หยั่งรากในความรัก
ฉันมาถึงศูนย์ผู้ป่วยมะเร็งเพื่อทำหน้าที่ดูแลแม่ที่รักษาตัวอยู่ ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและกลัว ฉันได้ทิ้งครอบครัวและกลุ่มคนที่คอยให้ความช่วยเหลือไว้เบื้องหลังไกลกว่า 1,200 กิโลเมตร ทว่าก่อนที่ฉันจะยกกระเป๋าเดินทางไปเก็บ แฟรงค์ผู้มีรอยยิ้มกว้างก็เสนอตัวที่จะช่วย เมื่อเรามาถึงชั้นหกฉันก็ตั้งใจไปพบลอรี่ภรรยาของเขา ซึ่งเป็นผู้คอยดูแลในระหว่างที่เขารับการรักษา ไม่ช้าทั้งคู่ก็กลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวเมื่อเราพึ่งพาพระเจ้าและพึ่งพากันและกัน เราหัวเราะ ระบายความรู้สึก ร้องไห้และอธิษฐานด้วยกัน แม้เราต่างรู้สึกแปลกที่แปลกทาง แต่ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเจ้าและต่อกันและกัน ทำให้เราหยั่งรากในความรักเมื่อเราช่วยเหลือกัน
เมื่อรูธให้คำมั่นว่าจะดูแลนาโอมีแม่สามี เธอได้ละทิ้งความคุ้นเคยที่มั่นคงปลอดภัยไว้เบื้องหลัง รูธ “ออกเดินตามหลังคนเกี่ยวเพื่อคอยเก็บข้าวตก” (นรธ.2:3) คนใช้ผู้คอยควบคุมบอกโบอาสเจ้าของที่ดินว่านางรูธ “เข้าไปในทุ่งนา” และ “ยังคง” ทำงาน “เว้นแต่ได้พักหน่อยหนึ่งที่เรือน” (ข้อ 7) รูธได้พบสถานที่ปลอดภัยซึ่งมีผู้คนที่เต็มใจจะดูแลเธอในขณะที่เธอดูแลนาโอมี (ข้อ 8-9) และพระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่นางรูธและนาโอมีผ่านความเอื้อเฟื้อของโบอาส (ข้อ 14-16)
สถานการณ์ชีวิตอาจเตรียมทางไปสู่สถานที่ที่เราไม่คาดคิดซึ่งห่างไกลจากพื้นที่ปลอดภัยของเรา เมื่อเรายังคงความสัมพันธ์กับพระเจ้าและต่อกันและกัน พระองค์จะทรงช่วยเราให้หยั่งรากลึกในความรักเมื่อเราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
คนพเนจรที่ส่องสว่าง
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนของฤดูใบไม้ผลิปี 2020 นักเล่นกระดานโต้คลื่นได้โต้คลื่นที่เรืองแสงไปตามชายฝั่งของเมืองซานดิเอโก การแสดงแสงสีเหล่านี้เกิดจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่าแพลงก์ตอนพืช ซึ่งมาจากคำภาษากรีกที่แปลว่า “คนเร่ร่อน” หรือ “คนพเนจร” ในช่วงกลางวันสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จะทำให้กระแสน้ำเป็นสีแดง และมันจะดูดจับแสงอาทิตย์และเปลี่ยนให้เป็นพลังงานเคมี เมื่อถูกรบกวนในความมืดมันจะสร้างแสงสีน้ำเงินขึ้น
ผู้เชื่อในพระเยซูเป็นพลเมืองสวรรค์ ซึ่งเหมือนกับสาหร่ายสีแดง คือใช้ชีวิตเหมือนคนที่ร่อนเร่พเนจรไปในโลก เมื่อสถานการณ์ที่ยากลำบากเข้ามากระทบแผนที่วางไว้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานอำนาจให้เราตอบสนองเช่นเดียวกับพระเยซูผู้เป็นแสงสว่างของโลก เพื่อเราจะสะท้อนพระลักษณะของพระองค์ที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืด ตามที่อัครทูตเปาโลกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปกว่าความสนิทสนมที่เรามีกับพระคริสต์และความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อในพระองค์ (ฟป.3:8-9) ชีวิตของเปาโลพิสูจน์ให้เห็นว่าการรู้จักพระเยซูและฤทธิ์อำนาจแห่งการฟื้นคืนพระชนม์นั้นจะเปลี่ยนแปลงเรา และส่งผลต่อวิธีการดำเนินชีวิตและการตอบสนองของเราเมื่อมีการทดลองเข้ามา (ข้อ 10-16)
