คริสต์มาสอยู่กับเรา
“ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียง เมื่อพระองค์เสด็จมา คนผิดคนบาปที่สารภาพ พระองค์จะทรงเมตตา” เนื้อร้องจากบทเพลงสรรเสริญอันเป็นที่รักของคนทั่วโลกโดยฟิลิปส์ บรู๊คที่ชื่อว่า “มีบ้านหมู่น้อยชื่อเบธเลเฮม” บอกถึงหัวใจของคริสต์มาส พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกที่แตกสลายเพื่อช่วยกู้เราจากความผิดบาป และประทานให้ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ได้มีความสัมพันธ์แห่งชีวิตใหม่กับพระบิดา
หลายสิบปีหลังจากเขียนเพลงนี้ บรู๊คเขียนจดหมายถึงเพื่อนบรรยายผลลัพธ์ของความสัมพันธ์นี้ในชีวิตของเขาว่า “ผมบอกคุณไม่ได้ว่าความสัมพันธ์นี้เติบโตขึ้นในตัวผมอย่างไร พระองค์ทรงอยู่ที่นี่ ทรงรู้จักผมและผมรู้จักพระองค์ นี่ไม่ใช่คำพูดลอยๆ แต่เป็นเรื่องจริงที่สุดในโลก และเป็นจริงยิ่งขึ้นทุกวัน และเป็นความพิศวงอันน่ายินดีว่าความสัมพันธ์นี้จะเติบโตไปเป็นแบบใดเมื่อเวลาผ่านไป”
ความเชื่อมั่นในการสถิตอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของบรู๊คสะท้อนถึงพระนามหนึ่งของพระเยซูตามที่อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ว่า “หญิงสาวคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่งและเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล” (อสย. 7:14) พระกิตติคุณมัทธิวได้ให้ความหมายชื่อภาษาฮีบรูนี้ไว้ว่า “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” (1:23)
พระเจ้าเสด็จมาใกล้เราโดยทางพระเยซูเพื่อเราจะรู้จักกับพระองค์เป็นการส่วนตัว และอยู่กับพระองค์ตลอดไป การทรงสถิตอยู่กับเราด้วยความรักเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
พระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่ง
หนึ่งในความล่าช้าที่สุดของการส่งไปรษณีย์ที่มีบันทึกไว้ใช้เวลายาวนานถึง 89 ปี ในปี 2008 เจ้าของบ้านในประเทศอังกฤษได้รับบัตรเชิญงานเลี้ยงซึ่งถูกส่งมาให้กับเจ้าของบ้านคนก่อนตั้งแต่ปี 1919 บัตรเชิญถูกส่งตรงจากไปรษณีย์ของราชวงศ์มาถึงตู้จดหมาย แต่สาเหตุของความล่าช้ายังคงเป็นปริศนา
แม้แต่ความพยายามในการสื่อสารที่ดีที่สุดของมนุษย์ยังทำให้เราผิดหวังได้ในบางครั้ง แต่พระคัมภีร์บอกเราอย่างชัดเจนว่าพระเจ้าไม่เคยพลาดที่จะได้ยินประชากรผู้สัตย์ซื่อของพระองค์ ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 18 เอลียาห์แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่น่าตื่นตะลึงระหว่างพระบาอัลกับพระเยโฮวาห์ ในการเผชิญหน้าเพื่อสำแดงว่าใครคือพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ หลังจากผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลสวดอ้อนวอนหลายชั่วโมง เอลียาห์เยาะเย้ยพวกเขาว่า “ร้องให้ดังๆซี เพราะท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง ท่านกำลังติดธุระอยู่ หรือท่านกำลังไปทุ่ง หรือท่านไปเที่ยว หรือชะรอยท่านกำลังหลับอยู่และจะต้องปลุก” (ข้อ 27) แล้วเอลียาห์ก็อธิษฐานขอให้พระเยโฮวาห์ทรงตอบเพื่อประชากรของพระองค์จะกลับมีความเชื่อ และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้สำแดงให้เห็นอย่างชัดเจน
ขณะที่คำอธิษฐานของเราอาจจะไม่ได้รับคำตอบทันทีเหมือนของเอลียาห์ แต่เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงได้ยิน (สดด.34:17) พระคัมภีร์ย้ำเตือนเราว่าพระองค์ให้ความสำคัญกับคำอธิษฐานของเรามากจนใส่มันไว้ใน “ขันทองคำ” ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์เหมือนเครื่องหอม (วว.5:8) พระเจ้าจะทรงตอบทุกคำอธิษฐานตามพระปัญญาและวิธีที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ ไม่มีจดหมายฉบับใดหายในแผ่นดินสวรรค์
