ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Amy Boucher Pye

รักคนแปลกหน้า

เมื่อฉันย้ายไปต่างประเทศ หนึ่งในประสบการณ์แรกๆที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นั่น หลังจากหาที่นั่งได้แล้วในคริสตจักรเล็กๆแห่งหนึ่งที่สามีฉันเทศนาในวันนั้น มีสุภาพบุรุษชราเสียงห้าวคนหนึ่งทำให้ฉันตกใจเมื่อเขาพูดว่า “ขยับไปที่อื่น” ภรรยาของเขาขอโทษและอธิบายว่าฉันมานั่งที่นั่งประจำของพวกเขา หลายปีต่อมาฉันจึงรู้ว่าคริสตจักรนี้เคยให้คนเช่าที่นั่งเพื่อหาทุนให้คริสตจักร และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมานั่งตรงที่ที่มีเจ้าของ ความคิดนั้นยังติดอยู่แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปีแล้ว

หลังจากนั้นฉันจึงได้ใคร่ครวญสิ่งที่พระเจ้าสอนชาวอิสราเอลให้พวกเขาต้อนรับคนต่างชาติ ซึ่งตรงข้ามกับวิธีปฏิบัติที่ฉันเคยเจอ ในการตั้งกฏเกณฑ์เพื่อให้คนของพระองค์เกิดผลดีนั้น พระองค์ได้เตือนให้พวกเขาต้อนรับคนต่างชาติเพราะพวกเขาเองก็เคยเป็นคนต่างชาติ (ลนต.19:34) ไม่ใช่แค่ปฏิบัติต่อคนต่างชาติอย่างดี (ข้อ 33) แต่ยังต้อง “รักเขาเหมือนกับรักตัวเอง” (ข้อ 34) พระเจ้าได้ช่วยกู้พวกเขาให้รอดจากการถูกข่มเหงในอียิปต์ และให้พวกเขาได้อาศัยในแผ่นดินที่มี “น้ำนมและน้ำผึ้งบริบูรณ์” (อพย.3:17) พระองค์คาดหวังให้คนของพระองค์รักผู้อื่นที่มาอาศัยในแผ่นดินนั้นด้วย

เมื่อพบกับคนแปลกหน้าอยู่ท่ามกลางพวกเรา ขอพระเจ้าช่วยให้เราไม่ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะปิดกั้นเราไม่ให้สำแดงความรักของพระองค์กับพวกเขา

หยุดข่าวลือ

หลังจากชาร์ลส์ ซีเมียน (ค.ศ.1759-1836) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรโฮลี่ทรินิตี้ในเมืองเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษ ท่านเผชิญการต่อต้านอยู่หลายปี เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ในคริสตจักรต้องการให้ผู้รับใช้อีกคนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งแทน พวกเขาจึงแพร่ข่าวลือและปฏิเสธงานรับใช้ของชาร์ลส์หลายครั้งพวกเขาถึงกับปิดประตูไม่ให้ท่านเข้าไปในโบสถ์ แต่ชาร์ลส์ผู้ปรารถนาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ได้หาทางรับมือกับคำนินทาโดยการตั้งกฎในการใช้ชีวิตขึ้น ข้อหนึ่งคือ อย่าเชื่อในข่าวลือนอกจากว่ามันจะเป็นความจริง และอีกข้อคือ “จงเชื่อเสมอว่า หากเราได้ฟังเรื่องจากอีกด้านหนึ่ง เรื่องราวจะต่างออกไปมาก”

ในการทำเช่นนี้ท่านได้ปฏิบัติตามที่พระเจ้าทรงสอนคนของพระองค์ให้หยุดกระจายคำนินทาและคำพูดปองร้าย ซึ่งพระองค์รู้ว่าจะกัดกร่อนความรักที่พวกเขามีต่อกันและกัน หนึ่งในพระบัญญัติสิบประการก็สะท้อนถึงพระประสงค์ที่จะให้พวกเขาใช้ชีวิตตามความจริง “อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน” (อพย.20:16) คำสอนอีกข้อในอพยพก็สนับสนุนพระบัญญัติดังกล่าวว่า “อย่านำเรื่องเท็จไปเล่าต่อๆกัน” (23:1)