เมื่อเราใช้เวลากับพระบุตรของพระเจ้าทุกวัน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานความจริงที่จำเป็นให้กับเรา เพื่อเราจะเผชิญความท้าทายทุกอย่างในโลกนี้ได้ด้วยท่าทีที่สะท้อนถึงพระลักษณะของพระคริสต์ (ข้อ 17-21) เราสามารถเป็นไฟนำทางแห่งความรักและความหวังของพระเจ้าที่ตัดผ่านความมืด จนถึงวันที่พระองค์ทรงเรียกเรากลับบ้านหรือวันที่ทรงเสด็จกลับมาอีกครั้ง
สิทธิพิเศษในการเป็นผู้ดูแล
ในระหว่างที่ไปพักร้อน ฉันกับสามีเดินไปตามชายหาดและสังเกตเห็นผืนทรายที่ล้อมรั้วชั่วคราวไว้เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ชายหนุ่มคนหนึ่งอธิบายว่าเขากับทีมอาสาสมัครทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อจะปกป้องรังไข่ของเต่าทะเลทุกรัง เมื่อลูกเต่าโผล่ออกจากรัง ทั้งมนุษย์และสัตว์ที่อยู่ที่นั่นจะเป็นอันตรายต่อลูกเต่าและลดโอกาสในการอยู่รอดของพวกมัน เขาบอกว่า “แม้เราพยายามถึงขนาดนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังคาดการณ์ว่ามีลูกเต่าที่ฟักออกมาเพียงหนึ่งในห้าพันตัวที่จะเติบโตไปจนเป็นตัวเต็มวัย” แต่ตัวเลขที่แสดงความหวังอันริบหรี่นี้ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ท้อแท้ ความร้อนรนที่จะทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือลูกเต่านี้ ทำให้ฉันรู้สึกอยากที่จะให้ความสำคัญและปกป้องเต่าทะเลมากขึ้น ตอนนี้ฉันสวมจี้รูปเต่าทะเลที่เตือนฉันถึงความรับผิดชอบที่พระเจ้ามอบให้ฉันดูแลสัตว์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้าง
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก พระองค์ได้จัดเตรียมที่อยู่ให้สัตว์แต่ละชนิดได้อาศัยและเติบโตอย่างสมบูรณ์ (ปฐมกาล 1:20-25) เมื่อพระเจ้าทรงสร้างผู้ที่ผดุงพระฉายของพระองค์นั้น พระองค์มีพระประสงค์ให้เรา “ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน” (ข้อ 26) พระองค์ทรงช่วยให้เรารับใช้พระองค์ในฐานะผู้ดูแลที่มีความรับผิดชอบ โดยใช้สิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานให้ในการดูแลสิ่งทรงสร้างอันมากมายมหาศาล
เบ่งกล้ามแห่งความเชื่อ
ระหว่างเที่ยวชมสวนสัตว์ ฉันหยุดพักอยู่ใกล้กับจุดแสดงสลอธ เจ้าสัตว์ตัวนี้ห้อยตัวกลับหัว มันดูพอใจที่จะอยู่นิ่งๆ ฉันถอนหายใจเพราะปัญหาสุขภาพทำให้ฉันทนทุกข์กับการต้องอยู่นิ่งๆ และปรารถนาที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำบางสิ่ง อะไรก็ได้ ฉันหงุดหงิดกับข้อจำกัดของตัวเองและรอคอยที่จะได้หลุดพ้นจากความรู้สึกอ่อนแอนี้ แต่ขณะที่เฝ้ามองเจ้าสลอธ ฉันสังเกตว่ามันเหยียดแขนข้างหนึ่งไปจับกิ่งไม้ใกล้ๆแล้วก็หยุดอีกครั้ง การอยู่นิ่งก็ต้องใช้พลัง หากฉันต้องการจะพึงพอใจกับการเคลื่อนไหวช้าๆ หรือการอยู่นิ่งเหมือนสลอธ ฉันจำเป็นต้องใช้มากกว่าพละกำลังอันน่าทึ่งของกล้ามเนื้อ ฉันจำเป็นต้องใช้พลังที่เหนือธรรมชาติ เพื่อจะวางใจพระเจ้าในทุกช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าในชีวิต
