เดินเคียงข้างผู้อื่น
บิลลี่สุนัขใจดีและซื่อสัตย์กลายเป็นดาราในอินเทอร์เน็ตในปี 2020 รัสเซลเจ้าของบิลลี่ข้อเท้าหักและใช้ไม้ค้ำยันเวลาเดิน ต่อมาไม่นานบิลลี่เริ่มเดินกะโผลกกะเผลกเวลาที่เดินไปกับเจ้าของ ด้วยความเป็นห่วงรัสเซลจึงพาบิลลี่ไปหาสัตวแพทย์ซึ่งบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ! บิลลี่วิ่งเป็นปกติเวลาอยู่ตามลำพัง ปรากฏว่าบิลลี่แกล้งเดินกะเผลกเวลาเดินกับเจ้าของ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าการพยายามเข้าใจในความเจ็บปวดของคนอื่นอย่างแท้จริง!
การอยู่เคียงข้างผู้อื่นคือสิ่งสำคัญในลำดับแรกๆที่เปาโลสอนคริสตจักรในกรุงโรม ท่านสรุปห้าข้อสุดท้ายของบัญญัติสิบประการว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (รม.13:9) เราเห็นความสำคัญของการเดินเคียงข้างผู้อื่นในข้อ 8 ด้วยว่า “อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน”
นักเขียน เจนนี่ อัลเบอส์ ให้คำแนะนำไว้ว่า “เวลาที่มีคนชอกช้ำ อย่าพยายามแก้ไขเขา (คุณทำไม่ได้) เวลาที่มีคนเจ็บปวด อย่าพยายามเอาความเจ็บนั้นไปจากเขา (คุณทำไม่ได้) แต่จงรักพวกเขาด้วยการเดินเคียงข้างไปกับเขาในความเจ็บปวดนั้น (คุณทำได้) เพราะบางครั้งสิ่งที่คนเราต้องการคือ การรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
เพราะพระเยซูองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเดินเคียงข้างไปกับเราผ่านความเสียใจและความเจ็บปวด เราจึงรู้ว่าการเดินเคียงข้างผู้อื่นนั้นมีความหมายเพียงใด
ปรารถนาอยากมีบ้าน
ในนวนิยายเรื่อง โลกของแอนน์ แอนน์ซึ่งเป็นตัวละครหลักปรารถนาอยากมีครอบครัว เธอเป็นเด็กกำพร้าที่หมดหวังกับการหาที่ซึ่งเธอจะเรียกได้ว่าบ้าน วันหนึ่งเธอได้ยินว่าชายสูงวัยชื่อ แมทธิวและมาริลลาน้องสาวของเขาจะรับเธอไปเลี้ยง ในระหว่างนั่งรถม้ากลับไปบ้าน แอนน์ขอโทษที่พูดมาก แต่แมทธิวที่เป็นคนพูดน้อยบอกว่า “เธออยากพูดมากแค่ไหนก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก” แอนน์ดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าไม่มีใครอยากให้เธออยู่ใกล้ๆ และยิ่งไม่อยากฟังเธอพูด เมื่อมาถึงบ้าน ความหวังของเธอพังทลายเมื่อได้รู้ว่าพี่น้องคู่นี้คิดว่าจะรับเลี้ยงเด็กผู้ชายเพื่อให้มาช่วยทำงานในฟาร์ม เธอกลัวว่าจะถูกส่งกลับ แต่ความปรารถนาของแอนน์ที่จะมีบ้านแห่งความรักก็เป็นจริงเมื่อพวกเขารับเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
เราทุกคนต่างเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่เป็นที่ต้องการหรือโดดเดี่ยว แต่เมื่อเรากลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าผ่านทางความรอดในพระเยซูแล้ว พระองค์จะเป็นบ้านที่ปลอดภัยให้แก่เรา (สดด.62:2) พระองค์ทรงยินดีในเรา และชวนให้เราพูดคุยกับพระองค์ในทุกเรื่อง ทั้งความกังวล ความเศร้า และความหวัง ผู้เขียนสดุดีบอกเราว่าเราสามารถ “สงบคอยท่าพระเจ้า” และ “ระบายความในใจ...ต่อพระองค์” (ข้อ 5, 8)
อย่าลังเล จงพูดกับพระเจ้ามากเท่าที่คุณต้องการ พระองค์ไม่ทรงรังเกียจ พระองค์ทรงยินดีในหัวใจของเรา คุณจะได้พบบ้านที่พักพิงในพระองค์