ฟังเสียงข้ามดวงดาว
ลองจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สัญญาณอินเตอร์เน็ต จีพีเอส บลูทูธ หรือเตาไมโครเวฟ นี่คือวิถีชีวิตในเมืองเล็กชื่อว่ากรีนแบงก์ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็น ”เมืองที่เงียบที่สุดในอเมริกา” นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของหอดูดาวกรีนแบงก์ ซึ่งมีกล้องโทรทรรศน์วิทยุนำทางที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล้องนี้ต้องการความ ”เงียบ” เพื่อจะ “ฟัง” คลื่นวิทยุที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ที่มาจากการเคลื่อนที่ของกลุ่มวัตถุและหมู่ดาวในอวกาศ มันมีพื้นผิวรับสัญญาณใหญ่กว่าสนามฟุตบอล และตั้งอยู่ใจกลางเขตปลอดสัญญาณวิทยุแห่งชาติบนพื้นที่ 34,000 ตารางกิโลเมตร ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันกล้องโทรทรรศน์ที่มีความไวสูงไม่ให้ถูกรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์
ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ยิน “ดนตรีของหมู่ดาวในอวกาศ” สิ่งนี้ยังช่วยเตือนผมถึงความจำเป็นที่เราต้องเงียบเสียงลงเพื่อจะฟังเสียงขององค์ผู้สร้างจักรวาล พระเจ้าทรงสื่อสารกับประชากรที่หลงหาย และถูกรบกวนผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เอียงหูของเจ้าและมาหาเรา จงฟังเพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า” (อสย.55:3) พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะมอบความรักอันสัตย์ซื่อของพระองค์ แก่ผู้ที่เสาะหาและหันกลับมาหาพระเจ้าเพื่อรับการอภัยโทษบาป
เราตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้าได้โดยหันจากสิ่งรบกวนมาพบพระองค์ในการอ่านพระคัมภีร์และการอธิษฐาน พระเจ้าไม่ได้ทรงอยู่ห่างไกล พระองค์ปรารถนาให้เราจัดสรรเวลาให้กับพระองค์ เพื่อพระองค์จะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในชีวิตประจำวันของเรา และในตลอดนิรันดร์
รักผู้อื่นด้วยคำอธิษฐาน
“ยังมีคนอธิษฐานเผื่อผมอยู่ไหม” นั่นเป็นหนึ่งในคำถามแรกๆที่มิชชันนารีถามภรรยาทุกครั้งที่เธอได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมในเรือนจำ เขาถูกกล่าวหาและถูกจองจำเพราะความเชื่อเป็นเวลาสองปี ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้งเพราะสภาพแวดล้อมและความรุนแรงในเรือนจำ และผู้เชื่อทั่วโลกอธิษฐานเผื่อเขาอย่างร้อนรน เขาต้องการคำยืนยันว่าคนเหล่านั้นจะไม่หยุดอธิษฐานเพราะเขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงใช้คำอธิษฐานเหล่านั้นด้วยฤทธิ์เดช
คำอธิษฐานเผื่อผู้อื่นของเรา โดยเฉพาะผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความเชื่อนั้นเป็นของประทานที่สำคัญ เปาโลกล่าวชัดเจนในเรื่องนี้เมื่อท่านเขียนถึงผู้เชื่อในเมืองโครินธ์เกี่ยวกับความยากลำบากระหว่างการเดินทางไปประกาศ ท่าน “หนักใจเหลือกำลัง จนเราเกือบหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอดมาได้” (2 คร.1:8) แล้วจากนั้นท่านบอกว่าพระเจ้าทรงปลดปล่อยท่านและอธิบายถึงเครื่องมือที่พระองค์ใช้คือ “เราตั้งความหวังในพระองค์ว่าจะทรงช่วยเราต่อไป เช่นเดียวกับที่ท่านช่วยเราโดยคำอธิษฐานของท่าน” (ข้อ 10-11 TNCV)