ในสดุดี 46 ผู้เขียนประกาศว่าพระเจ้าไม่เพียงประทานกำลังแก่เรา พระองค์ทรงเป็นกำลังของเราด้วย (ข้อ 1) ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นรอบกายเรา “พระเจ้าจอมโยธาสถิตกับเราทั้งหลาย” (ข้อ 7) ผู้เขียนสดุดีย้ำความจริงนี้ด้วยความมั่นใจ (ข้อ 11)
เช่นเดียวกับสลอธ การผจญภัยในแต่ละวันของเรามักจำเป็นต้องก้าวอย่างช้าๆ และมีช่วงเวลาที่ต้องนิ่งสงบแม้จะดูเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราวางใจในพระลักษณะอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า เราก็สามารถพึ่งพาในพระกำลังของพระองค์ได้ ไม่ว่าจะทรงกำหนดแผนการหรือจังหวะก้าวเดินเช่นไรให้แก่เรา
แม้เราอาจยังต้องต่อสู้กับความทุกข์ยากหรือทนทุกข์กับการรอคอยต่อไป แต่พระเจ้ายังคงสถิตอยู่ด้วยอย่างสัตย์ซื่อ แม้ขณะที่เราไม่รู้สึกถึงความเข้มแข็ง พระองค์จะทรงช่วยเราเบ่งกล้ามแห่งความเชื่อของเรา
มหาสนิทในห้วงอวกาศ
เมื่อยานอีเกิลซึ่งเป็นยานสำหรับลงจอดดวงจันทร์ลูกของยานอะพอลโล 11 ได้ลงจอดเทียบที่ทะเลแห่งความเงียบสงบบนดวงจันทร์ในวันที่ 20 กรกฎาคม 1969 นักบินอวกาศต้องใช้เวลาปรับสภาพจากการบินก่อนจะออกไปเหยียบผิวดวงจันทร์ นักบินอวกาศบัซซ์ อัลดริน ได้รับอนุญาตให้นำขนมปังกับน้ำองุ่นไปทำพิธีมหาสนิทด้วย หลังจากอ่านพระคัมภีร์ เขาได้ลิ้มรสอาหารมื้อแรกซึ่งเคยเกิดขึ้นบนดวงจันทร์ ต่อมาเขาเขียนว่า “ผมเทน้ำองุ่นลงในจอกที่โบสถ์ของผมให้มา ด้วยแรงโน้มถ่วงที่น้อยกว่าโลกหกเท่า ทำให้น้ำองุ่นค่อยๆ ม้วนตัวไปตามขอบถ้วยอย่างงดงาม” ขณะที่อัลดรินชื่นชมยินดีกับมหาสนิทในห้วงอวกาศ สิ่งที่เขาทำประกาศถึงความเชื่อในการสละพระชนม์ของพระคริสต์บนกางเขนและยืนยันถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
อัครทูตเปาโลหนุนใจเราให้ระลึกถึงครั้งที่พระเยซูทรงร่วมโต๊ะกับเหล่าสาวก “ในคืนที่เขาอายัดพระเยซูเจ้านั้น” (1 คร.11:23) พระคริสต์ทรงเปรียบพระกายซึ่งจะถูกปลงพระชนม์ในไม่ช้ากับขนมปัง (ข้อ 24) พระองค์ตรัสว่าน้ำองุ่นเล็งถึง “พันธสัญญาใหม่” ซึ่งรับรองถึงการอภัยและความรอดโดยพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งออกบนกางเขน (ข้อ 25) ไม่ว่าเราจะรับมหาสนิทที่ใดหรือเวลาใด เราก็กำลังประกาศถึงความเชื่อวางใจในการสละพระชนม์ของพระเยซู และความหวังที่เรามีต่อพระสัญญาในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ (ข้อ 26)
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด เราสามารถเฉลิมฉลองความเชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้ช่วยให้รอดแต่ผู้เดียวที่ทรงฟื้นคืนพระชนม์และจะเสด็จกลับมา ด้วยความมั่นใจ
การจัดเตรียมของพระเจ้า
บัดดี้วัยสามขวบกับแม่ไปโบสถ์ทุกสัปดาห์เพื่อช่วยขนของกินของใช้ลงจากรถบรรทุกของพันธกิจแจกอาหาร เมื่อบัดดี้ได้ยินแม่บอกคุณยายว่ารถส่งของเสีย เขาพูดว่า “ไม่น่าเลย แล้วพวกเขาจะทำพันธกิจแจกอาหารได้ยังไงกัน” แม่อธิบายว่าคริสตจักรจะต้องระดมเงินเพื่อซื้อรถบรรทุกคันใหม่ บัดดี้ยิ้ม “ผมมีเงิน” เขาพูดแล้วเดินออกไปจากห้อง เขากลับเข้ามาพร้อมกับขวดพลาสติกที่ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์สีสันสดใสที่มีเหรียญเต็มขวด นับได้ 38 เหรียญกว่า แม้บัดดี้จะไม่ได้มีเงินมาก พระเจ้าทรงรับการถวายของเขารวมกับเงินถวายของคนอื่นๆ และจัดเตรียมรถบรรทุกห้องเย็นคันใหม่ให้คริสตจักรสามารถทำพันธกิจรับใช้ชุมชนต่อไปได้