ลองคิดดูว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร หากเราแต่ละคนไม่กระจายข่าวลือและเรื่องเท็จ และหยุดมันทันทีที่ได้ยิน ขอให้เราทั้งหลายพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ช่วยเราพูดความจริงด้วยความรัก และใช้คำพูดเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า

ห้ามตกปลา

คอร์รี่ เทน บูม ผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ชาวยิวทราบดีถึงความสำคัญของการให้อภัย ในหนังสือ พเนจรเพื่อพระเจ้า เธอบอกว่า ภาพโปรดในจินตนาการของเธอคือภาพของบาปที่ได้รับการอภัยถูกโยนลงในทะเล “เมื่อเราสารภาพบาป พระเจ้าทรงโยนมันลงไปในมหาสมุทรที่ลึกที่สุด หายไปตลอดกาล... ฉันเชื่อว่าพระเจ้าทรงติดป้ายที่เขียนว่า ห้ามตกปลา ไว้ที่นั่น”

เธอชี้ถึงความจริงที่สำคัญที่บางครั้งผู้เชื่อในพระเยซูอาจไม่เข้าใจ คือเมื่อพระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาปของเรา เราได้รับการอภัยอย่างครบถ้วน เราไม่ต้องมัวขุดคุ้ยการกระทำอันน่าละอาย หรือจมอยู่กับความรู้สึกว่าตนสกปรก แต่เราสามารถยอมรับพระคุณและการอภัยจากพระองค์ และติดตามพระองค์อย่างเสรี

เราพบแนวคิด “ห้ามตกปลา” นี้ในสดุดี 130 ผู้เขียนประกาศว่า แม้พระเจ้าทรงยุติธรรม แต่พระองค์ทรงให้อภัยความบาปแก่ผู้ที่กลับใจ “แต่พระองค์มีการอภัย” (ข้อ 4) เมื่อผู้เขียนสดุดีรอคอยพระเจ้า วางใจในพระองค์ (ข้อ 5) ท่านกล่าวด้วยความเชื่อว่า “พระองค์จะทรงไถ่อิสราเอลจากความบาปผิดทั้งสิ้นของเขา” (ข้อ 8) คนเหล่านั้นที่เชื่อจะได้พบ “การไถ่อย่างสมบูรณ์” (ข้อ 7)

เมื่อเราติดกับอยู่ในความรู้สึกละอายและไร้ค่า เราก็ไม่อาจรับใช้พระเจ้าได้อย่างสุดใจ แต่ถูกจำกัดจากอดีต ถ้าคุณถูกขัดขวางจากความผิดที่เคยทำ จงทูลขอพระเจ้าที่จะช่วยให้คุณเชื่ออย่างหมดใจในของประทานแห่งการอภัยและชีวิตใหม่ในพระองค์ พระองค์ทรงโยนบาปของเราทิ้งในมหาสมุทรแล้ว

เชื่อวางใจในเวลาแห่งความโศกเศร้า

เมื่อชายที่รู้จักกันในนาม “คุณพ่อยอห์น” รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาและแครอลผู้เป็นภรรยาสัมผัสได้ว่าพระเจ้าอยากให้เขาเล่าเรื่องการป่วยนี้บนสื่อออนไลน์ พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงทำงานผ่านความอ่อนแอนี้ พวกเขาจึงโพสต์เล่าถึงช่วงเวลาแห่งความยินดี และความโศกเศร้า ความเจ็บปวดเป็นเวลาสองปี