พระเจ้าทรงเคลื่อนผ่านคำอธิษฐานของเรา เพื่อจะทำให้สิ่งดีสำเร็จในชีวิตประชากรของพระองค์ วิธีหนึ่งที่จะรักผู้อื่นได้ดีที่สุดคือการอธิษฐานเผื่อพวกเขา เพราะคำอธิษฐานของเราเปิดประตูไปสู่ความช่วยเหลือที่มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ เมื่อเราอธิษฐานเผื่อผู้อื่น เราก็รักพวกเขาด้วยพระกำลังของพระองค์ ไม่มีผู้ใดที่ยิ่งใหญ่หรือรักได้มากกว่าพระองค์
คลื่นลูกใหญ่ที่สุด
ผู้คนชอบเล่น “คลื่นมนุษย์” ในการแข่งกีฬาหรือการแสดงดนตรีทั่วโลก โดยเริ่มจากคนไม่กี่คนที่ยืนขึ้นและชูมือ ไม่นานคนที่นั่งข้างพวกเขาก็ทำตามเป้าหมายคือทำให้เกิดการเคลื่อนที่ต่อเนื่องวนรอบสนามกีฬา เมื่อวนครบรอบแล้ว คนที่เริ่มจะยิ้มและโห่ร้องแล้วทำต่อไป
การทำคลื่นมนุษย์ครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้เกิดขึ้นในการแข่งขันเบสบอลมืออาชีพ ระหว่างทีมโอ๊กแลนด์แอทเลติกส์กับทีมนิวยอร์กแยงกี้ในปี 1981 ผมชอบร่วมเล่นคลื่นมนุษย์เพราะมันสนุก แต่ผมรู้สึกเช่นกันว่า ความสุขและการร่วมใจที่เราได้สัมผัสขณะที่เล่นนั่นเตือนให้นึกถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นข่าวดีเรื่องความรอดในพระเยซูที่รวมใจผู้เชื่อทุกแห่งหนให้สรรเสริญและมีความหวัง “คลื่นลูกใหญ่ที่สุด”นี้ เริ่มขึ้นมานานกว่ายี่สิบศตวรรษแล้วในเยรูซาเล็ม เปาโลเขียนอธิบายให้กับสมาชิกคริสตจักรในเมืองโคโลสีว่า “[ข่าวประเสริฐ] กำลังเกิดผลและทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเป็นอยู่ในตัวท่านทั้งหลายด้วย ตั้งแต่วันที่ท่านได้ยิน” (คส.1:6) ผลตามธรรมชาติของข่าวดีนี้คือ “ความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับ [เรา] ในสวรรค์” (ข้อ 5 TNCV)
ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จงทำต่อไป เมื่อครบรอบแล้วเราจะเห็นรอยยิ้มของพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้เริ่มต้นทุกสิ่ง
ดำเนินชีวิตตามพระประสงค์
“เรากำลังจะไปพักผ่อนกัน” ภรรยาของผมบอกกับออสตินหลานชายวัยสามขวบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่นำรถเข้าจอดข้างทางในช่วงขาไปของการเดินทาง ออสตินน้อยมองดูเธออย่างครุ่นคิดและพูดว่า “ผมไม่ได้ไปพักผ่อน ผมกำลังไปทำพันธกิจ”
เราไม่แน่ใจว่าหลานชายเราเอาแนวคิดเรื่องการไป “ทำพันธกิจ” มาจากไหน แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้ผมต้องใคร่ครวญระหว่างที่ขับรถไปยังสนามบินว่า ในช่วง 2-3 วันที่เดินทางไปพักผ่อนนี้ ผมระลึกอยู่เสมอหรือไม่ว่าผมยังคง “ทำพันธกิจ” โดยการใช้ทุกช่วงเวลาของชีวิตกับพระองค์และเพื่อพระองค์ ผมคิดอยู่เสมอว่าผมกำลังปรนนิบัติพระองค์ในทุกสิ่งที่ผมทำหรือไม่
อัครทูตเปาโลหนุนใจผู้เชื่อในกรุงโรมเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันว่า “อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า” (รม.12:11) ประเด็นของท่านคือ เราที่มีชีวิตอยู่ในพระเยซูนั้นต้องดำเนินชีวิตด้วยความตั้งใจและความกระตือรือร้น แม้กระทั่งในช่วงเวลาปกติ ชีวิตของเราก็จะมีความหมายใหม่เมื่อเรามองไปที่พระเจ้าด้วยความคาดหวังและดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์
ขณะที่เรานั่งอยู่บนเครื่องบิน ผมอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เป็นของพระองค์ โปรดช่วยที่ข้าพระองค์จะไม่พลาดไปจากสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์สำหรับการเดินทางครั้งนี้”
ทุกๆวันเป็นพันธกิจที่มีความสำคัญเป็นนิตย์ร่วมกับพระองค์
ทำต่อไป