สิ่งเล็กน้อยที่ถูกมอบให้ด้วยใจกว้างขวางนั้นเพียงพอเสมอเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ใน 2 พงศ์กษัตริย์ 4 หญิงม่ายยากจนคนหนึ่งขอให้ผู้เผยพระวจนะเอลีชาช่วยเหลือด้านการเงิน ท่านจึงบอกให้นางดูว่ามีอะไรอยู่ในบ้าน ให้ออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แล้วให้ทำตามที่ท่านบอก (ข้อ 1-4) พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้นางอย่างอัศจรรย์ โดยใช้น้ำมันที่นางมีอยู่เล็กน้อยเทใส่ภาชนะที่ยืมมาจากเพื่อนบ้านจนเต็มหมด (ข้อ 5-6) เอลีชาบอกนางว่า “ขายน้ำมันเสียเอาเงินชำระหนี้ของเจ้า ที่เหลือนอกนั้นเจ้าและบุตรของเจ้าจงใช้เลี้ยงชีวิต” (ข้อ 7)
เมื่อเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราไม่มี เราก็อาจพลาดที่จะเห็นว่าพระเจ้าทรงกระทำการใหญ่กับสิ่งที่เรามี
มองเห็นสายรุ้งแห่งความหวัง
ในช่วงวันหยุดเดือนตุลาคม ฉันต่อสู้กับอาการปวดเรื้อรังอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฉันต้องใช้เวลาสองสามวันแรกพักฟื้นอยู่ที่ห้อง อารมณ์ของฉันมืดมัวเหมือนกับท้องฟ้า ในที่สุดเมื่อฉันกับสามีได้ออกไปเที่ยวชมประภาคารใกล้ๆ เมฆสีเทาบดบังทัศนวิสัยของเรา แต่ฉันก็ถ่ายภาพภูเขาที่มืดสลัวและขอบฟ้าที่หม่นหมองได้บ้าง
ในเวลาต่อมา ฉันรู้สึกผิดหวังเพราะฝนห่าใหญ่กักตัวเราไว้ในคืนนั้น ฉันดูภาพที่ถ่ายไว้ผ่านๆ แล้วส่งกล้องให้สามี “รุ้งกินน้ำ!” เพราะจดจ่อที่ความเศร้าหมองฉันจึงพลาดจากการที่พระเจ้าทรงฟื้นชื่นจิตวิญญาณที่อ่อนล้าของฉันด้วยภาพแห่งความหวังที่คาดไม่ถึงนี้ (ปฐก.9:13-16)
ความทุกข์ทางกายหรือทางอารมณ์มักจะฉุดเราลงไปยังห้วงลึกแห่งความสิ้นหวัง เรากระหายหาการฟื้นใจ เราจึงกระหายหาการย้ำเตือนให้ระลึกถึงการทรงสถิตที่ไม่แปรเปลี่ยนและฤทธิ์เดชอันไม่สิ้นสุดของพระเจ้า (สดด.42:1-3) เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลานับครั้งไม่ถ้วนที่พระเจ้าปรากฏเพื่อเราและผู้อื่นในอดีต เราก็วางใจได้ว่าความหวังของเรามั่นคงในพระองค์ ไม่ว่าเราจะรู้สึกหดหู่เพียงใดในขณะนั้น (ข้อ 4-6)
เมื่อทัศนคติเลวร้ายหรือสถานการณ์ยากลำบากทำให้การมองเห็นของเรามืดมัวลง พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราร้องเรียกพระองค์ อ่านพระคัมภีร์ และวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์ (ข้อ 7-11) ในขณะที่เราแสวงหาพระเจ้า เราพึ่งพาพระองค์ได้ที่จะทรงช่วยให้เราเห็นสายรุ้งแห่งความหวังที่ทอดโค้งเหนือวันอันมืดมนที่สุด
ความหวังที่พาดผ่านเหนือพายุ
ในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 นักล่าพายุหลายคนได้บันทึกวิดีโอและถ่ายรูปสายรุ้งที่ปรากฏข้างพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัส ในวีดีโอหนึ่ง รวงข้าวสาลีในทุ่งโน้มลงอยู่ใต้แรงพายุหมุน มีสายรุ้งอันเจิดจ้าพาดผ่านเส้นขอบฟ้าสีเทาและโค้งไปทางพายุหมุน ในอีกวิดีโอ ผู้คนที่ยืนชมอยู่ข้างถนนมองดูสัญลักษณ์แห่งความหวังตั้งตระหง่านอยู่ข้างเมฆทรงกรวย