เมื่อแครอลเขียนว่าสามีของเธอ “จากไปสู่อ้อมกอดของพระเยซู” มีคนนับร้อยเข้ามาแสดงความคิดเห็น หลายคนขอบคุณแครอลที่เปิดเผยเรื่องราว คนหนึ่งบอกว่าการได้ยินเรื่องความตายจากมุมมองของคริสเตียนเป็นเรื่องที่ดี เพราะ “เราทุกคนต่างต้องตาย” ในสักวัน อีกคนบอกว่าแม้ไม่เคยพบกันเธอก็ได้รับกำลังใจอย่างมากผ่านคำพยานเรื่องการวางใจพระเจ้าของพวกเขา

แม้บางครั้งคุณพ่อยอห์นรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่เขาและแครอลก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงค้ำชูพวกเขา พวกเขารู้ว่าคำพยานนี้จะเกิดผลเพื่อพระเจ้า และสะท้อนถึงสิ่งที่เปาโลเขียนถึงทิโมธีเมื่อท่านต้องทนทุกข์ว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อและข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า พระองค์ทรงสามารถรักษาซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับพระองค์จนถึงวันพิพากษาได้​” (2 ทธ.1:12)

พระเจ้าทรงสามารถใช้ความตายของคนที่เรารักเพื่อทำให้ความเชื่อของเรา (และของคนอื่น) เข้มแข็งยิ่งขึ้นได้ ผ่านทางพระคุณที่เราได้รับในพระเยซูคริสต์ (ข้อ 9) หากคุณกำลังพบกับความทุกข์และปัญหา จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าสามารถนำการปลอบประโลมและสันติสุขมาให้คุณได้

พระองค์ทรงเปลี่ยนผม

เมื่อจอห์นผู้เป็นเจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนถูกจับเข้าคุก เขาเชื่อผิดๆ ว่า แต่ผมเป็นคนดี ที่นั่นเขาตัดสินใจเข้ากลุ่มศึกษาพระคัมภีร์เพื่อไปกินเค้กกับกาแฟ แต่เขากลับประทับใจที่เห็นผู้ต้องขังคนอื่นๆดูมีความสุข เขาเริ่มร้องไห้ระหว่างเพลงแรก และต่อมาก็ได้รับพระคัมภีร์ ถ้อยคำจากผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลเปลี่ยนแปลงเขา กระทบใจเขา “เหมือนฟ้าผ่า” เขาอ่านว่า “เมื่อคนอธรรมหันกลับจากความอธรรมที่ตนกระทำไป และกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรม...เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่นอน เขาไม่ต้องตาย” (18:27-28) พระวจนะของพระเจ้ามีชีวิตขึ้นสำหรับเขาและเขาสำนึกได้ว่า “ผมไม่ใช่คนดี...ผมเป็นคนชั่วและจะต้องเปลี่ยนแปลง” ขณะที่อธิษฐานกับศิษยาภิบาล เขากล่าวว่า “ผมได้พบพระเยซูคริสต์และพระองค์ทรงเปลี่ยนผม”

กำลังสำหรับเดินทางต่อ

ฤดูร้อนวันหนึ่ง ฉันต้องรับมือกับภารกิจที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เมื่อกำหนดส่งงานเขียนชิ้นสำคัญกำลังใกล้เข้ามาทุกที ฉันพยายามวันแล้ววันเล่าที่จะเค้นตัวหนังสือออกมา ฉันรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้และอยากยอมแพ้ เพื่อนที่ฉลาดคนหนึ่งถามฉันว่า “ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกสดชื่นคือเมื่อไหร่ คุณอาจต้องพักและหาอะไรอร่อยๆ ทานบ้าง”