ความเชื่อที่ไม่สั่นคลอน
เควินเดินเข้าไปในบ้านพักคนชราเพื่อไปรับของใช้ส่วนตัวของพ่อหลังจากที่ท่านเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ยื่นกล่องเล็กๆสองกล่องให้เขา เขากล่าวว่าเขาได้ตระหนักในวันนั้น ว่าแท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สิ่งของมากมายเพื่อจะมีความสุข
แลร์รี่พ่อของเขาไม่มีความกังวลใดๆ และมักจะมีรอยยิ้มและคำพูดที่ให้กำลังใจผู้อื่นอยู่เสมอ เหตุผลที่ทำให้พ่อมีความสุขคือ “(สิ่ง)ของ” อีกอย่างหนึ่งที่ใส่ลงไปในกล่องไม่ได้ นั่นคือความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนในพระเยซูพระผู้ไถ่ของท่าน
พระเยซูทรงกำชับเราให้ “ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์” (มธ.6:20) พระองค์ไม่ได้ห้ามเรามีบ้าน ซื้อรถ เก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต หรือมีทรัพย์สิ่งของมากมายไว้ในครอบครอง แต่พระองค์ทรงกำชับเราให้ตรวจสอบสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ใจของแลร์รี่จดจ่ออยู่ที่ใดหรือ หัวใจของท่านจดจ่อที่จะรักพระเจ้าด้วยการรักผู้อื่น ท่านจะเดินไปมาในตึกที่พักอยู่ คอยทักทายและให้กำลังใจผู้คนที่ท่านพบเจอ หากใครมีน้ำตา ท่านจะอยู่ที่นั่นพร้อมถ้อยคำหนุนใจ หรือหูที่รับฟัง หรือคำอธิษฐานที่จริงใจ ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับการมีชีวิตเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าและเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น
เราอาจจะต้องถามตัวเองว่า เราจะมีความสุขได้ไหมกับการมีสิ่งของจำนวนน้อยลงที่มากวนใจหรือเบี่ยงเบนความสนใจเราไปจากสิ่งที่สำคัญกว่า คือการรักพระเจ้าและผู้อื่นได้มากขึ้น “ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (ข้อ 21) การใช้ชีวิตของเราจะสะท้อนถึงสิ่งที่เราให้คุณค่า
ดำเนินโดยความเชื่อ
แกรี่มีปัญหาเรื่องการทรงตัวในขณะเดิน แพทย์จึงสั่งให้ทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้ทรงตัวดีขึ้น ระหว่างการบำบัดครั้งหนึ่ง นักกายภาพบำบัดบอกเขาว่า “คุณวางใจในสิ่งที่มองเห็นมากเกินไป แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้อง! คุณไม่ได้พึ่งพาระบบอื่นๆของคุณมากพอ ทั้งความรู้สึกใต้ฝ่าเท้าและสัญญาณจากหูชั้นใน ซึ่งมีไว้เพื่อช่วยคุณในการรักษาสมดุล”
“คุณวางใจในสิ่งที่คุณมองเห็นมากเกินไป” ทำให้ฉุกคิดถึงเรื่องของดาวิดเด็กหนุ่มผู้เลี้ยงแกะ และการเผชิญหน้ากับโกลิอัท โกลิอัทยอดทหารชาวฟีลิสเตีย “ออกมายืนท้า” อยู่สี่สิบวันให้กองทัพอิสราเอลส่งคนมาสู้กับเขา (1 ซมอ.17:16) แต่สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจตามธรรมชาติแล้วย่อมทำให้พวกเขากลัว จนเมื่อเด็กหนุ่มดาวิดมาถึงเพราะบิดาของเขาสั่งให้เอาเสบียงมาให้พวกพี่ชาย (ข้อ 18)