ในสดุดี 107 ผู้เขียนส่งมอบความหวังและหนุนใจเราให้หันไปหาพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านบรรยายถึงคนที่อยู่ท่ามกลางพายุ “และสิ้นปัญญาลง” (ข้อ 27) “เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยนำเขาออกจากความทุกข์ใจของเขา” (ข้อ 28)
พระเจ้าทรงเข้าใจที่บางครั้งลูกของพระองค์ก็ไม่อาจรู้สึกมีความหวังได้เมื่อชีวิตเหมือนกับโดนพายุกระหน่ำ เราต้องการการย้ำเตือนถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ โดยเฉพาะในยามที่ขอบฟ้าดูมืดมนและปั่นป่วน
ไม่ว่าพายุของเราจะเป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่ในชีวิต ความวุ่นวายทางอารมณ์ หรือความตึงเครียดในจิตใจ พระเจ้าทรงสามารถทำให้พายุ “สงบลง” และนำเราไปยังที่ลี้ภัย (ข้อ 29-30) แม้เราอาจจะยังไม่หลุดพ้นจากพายุด้วยวิธีการและในเวลาที่เราต้องการ แต่เราสามารถไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงรักษาพระสัญญาที่ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ ความหวังอันมั่นคงของพระองค์จะพาดผ่านเหนือพายุทุกลูก
คุ้มค่าที่จะแบ่งปันเสมอ
หลังจากฉันมาเป็นผู้เชื่อในพระเยซู ฉันได้แบ่งปันข่าวประเสริฐกับแม่ของฉัน แทนที่แม่จะตัดสินใจเชื่อพระเยซูอย่างที่ฉันคาดหวังไว้ แม่กลับไม่พูดกับฉันเลยเป็นเวลาหนึ่งปี ประสบการณ์เลวร้ายกับคนที่อ้างว่าติดตามพระเยซูทำให้แม่ไม่ไว้ใจผู้เชื่อในพระคริสต์ ฉันอธิษฐานเผื่อท่านและติดต่อท่านทุกสัปดาห์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลอบประโลมและยังคงทำงานในใจฉันขณะที่แม่ไม่ตอบสนองใดๆ ในที่สุดเมื่อแม่ยอมรับโทรศัพท์จากฉัน ฉันจึงอุทิศทุ่มเทที่จะรักและแบ่งปันข่าวประเสริฐกับท่านทุกครั้งที่มีโอกาส หลายเดือนหลังจากที่เราคืนดีกัน แม่บอกว่าฉันเปลี่ยนไป เกือบปีต่อมาแม่ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และส่งผลให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ผู้เชื่อในพระเยซูสามารถเข้าถึงของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าทรงมอบแก่มนุษย์ นั่นคือพระคริสต์ อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “ทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์ ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง” (2 คร.2:14) ท่านเรียกผู้ที่แบ่งปันข่าวประเสริฐว่าเป็น “กลิ่นอันหอมหวาน” สำหรับผู้ที่เชื่อ แต่เป็นกลิ่นแห่งความตายสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระเยซู (ข้อ 15-16)
หลังจากที่เรารับพระคริสต์เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด เราก็มีสิทธิพิเศษในการใช้เวลาอันจำกัดบนโลกนี้เพื่อจะรักผู้อื่นและประกาศความจริงของพระองค์ที่เปลี่ยนชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุด เรายังสามารถวางใจได้ว่าพระองค์จะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นแก่เรา ไม่ว่าเราจะต้องแลกกับอะไร ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็คุ้มค่าที่จะแบ่งปันเสมอ