ชีวิตนิรันดร์
“อย่ากลัวความตายเลยวินนีย์” แองกัส ทัคกล่าว “จงกลัวชีวิตที่มิได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เถิด” คำกล่าวจากหนังสือที่กลายมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง ชั่วนิรันดร์ นี้ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเมื่อออกมาจากตัวละครที่เป็นอมตะ ในเรื่องนั้นครอบครัวของทัคกลายเป็นอมตะ เด็กหนุ่มเจมส์ ทัคผู้ตกหลุมรักกับวินนีย์ได้ร้องขอให้เธอกลายเป็นอมตะด้วยเพื่อพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่แองกัสผู้ฉลาดเข้าใจว่าการแค่อยู่เป็นอมตะนั้นไม่นำมาซึ่งการเติมเต็ม
วัฒนธรรมของเราบอกกับเราว่า ถ้าเรามีสุขภาพดี เยาว์วัย และกระปรี้กระเปร่าไปตลอด เราก็จะมีความสุขอย่างแท้จริง แต่นั่นไม่ใช่ที่ซึ่งเราจะพบการเติมเต็ม ก่อนที่พระเยซูจะไปยังกางเขน พระองค์อธิษฐานเผื่อสาวกของพระองค์และผู้เชื่อในอนาคต ตรัสว่า “และนี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือที่เขารู้จักพระองค์ ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงใช้มา” (ยน.17:3) ชีวิตที่ได้รับการเติมเต็มของเรานั้นมาจากความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านความเชื่อในพระเยซู พระองค์คือความหวังสำหรับอนาคตและความชื่นชมยินดีสำหรับปัจจุบัน
พระเยซูอธิษฐานเผื่อที่สาวกของพระองค์จะใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ ที่พวกเขาจะปฏิบัติตามพระดำรัสของพระเจ้า (ข้อ 6) เชื่อว่าพระเยซูมาจากพระเจ้าพระบิดา (ข้อ 8) และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ข้อ 11) ในฐานะผู้เชื่อในพระคริสต์ เรารอคอยชีวิตนิรันดร์ในอนาคตร่วมกับพระองค์ แต่ขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราสามารถมีชีวิตที่ “ครบบริบูรณ์” (10:10) อย่างที่พระองค์ทรงสัญญาได้ ณ ที่นี่ ในตอนนี้
เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ
ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว ในคืนก่อนที่เราจะเติมอากาศให้กับสนามหญ้านั้น มีพายุลมแรงได้พัดเอาเมล็ดของต้นเมเปิ้ลร่วงหล่นลงมาด้วยการพัดเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อเครื่องเติมอากาศแยกดินที่ยึดกันแน่นโดยการดึง “แกน” เล็กๆออกจากดิน มันก็ได้ปลูกเมล็ดเมเปิ้ลกว่าร้อยเมล็ดในสวนของฉัน อีกเพียงสองอาทิตย์หลังจากนั้น ฉันก็มีป่าต้นเมเปิ้ลที่เริ่มโตขึ้นในสนามหญ้า!
เมื่อฉันเริ่มสำรวจเจ้าต้นไม้ที่อยู่ผิดที่ผิดทางนี้ (ด้วยความหงุดหงิดใจ) ฉันประหลาดใจกับความอุดมสมบูรณ์ของชีวิตใหม่จำนวนมากที่เริ่มต้นขึ้นจากต้นไม้เพียงต้นเดียว สำหรับฉันต้นไม้เล็กๆแต่ละต้นกลายเป็นภาพของชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ซึ่งฉันในฐานะคนหนึ่งคนสามารถแบ่งปันกับคนอื่นได้ เราแต่ละคนจะมีโอกาสนับไม่ถ้วนที่จะ “ตอบทุกคน...ว่าท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด” (1 ปต.3:15) ในช่วงชีวิตของเรา
เมื่อเรา “ทนทุกข์เพราะเหตุประพฤติการชอบธรรม” ด้วยความหวังในพระเยซู (ข้อ 14) คนรอบข้างจะมองเห็นและสิ่งนี้อาจสร้างความสงสัยแก่คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าเป็นการส่วนตัว หากเราพร้อมเมื่อพวกเขาถาม เราอาจได้แบ่งปันเมล็ดพันธุ์นั้นที่พระเจ้าจะนำมาซึ่งชีวิตใหม่ เราไม่จำเป็นต้องแบ่งปันกับทุกคนภายในครั้งเดียวเหมือนกับเป็นลมพายุฝ่ายจิตวิญญาณอะไรแบบนั้น แต่เราหย่อนเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อลงไปในหัวใจที่พร้อมจะรับได้ด้วยความอ่อนโยนและอ่อนสุภาพ