ดาวิดมองสถานการณ์นี้อย่างไร โดยความเชื่อในพระเจ้าไม่ใช่ตามที่ตามองเห็น เขาเห็นยักษ์แต่เขาวางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยกู้ประชากรของพระองค์ แม้จะเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่ง แต่เขาทูลกษัตริย์ซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไป...ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้” (ข้อ 32) ต่อมาเขาพูดกับโกลิอัทว่า “การศึกครั้งนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงมอบเจ้าทุกคนไว้ในมือของพวกเรา” (ข้อ 47) และพระเจ้าได้ทรงทำเช่นนั้น
การวางใจในพระลักษณะและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตที่ติดสนิทมากขึ้นโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น
พระเจ้าผู้ทรงรัก
อาจารย์จะจบการเรียนออนไลน์ทุกครั้งโดยพูดหนึ่งในสองประโยคนี้ “พบกันครั้งต่อไป” หรือ “ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์” นักศึกษาบางคนจะตอบว่า “ขอบคุณค่ะ/ครับ อาจารย์ก็เช่นกัน!” แต่วันหนึ่งนักศึกษาคนหนึ่งตอบว่า “ผมรักอาจารย์ครับ” ด้วยความประหลาดใจอาจารย์ตอบกลับว่า “อาจารย์ก็รักเธอเช่นกัน!” เย็นวันนั้น เพื่อนนักศึกษาตกลงกันที่จะพูดคำว่า “เรารักอาจารย์” ต่อๆกัน เพื่อแสดงความขอบคุณที่อาจารย์ต้องสอนหน้าคอมพิวเตอร์ แทนที่จะสอนแบบได้พบหน้ากันอย่างที่ต้องการ สองสามวันต่อมาเมื่อหมดเวลาเรียน อาจารย์พูดว่า “พบกันครั้งต่อไป” แล้วนักศึกษาตอบโดยพูดต่อๆกันว่า “ผม / หนูรักอาจารย์” พวกเขาทำแบบนี้อยู่หลายเดือน อาจารย์คนนี้เล่าว่าการทำเช่นนี้ทำให้เกิดความผูกพันระหว่างเขาและนักศึกษา และตอนนี้เขารู้สึกว่านักศึกษาเป็น “ครอบครัว”
ใน 1 ยอห์น 4:10-21 เราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้ามีเหตุผลสมควรมากมายที่จะกล่าวว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์” ไม่ว่าจะด้วยการที่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเรา (ข้อ 10) ทรงประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้อยู่ในเรา (ข้อ 13, 15) ความรักของพระองค์นั้นเชื่อถือได้เสมอ (ข้อ 16) และเราไม่ต้องกลัวการพิพากษา (ข้อ 17) พระเจ้าทรงช่วยให้เรารักพระองค์และผู้อื่นได้ “เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” (ข้อ 19)
ครั้งต่อไปที่คุณได้พบปะกับคนของพระเจ้า จงใช้เวลาแบ่งปันเหตุผลที่ทำให้คุณรักพระองค์ เมื่อเราพูดต่อๆกันว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์” พระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญและทำให้คุณใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น
อย่ากลัวเลย
ไลนัสในการ์ตูนเรื่องพีนัทส์ เป็นที่รู้จักกันดีจากผ้าห่มนิรภัยผืนสีน้ำเงินที่เขาพกติดตัวไปทุกที่ และไม่อายที่ต้องใช้มันเพื่อความอุ่นใจ ลูซี่พี่สาวของเขาไม่ชอบผ้าห่มผืนนี้เอามากๆ และพยายามกำจัดมันอยู่บ่อยๆ เธอเอามันไปฝัง ทำเป็นว่าว และนำไปใช้ในการจัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์ ไลนัสเองก็รู้ว่าเขาควรจะพึ่งพาผ้าห่มของเขาให้น้อยลงและปล่อยมันไปบ้างในบางครั้งแต่ก็เอามันกลับมาเสมอ
ในภาพยนตร์เรื่องคริสต์มาสของชาร์ลี บราวน์ เมื่อชาร์ลี บราวน์ผู้ผิดหวังถามว่า “ไม่มีใครรู้เลยหรือว่าคริสต์มาสเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร” ไลนัสซึ่งถือผ้าห่มนิรภัยไว้ในมือ ก้าวออกไปกลางเวที พร้อมกับท่องข้อพระคัมภีร์ลูกา 2:8-14 เมื่อมาถึงประโยคที่บอกว่า “อย่ากลัวเลย” เขาก็วางผ้าห่มลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายึดไว้เวลาที่เกิดความกลัว
มีสิ่งใดเกี่ยวกับคริสต์มาสที่เตือนเราว่าเราไม่จำเป็นต้องกลัว ทูตสวรรค์ที่ปรากฏต่อผู้เลี้ยงแกะกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย...พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย...มาบังเกิด” (ลก.2:10-11)
พระเยซูทรงเป็น “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” (มธ.1:23) พระองค์สถิตกับเราผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นพระผู้ปลอบโยนที่แท้จริง (ยน.14:16) ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องกลัว เราสามารถวาง “ผ้าห่มนิรภัย” ลง และไว้วางใจในพระองค์ได้
พระเจ้าทรงเยียวยาความแตกสลายของเรา
คอลลินกับจอร์แดนภรรยาของเขาเดินทั่วร้านขายงานฝีมือเพื่อหารูปภาพที่จะนำมาแขวนที่บ้าน คอลลินคิดว่าเขาเจอชิ้นที่ใช่แล้วจึงเรียกจอร์แดนมาดู ด้านขวาของงานศิลปะเซรามิกชิ้นนี้มีคำว่าพระคุณ แต่ด้านซ้ายมีรอยแตกยาวสองรอย “มันแตกนี่นา!” จอร์แดนพูดขณะเริ่มมองหาชิ้นที่ไม่แตกบนชั้นวาง แต่คอลลินพูดว่า “ไม่ใช่ นั่นแหละคือประเด็น พวกเราแตกสลายแต่แล้วพระคุณก็มาถึง” พวกเขาตัดสินใจซื้อผลงานที่มีรอยแตก เมื่อนำมาจ่ายเงิน พนักงานอุทานว่า “ไม่นะ มันแตกนี่!” “ใช่แล้ว เหมือนกับเรา” จอร์แดนกระซิบ
การเป็นคนที่ “แตกสลาย” หมายความว่าอย่างไร มีคนนิยามไว้ว่า คือการตระหนักอย่างชัดเจนว่าไม่ว่าเราจะพยายามสักเท่าใด ความสามารถในการทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปกลับแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น มันคือการตระหนักว่าเราต้องการพระเจ้าและการแทรกแซงของพระองค์ในชีวิตของเรา
อัครทูตเปาโลพูดถึงการแตกสลายของเราในแง่ของการ “ตายแล้วโดยการละเมิด และการบาป[ของเรา]” (อฟ.2:1) ความจำเป็นที่เราต้องรับการยกโทษและการเปลี่ยนแปลงได้รับคำตอบในข้อ 4 และ 5 “แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวงซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น... พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่... (ซึ่ง[เรา]รอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)”
พระเจ้าทรงปรารถนาจะเยียวยาความแตกสลายของเราด้วยพระคุณของพระองค์เมื่อเรายอมรับว่า “ข้าพระองค์แตกสลาย”
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ขณะเล่นบาสเก็ตบอลอยู่กับพวกเพื่อนผู้หญิง แอมเบอร์คิดขึ้นมาได้ว่าชุมชนของเธอน่าจะได้ประโยชน์จากกลุ่มผู้หญิงนี้ เธอจึงก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อสนับสนุนการร่วมงานเป็นทีมและเสริมสร้างคนรุ่นใหม่ บรรดาผู้นำของกลุ่มที่ชื่อสตรีชู้ตห่วงนี้ มุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจและคุณลักษณะที่ดีในผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และเพื่อหนุนใจให้พวกเขาเป็นผู้ให้ที่มีคุณค่าต่อชุมชนของตน หนึ่งในผู้เล่นของทีมรุ่นแรกซึ่งตอนนี้กลายเป็นพี่เลี้ยงของผู้เล่นใหม่ได้กล่าวไว้ว่า “มิตรภาพอันแน่นแฟ้นท่ามกลางเรานี้ เป็นสิ่งที่ฉันคิดถึงอยู่เสมอ เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหลายด้าน ฉันปรารถนาจะเห็นเด็กสาวเหล่านี้ประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้น”
พระเจ้าทรงปรารถนาเช่นกันที่จะให้คนของพระองค์รวมตัวกันเป็นทีมเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อัครทูตเปาโลหนุนใจชาวเธสะโลนิกาให้ “หนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น” (1 ธส.5:11) พระเจ้าทรงนำเราเข้ามาสู่ครอบครัวแห่งประชากรของพระองค์ เพื่อพวกเขาจะเป็นความช่วยเหลือในชีวิตของเรา เราต้องการซึ่งกันและกันเพื่อจะเดินไปบนเส้นทางชีวิตในพระคริสต์ บางครั้งนั่นอาจหมายถึงการฟังคนอื่นที่กำลังทุกข์ยาก การหยิบยื่นความช่วยเหลือที่จำเป็น หรือการพูดหนุนใจสั้นๆ เราสามารถเฉลิมฉลองความสำเร็จต่างๆ ทูลอธิษฐานขอกำลังในยามลำบาก หรือหนุนใจซึ่งกันและกันให้เติบโตขึ้นในความเชื่อ และในทุกสิ่งนั้นเราสามารถ “หาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง” (ข้อ 15)
เราสามารถชื่นชมกับสัมพันธภาพที่ดีเช่นนี้ เมื่อเราเข้าร่วมทีมกับผู้เชื่อในพระเยซูเพื่อจะไว้วางใจในพระเจ้าร่วมกัน!
ไม่มีความเข้าใจผิด
อเล็กซ่า สิริ หรือผู้ช่วยที่รับคำสั่งด้วยเสียงซึ่งอยู่ในเครื่องใช้อัจฉริยะในบ้านของเราบางครั้งก็เข้าใจผิดในสิ่งที่เราพูด เด็กหญิงวัยหกขวบคุยกับเครื่องใช้อัจฉริยะใหม่ในบ้านของเธอเรื่องคุกกี้และบ้านตุ๊กตา ต่อมาแม่ของเธอได้รับอีเมลว่าคำสั่งซื้อคุกกี้ 3 กิโลกรัมและบ้านตุ๊กตาราคา 5,400 บาทกำลังจะมาส่งที่บ้าน แม้แต่นกแก้วพูดได้ในลอนดอนที่เจ้าของไม่เคยซื้อของออนไลน์ ยังสามารถสั่งซื้อชุดกล่องของขวัญสีทองได้โดยที่เจ้าของไม่รู้ มีคนหนึ่งบอกให้อุปกรณ์ “เปิดไฟในห้องนั่งเล่น” แต่มันตอบว่า “ไม่มีห้องพุดดิ้ง”
การเข้าใจผิดแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระเจ้าเมื่อเราทูลต่อพระองค์ พระองค์ไม่เคยสับสนเพราะทรงรู้จักใจของเราดีกว่าตัวเราเอง พระวิญญาณทรงชันสูตรใจเราและทรงทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า อัครทูตเปาโลบอกกับคริสตจักรในกรุงโรมว่า พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงกระทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ คือการทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นเหมือนพระบุตรมากยิ่งขึ้น (รม.8:28-29) แม้ในขณะที่ “เราอ่อนกำลัง” เราไม่รู้ว่าเราต้องการสิ่งใดเพื่อจะเติบโต พระวิญญาณก็ทรงอธิษฐานแทนเราตามน้ำพระทัยของพระเจ้า (ข้อ 26-27)
คุณมีปัญหาในการแสดงความรู้สึกต่อพระเจ้าอยู่หรือไม่ ไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรและอย่างไรใช่ไหม จงพูดสิ่งที่อยู่ในใจคุณ พระวิญญาณทรงเข้าใจและจะทรงทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