พระเจ้าทรงชอบใช้คนที่โลกนี้มองข้าม วิลเลี่ยม แครีย์เติบโตขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆในช่วงทศวรรษ 1700 และเรียนไม่สูงนัก เขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการค้าขายและใช้ชีวิตอย่างยากจน แต่พระเจ้าให้เขามีภาระใจในการประกาศข่าวประเสริฐ และทรงเรียกเขาให้เป็นมิชชันนารี แครีย์เรียนภาษากรีก ฮีบรู และละติน และต่อมาได้แปลพันธสัญญาใหม่เป็นภาษาเบงกาลี ในปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งพันธกิจยุคใหม่” แต่ในจดหมายที่เขียนถึงหลานชาย เขาเล่าอย่างถ่อมใจว่า “ลุงยังทำต่อไปได้ ลุงพยายามต่อได้”
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้เราทำภารกิจ พระองค์จะทรงประทานกำลังให้เราสามารถทำได้ไม่ว่าเราจะมีข้อจำกัดใด ในผู้วินิจฉัย 6:12 ทูตของพระเจ้าปรากฏแก่กิเดโอนและกล่าวว่า “เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า” ทูตนั้นบอกให้ท่านไปกอบกู้อิสราเอลจากคนมีเดียนที่มาโจมตีเมืองและพืชผล แต่กิเดโอนซึ่งยังไม่ได้มีสถานะเป็น “บุรุษผู้กล้าหาญ” กล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้อย่างไร...ข้าพระองค์ก็เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในครอบครัวของข้าพระองค์” (ข้อ 15) กระนั้น พระเจ้าก็ยังทรงใช้กิเดโอนเพื่อปลดปล่อยประชากรของพระองค์
กุญแจสำคัญในความสำเร็จของกิเดโอนอยู่ตรงประโยคที่ว่า “พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า” (ข้อ 12) เมื่อเราดำเนินกับองค์พระผู้ช่วยให้รอดด้วยใจถ่อมและพึ่งพาในพระกำลังของพระองค์ พระองค์จะให้กำลังเราในการทำให้สำเร็จในงานซึ่งมีแต่พระองค์เท่านั้นที่ทำได้
เพื่อนในยามผิดพลาด
ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 1939 นักล่าสมบัติสามคนพร้อมกับทีมถ่ายทำได้ขุดพื้นด้านนอกของสนามฮอลลีวู้ดโบวล์ ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อหาสมบัติแห่งหุบเขาคาเวงก้า ที่มีทั้งทองคำ เพชร และไข่มุกตามคำเล่าลือว่าถูกฝังไว้เมื่อ 75 ปีก่อน
พวกเขาไม่พบอะไร หลังจากใช้เวลาอยู่ 24 วัน พวกเขาขุดไปกระแทกโดนก้อนหินใหญ่จึงต้องหยุด สิ่งที่ได้มีเพียงหลุมกว้าง 9 ฟุต ลึก 42 ฟุต พวกเขาจากไปด้วยความผิดหวัง
ความผิดพลาดคือเรื่องธรรมดาของมนุษย์ บางครั้งเราก็ล้มเหลว พระคัมภีร์บอกเราว่ามาระโกละทิ้งเปาโลและบารนาบัสตอนเดินทางไปประกาศ “และไม่ได้ทำงานร่วมกับเขาต่อไป” ดังนั้น “เปาโลไม่เห็นควรที่จะพา[เขา]ไปด้วย” ในครั้งต่อมา (กจ.15:38) ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับบารนาบัส ถึงแม้ว่ามาระโกเคยทำผิดพลาด แต่หลายปีหลังจากนั้นท่านก็ปรากฏตัวขึ้นอีก เมื่อครั้งที่เปาโลรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ในคุกในช่วงท้ายของชีวิต ท่านได้เรียกหามาระโกและเรียกท่านว่า ผู้ที่ “ช่วยปรนนิบัติข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี” (2 ทธ.4:11) พระเจ้ายังทรงดลใจให้มาระโกเขียนพระกิตติคุณตามชื่อของท่าน
ชีวิตของมาระโกแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เราเผชิญกับความผิดพลาดและล้มเหลวตามลำพัง เรามีเพื่อนผู้ยิ่งใหญ่กว่าทุกความผิดพลาดเมื่อเราติดตามองค์พระผู้ช่วย พระองค์จะทรงประทานความช่วยเหลือและกำลังให้กับเรา
ความหวังแห่งการไถ่
ชายคนหนึ่งดูเหมือนเลวทรามเกินกว่าจะได้รับการไถ่ เขายิงคนไป 8 คน (เสียชีวิต 6 คน) และวางเพลิงเกือบ 1,500 ครั้งซึ่งสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวเมืองนิวยอร์กในช่วงทศวรรษ 1970 เขาทิ้งจดหมายไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อเย้ยหยันเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในที่สุดเขาก็ถูกจับและได้รับโทษจำคุกในแต่ละคดี ตั้งแต่ 25 ปีไปจนถึงตลอดชีวิต