ฉันรู้ทันทีว่าเธอพูดถูก คำแนะนำของเธอทำให้ฉันคิดถึงเอลียาห์และข่าวที่น่ากลัวซึ่งรับจากเยเซเบล (1 พกษ.19:2) แม้งานเขียนของฉันจะเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของผู้เผยพระวจนะ หลังเอลียาห์เอาชนะผู้เผยพระวจนะเท็จบนภูเขาคารเมล เยเซเบลก็ส่งสารมาว่านางจะไล่ล่าและฆ่าท่าน เอลียาห์สิ้นหวังและรอความตาย จากนั้นท่านหลับสนิทและมีทูตสวรรค์มาเยี่ยมพร้อมนำอาหารมาให้ถึงสองครั้ง หลังจากที่พระเจ้าทรงฟื้นฟูกำลังกายของท่าน ท่านก็มีกำลังเดินทางต่อไปได้

เมื่อ “ทางเดินนั้นจะเกินกำลัง” ของเรา (ข้อ 7) เราอาจต้องหยุดพักและเพลิดเพลินกับอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อเราหมดแรงหรือหิว เราจะยอมแพ้ต่อความผิดหวังหรือความกลัวได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อพระเจ้าทรงตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเราผ่านทางทรัพยากรของพระองค์ในโลกที่หลงหายนี้ เราก็สามารถก้าวต่อไปในการรับใช้พระองค์

ยืนหยัด

เอเดรียนและครอบครัวทนทุกข์จากการข่มเหงเพราะความเชื่อในประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ แต่พวกเขาก็ยืนหยัดสำแดงความรักของพระคริสต์ เอเดรียนกล่าวขณะยืนที่ลานกว้างของโบสถ์ซึ่งผู้ก่อการร้ายใช้เป็นที่ซ้อมกราดยิง “วันนี้เป็นวันศุกร์ประเสริฐ เรามารำลึกว่าพระเยซูทรงทนทุกข์เพื่อเราทั้งหลายบนกางเขน” เขากล่าวต่อว่า การทนทุกข์เป็นสิ่งที่ผู้เชื่อที่นั่นเข้าใจดี แต่ครอบครัวเขาก็เลือกที่จะยืนหยัด “เราจะยังคงอยู่ที่นี่” ยืนหยัดต่อไป

ผู้เชื่อเหล่านี้ทำตามอย่างพวกผู้หญิงที่เฝ้าดูพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน (มก.15:40) หญิงเหล่านั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบน้อยและของโยเสส และนางสะโลเม พวกเธอยืนหยัดอย่างกล้าหาญ แม้ว่าการแสดงตัวเป็นเพื่อนและครอบครัวของศัตรูของรัฐ อาจนำมาซึ่งการถูกกล่าวหาและลงโทษ ผู้หญิงเหล่านี้ยังแสดงความรักต่อพระเยซูโดยการปรากฏตัวร่วมกับพระองค์ พวกเธอได้ “ติดตามและปรนนิบัติพระองค์” เมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี (ข้อ 41) พวกเธอยืนหยัดร่วมกับพระองค์ในเวลาที่พระองค์ต้องการมากที่สุด

วันนี้เมื่อเราระลึกถึงของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากองค์พระผู้ไถ่คือการสิ้นพระชนม์บนกางเขน ให้เราใช้เวลาไตร่ตรองว่าเราจะยืนหยัดเพื่อพระเยซูในเวลาแห่งการทดลองต่างๆได้อย่างไร (ยก.1:2-4) และคิดถึงการที่ผู้เชื่อทั้งหลายทั่วโลกต้องทนทุกข์เพื่อความเชื่อ ดังเช่นที่เอเดรียนถามว่า “คุณจะยืนหยัดอธิษฐานเผื่อเราได้ไหม”

ชำระแล้ว

คุณเป็นอะไรมา” ซีลนักธุรกิจชาวไนจีเรียถามขณะเขาก้มตัวลงที่เตียงโรงพยาบาลในลากอส “ผมถูกยิง” ชายหนุ่มตอบ ที่ขามีผ้าพันแผล แม้ชายผู้บาดเจ็บหายดีจนกลับบ้านได้แล้ว แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลจนกว่าจะจ่ายค่ารักษา ซึ่งเป็นมาตรการของโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง หลังปรึกษากับนักสังคมสงคราะห์ ซีลจ่ายค่ารักษาทั้งหมดให้โดยไม่เปิดเผยตัว ผ่านกองทุนการกุศลที่เขาตั้งขึ้นก่อนหน้า เพื่อสำแดงความเชื่อคริสเตียนของเขา เขาหวังว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับของขวัญที่ทำให้กลับบ้านได้จะรู้จักให้ผู้อื่นในวันข้างหน้าด้วยเช่นกัน

เรื่องราวของการให้จากคลังอันอุดมของพระเจ้ามีอยู่ในพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม เช่น เมื่อโมเสสสอนให้อิสราเอลอาศัยในดินแดนแห่งพระสัญญา โดยให้รู้จักถวายคืนให้กับพระเจ้าก่อน (ฉธบ.26:1-3) และห่วงใยคนที่ขาดแคลน คือคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและหญิงม่าย (ข้อ 12) เพราะพวกเขาอาศัยใน “แผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์” (ข้อ 15) พวกเขาต้องแสดงความรักของพระเจ้าต่อคนที่ขัดสน

เราก็สามารถส่งต่อความรักของพระเจ้าด้วยการให้สิ่งของไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ได้เช่นกัน เราอาจไม่มีโอกาสได้ให้เหมือนที่ซีลทำ แต่เราสามารถขอให้พระเจ้าสำแดงว่าเราควรให้แบบใด และใครที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา

คำสัญญาโบราณ

ในปี 1979 ดร. กาเบรียล บาร์เคย์ และทีมงานพบหนังสือม้วนสองม้วนที่ทำด้วยเงินในสุสานนอกเมืองเก่ากรุงเยรูซาเล็ม ในปี 2004 หลังจากศึกษาวิจัยอย่างถี่ถ้วนถึง 25 ปี นักวิชาการยืนยันว่าหนังสือนี้เป็นเนื้อหาพระคัมภีร์ฉบับเก่าแก่ที่สุดที่เคยมีมา และถูกฝังไว้ในปี 600 ก่อนคริสตศักราช ที่ฉันประทับใจเป็นพิเศษคือเนื้อหาของหนังสือม้วน ซึ่งเป็นคำอวยพรที่พระเจ้าให้ปุโรหิตกล่าวแก่ประชากรของพระองค์ว่า “ขอพระเจ้าทรงอำนวยพระพรแก่ท่าน และพิทักษ์รักษาท่าน ขอพระเจ้าทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงแก่ท่าน” (กดว.6:24-25)

นี่เป็นคำอวยพรที่พระเจ้าสำแดง (ผ่านทางโมเสส) ให้อาโรนและบุตรชายรู้จักการอวยพรประชาชนในพระนามพระองค์ เหล่าผู้นำต้องท่องจำถ้อยคำเหล่านี้ตามแบบที่พระเจ้าประทาน เป็นการกล่าวแก่ประชาชนตรงตามที่พระเจ้าประสงค์ ถ้อยคำเหล่านี้เน้นว่าพระเจ้าคือผู้ที่อวยพร เพราะกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” ถึงสามครั้ง และคำว่า “ท่าน” หกครั้ง ซึ่งสะท้อนว่าพระเจ้าต้องการให้ประชากรของพระองค์รับความรักและความโปรดปรานของพระองค์มาก

ต้นฉบับพระคัมภีร์เก่าแก่ที่สุด บอกเราว่าพระเจ้าปรารถนาที่จะอวยพร เป็นการย้ำเตือนถึงความรักอันไม่จำกัดของพระเจ้าและทรงต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเรา วันนี้หากคุณรู้สึกห่างไกลพระเจ้า จงยึดพระสัญญาในถ้อยคำโบราณนี้ไว้ให้มั่น ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ขอพระเจ้าพิทักษ์รักษาคุณ - ABP

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา