ก้าวสู่โอกาส
ผมก็เหมือนกับหลายคนที่พยายามออกกำลังกายให้เพียงพอ เร็วๆ นี้มีบางอย่างที่ผลักดันให้ผมทำสำเร็จ คือเครื่องนับก้าวซึ่งเป็นสิ่งของธรรมดา แต่น่าทึ่งที่อุปกรณ์นี้ส่งผลอย่างยิ่งต่อแรงบันดาลใจ แทนที่ผมจะบ่นเมื่อต้องลุกจากเก้าอี้ ผมกลับมองเห็นเป็นโอกาสที่จะได้จำนวนก้าวเพิ่มขึ้น การกระทำทั่วไปอย่างการหาน้ำสักถ้วยหนึ่งให้ลูกดื่ม กลายเป็นโอกาสที่ช่วยให้ผมไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า ในแง่นี้ อุปกรณ์นี้ได้เปลี่ยนมุมมองและแรงบันดาลใจของผม เดี๋ยวนี้ผมฉวยโอกาสที่จะได้จำนวนก้าวเพิ่มขึ้นทุกครั้ง
สัญญา สัญญา
ผมกับลูกสาวคนเล็กเล่นเกมที่เราเรียกว่า “นักหยิก” เมื่อลูกขึ้นบันไดผมจะไล่ตามและพยายามหยิกเธอเบาๆ กติกาคือ ผมจะหยิก (เบาๆ) ได้เฉพาะตอนเธออยู่บนขั้นบันได เมื่อถึงข้างบนแล้วเธอจะปลอดภัย บางครั้งเธอก็ไม่อยากเล่น แต่ถ้าผมตามไปที่บันได เธอจะพูดเสียงเข้มว่า “ไม่เอานักหยิก!” ผมจะตอบไปว่า “ไม่มีนักหยิก พ่อสัญญา”
ตอนนี้คำสัญญาอาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อผมทำตามที่พูด ลูกจะเริ่มรู้ว่าผมเสมอต้นเสมอปลาย ผมพูดจริงและเชื่อใจได้ การรักษาสัญญาแบบนี้อาจดูเล็กน้อย แต่การทำเช่นนี้ช่วยสร้างรากฐานของความรักและความเชื่อใจ
ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เปโตรต้องการสื่อ เมื่อท่านเขียนว่าพระสัญญาของพระเจ้าทำให้เรา “ได้รับส่วนในสภาพของพระองค์” (2 ปต.1:4) เมื่อเราเชื่อในพระสัญญา วางใจในสิ่งที่พระองค์ตรัสถึงพระองค์เองและถึงเรา เราจะรู้น้ำพระทัยของพระองค์ เมื่อเราเชื่อว่าพระดำรัสเป็นความจริง เราจะได้เห็นพระองค์สำแดงความสัตย์ซื่อ ผมขอบพระคุณที่พระวจนะเต็มไปด้วยพระสัญญาของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ย้ำเตือนว่า “พระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า” (พคค.3:22-23)
หัวใจผู้รับใช้
วันนี้เป็นวันทำงานที่ยาวนาน แต่พอผมกลับถึงบ้าน ก็ได้เวลาเริ่ม “อีก” งานหนึ่งคือการเป็นพ่อที่ดี ในไม่ช้าคำทักทายจากภรรยาและลูกๆ ก็กลายเป็น “พ่อฮะ เย็นนี้กินอะไรดี” “พ่อ ช่วยหยิบน้ำให้ผมหน่อยครับ” “พ่อครับมาเล่นฟุตบอลกันเถอะ”
อันที่จริงผมอยากจะนั่งพักผ่อน แม้ใจหนึ่งผมต้องการจะเป็นพ่อที่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่พร้อมจะทำตามความต้องการของครอบครัว ตอนนั้นผมเองเหลือบไปเห็นการ์ดขอบคุณที่ภรรยาผมได้รับจากคนที่โบสถ์ เป็นรูปอ่างใส่น้ำ ผ้าขนหนู และรองเท้าแตะสกปรก ใต้ภาพเป็นข้อความจากลูกา 22:27 “แต่ว่าเราอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลายเหมือนผู้รับใช้”
ข้อความที่กล่าวถึงพระราชกิจของพระเยซู คือรับใช้คนที่พระองค์มาแสวงหาและช่วยให้รอด (ลก.19:10) คือสิ่งที่ผมต้องการอย่างเฉพาะเจาะจง ถ้าพระเยซูยังเต็มใจทำสิ่งต่ำต้อยให้กับสาวกได้ เช่นล้างเท้าสาวกที่สกปรก (ยน.13:1-17) ผมก็ย่อมเสิร์ฟน้ำให้ลูกชายโดยไม่บ่นได้ ในตอนนั้น ผมถูกเตือนให้รับใช้คนในครอบครัวไม่ใช่เพียงเพราะหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นโอกาสที่จะสะท้อนถึงหัวใจผู้รับใช้อย่างพระคริสต์ และความรักที่ทรงมีต่อคนในครอบครัวผมด้วย เมื่อมีคนขอความช่วยเหลือจากเรา นั่นเป็นโอกาสให้เราได้เป็นเหมือนพระคริสต์ผู้ทรงรับใช้สาวกด้วยการสละชีวิตของพระองค์