ชิ้นส่วนหลายชิ้นอยู่ในที่ทางของมัน แต่มีอีกมากมายหลายชิ้นยังกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แม้จะรู้ว่าพระเจ้าทรงกำลังทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงฉันให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บางครั้งก็ยากที่จะเห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจน

คำหนุนใจของเปาโลในจดหมายที่เขียนถึงชาวฟีลิปปีช่วยให้ฉันมีกำลังใจอย่างมาก เมื่อท่านบอกว่าท่านอธิษฐานเผื่อพวกเขาด้วยความยินดีเนื่องจากการดีที่พวกเขาได้ทำ (1:3-4) แต่ความมั่นใจของท่านไม่ได้อยู่ที่ความสามารถของพวกเขา แต่อยู่ในพระเจ้า ท่านเชื่อว่า “พระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้...จะทรงกระทำให้สำเร็จ” (ข้อ 6) พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทำงานของพระองค์ให้สำเร็จภายในเรา เช่นเดียวกับการต่อจิ๊กซอว์ที่มีบางส่วนอาจยังต้องการความเอาใจใส่จากเรา และจะมีช่วงเวลาที่ดูเหมือนเราไม่คืบหน้ามากนัก แต่เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าของเราผู้ทรงสัตย์ซื่อจะยังคงต่อชิ้นส่วนเหล่านี้เข้าด้วยกัน

การนำด้วยความรัก

ในวิดีโอที่ถูกส่งต่ออย่างแพร่หลายเป็นเรื่องของแม่หมีที่พยายามพาลูกหมีจอมซนทั้งสี่ตัวของเธอข้ามถนนที่วุ่นวายนั้นทำให้ฉันยิ้มด้วยความเข้าใจ ช่างเป็นความรู้สึกร่วมที่มีความสุขขณะที่ดูแม่หมีอุ้มลูกหมีข้ามถนนทีละตัว แล้วลูกหมีเหล่านั้นก็เดินกลับมาฝั่งเดิม หลังจากความพยายามที่ดูน่าหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง แม่หมีก็สามารถจัดการลูกหมีทั้งสี่ตัวให้ข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย

ภาพของการทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของแม่หมีที่ปรากฏในวิดีโอนั้นตรงกับภาพที่เปาโลใช้อธิบายความห่วงใยของท่านที่มีต่อคนในคริสตจักรเมืองเธสะโลนิกา แทนที่จะเน้นย้ำถึงสิทธิอำนาจของท่าน เปาโลกลับเปรียบเทียบงานของท่านท่ามกลางพวกเขาว่าเป็นดังพ่อแม่ที่ห่วงใยลูก (1 ธส.2:7,11) ความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อชาวเธสะโลนิกา (ข้อ 8) ผลักดันให้เปาโลคอยหนุนใจ ปลอบโยน และผลักดันให้พวกเขา “ใช้ชีวิตอย่างสมควรต่อพระเจ้า” (ข้อ 12) การเรียกร้องอย่างแน่วแน่ให้พวกเขาใช้ชีวิตในทางของพระเจ้านั้น เกิดจากความปรารถนาที่เปี่ยมด้วยความรักของท่านที่อยากจะเห็นพวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกด้านของชีวิต

ตัวอย่างของเปาโลสามารถเป็นแนวทางในการเป็นผู้นำให้กับเราได้ โดยเฉพาะในเวลาที่บทบาทความรับผิดชอบนั้นทำให้เราเหนื่อยล้า เราสามารถรักคนเหล่านั้นที่อยู่ในการดูแลของเราอย่างอ่อนโยนและมั่นคงได้ ด้วยการเสริมกำลังจากพระวิญญาณของพระเจ้าเมื่อเราหนุนใจและนำพวกเขามาหาพระเยซู

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา