ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Xochitl Dixon

การจัดเตรียมของพระเจ้า

บัดดี้วัยสามขวบกับแม่ไปโบสถ์ทุกสัปดาห์เพื่อช่วยขนของกินของใช้ลงจากรถบรรทุกของพันธกิจแจกอาหาร เมื่อบัดดี้ได้ยินแม่บอกคุณยายว่ารถส่งของเสีย เขาพูดว่า “ไม่น่าเลย แล้วพวกเขาจะทำพันธกิจแจกอาหารได้ยังไงกัน” แม่อธิบายว่าคริสตจักรจะต้องระดมเงินเพื่อซื้อรถบรรทุกคันใหม่ บัดดี้ยิ้ม “ผมมีเงิน” เขาพูดแล้วเดินออกไปจากห้อง เขากลับเข้ามาพร้อมกับขวดพลาสติกที่ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์สีสันสดใสที่มีเหรียญเต็มขวด นับได้ 38 เหรียญกว่า แม้บัดดี้จะไม่ได้มีเงินมาก พระเจ้าทรงรับการถวายของเขารวมกับเงินถวายของคนอื่นๆ และจัดเตรียมรถบรรทุกห้องเย็นคันใหม่ให้คริสตจักรสามารถทำพันธกิจรับใช้ชุมชนต่อไปได้

สิ่งเล็กน้อยที่ถูกมอบให้ด้วยใจกว้างขวางนั้นเพียงพอเสมอเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ใน 2 พงศ์กษัตริย์ 4 หญิงม่ายยากจนคนหนึ่งขอให้ผู้เผยพระวจนะเอลีชาช่วยเหลือด้านการเงิน ท่านจึงบอกให้นางดูว่ามีอะไรอยู่ในบ้าน ให้ออกไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แล้วให้ทำตามที่ท่านบอก (ข้อ 1-4) พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้นางอย่างอัศจรรย์ โดยใช้น้ำมันที่นางมีอยู่เล็กน้อยเทใส่ภาชนะที่ยืมมาจากเพื่อนบ้านจนเต็มหมด (ข้อ 5-6) เอลีชาบอกนางว่า “ขายน้ำมันเสียเอาเงินชำระหนี้ของเจ้า ที่เหลือนอกนั้นเจ้าและบุตรของเจ้าจงใช้เลี้ยงชีวิต” (ข้อ 7)

เมื่อเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราไม่มี เราก็อาจพลาดที่จะเห็นว่าพระเจ้าทรงกระทำการใหญ่กับสิ่งที่เรามี

มองเห็นสายรุ้งแห่งความหวัง

ในช่วงวันหยุดเดือนตุลาคม ฉันต่อสู้กับอาการปวดเรื้อรังอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฉันต้องใช้เวลาสองสามวันแรกพักฟื้นอยู่ที่ห้อง อารมณ์ของฉันมืดมัวเหมือนกับท้องฟ้า ในที่สุดเมื่อฉันกับสามีได้ออกไปเที่ยวชมประภาคารใกล้ๆ เมฆสีเทาบดบังทัศนวิสัยของเรา แต่ฉันก็ถ่ายภาพภูเขาที่มืดสลัวและขอบฟ้าที่หม่นหมองได้บ้าง

ในเวลาต่อมา ฉันรู้สึกผิดหวังเพราะฝนห่าใหญ่กักตัวเราไว้ในคืนนั้น ฉันดูภาพที่ถ่ายไว้ผ่านๆ แล้วส่งกล้องให้สามี “รุ้งกินน้ำ!” เพราะจดจ่อที่ความเศร้าหมองฉันจึงพลาดจากการที่พระเจ้าทรงฟื้นชื่นจิตวิญญาณที่อ่อนล้าของฉันด้วยภาพแห่งความหวังที่คาดไม่ถึงนี้ (ปฐก.9:13-16)

ความทุกข์ทางกายหรือทางอารมณ์มักจะฉุดเราลงไปยังห้วงลึกแห่งความสิ้นหวัง เรากระหายหาการฟื้นใจ เราจึงกระหายหาการย้ำเตือนให้ระลึกถึงการทรงสถิตที่ไม่แปรเปลี่ยนและฤทธิ์เดชอันไม่สิ้นสุดของพระเจ้า (สดด.42:1-3) เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลานับครั้งไม่ถ้วนที่พระเจ้าปรากฏเพื่อเราและผู้อื่นในอดีต เราก็วางใจได้ว่าความหวังของเรามั่นคงในพระองค์ ไม่ว่าเราจะรู้สึกหดหู่เพียงใดในขณะนั้น (ข้อ 4-6)

เมื่อทัศนคติเลวร้ายหรือสถานการณ์ยากลำบากทำให้การมองเห็นของเรามืดมัวลง พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราร้องเรียกพระองค์ อ่านพระคัมภีร์ และวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์ (ข้อ 7-11) ในขณะที่เราแสวงหาพระเจ้า เราพึ่งพาพระองค์ได้ที่จะทรงช่วยให้เราเห็นสายรุ้งแห่งความหวังที่ทอดโค้งเหนือวันอันมืดมนที่สุด

ความหวังที่พาดผ่านเหนือพายุ

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 นักล่าพายุหลายคนได้บันทึกวิดีโอและถ่ายรูปสายรุ้งที่ปรากฏข้างพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัส ในวีดีโอหนึ่ง รวงข้าวสาลีในทุ่งโน้มลงอยู่ใต้แรงพายุหมุน มีสายรุ้งอันเจิดจ้าพาดผ่านเส้นขอบฟ้าสีเทาและโค้งไปทางพายุหมุน ในอีกวิดีโอ ผู้คนที่ยืนชมอยู่ข้างถนนมองดูสัญลักษณ์แห่งความหวังตั้งตระหง่านอยู่ข้างเมฆทรงกรวย

ในสดุดี 107 ผู้เขียนส่งมอบความหวังและหนุนใจเราให้หันไปหาพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านบรรยายถึงคนที่อยู่ท่ามกลางพายุ “และสิ้นปัญญาลง” (ข้อ 27) “เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยนำเขาออกจากความทุกข์ใจของเขา” (ข้อ 28)

พระเจ้าทรงเข้าใจที่บางครั้งลูกของพระองค์ก็ไม่อาจรู้สึกมีความหวังได้เมื่อชีวิตเหมือนกับโดนพายุกระหน่ำ เราต้องการการย้ำเตือนถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ โดยเฉพาะในยามที่ขอบฟ้าดูมืดมนและปั่นป่วน

ไม่ว่าพายุของเราจะเป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่ในชีวิต ความวุ่นวายทางอารมณ์ หรือความตึงเครียดในจิตใจ พระเจ้าทรงสามารถทำให้พายุ “สงบลง” และนำเราไปยังที่ลี้ภัย (ข้อ 29-30) แม้เราอาจจะยังไม่หลุดพ้นจากพายุด้วยวิธีการและในเวลาที่เราต้องการ แต่เราสามารถไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงรักษาพระสัญญาที่ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ ความหวังอันมั่นคงของพระองค์จะพาดผ่านเหนือพายุทุกลูก

คุ้มค่าที่จะแบ่งปันเสมอ

หลังจากฉันมาเป็นผู้เชื่อในพระเยซู ฉันได้แบ่งปันข่าวประเสริฐกับแม่ของฉัน แทนที่แม่จะตัดสินใจเชื่อพระเยซูอย่างที่ฉันคาดหวังไว้ แม่กลับไม่พูดกับฉันเลยเป็นเวลาหนึ่งปี ประสบการณ์เลวร้ายกับคนที่อ้างว่าติดตามพระเยซูทำให้แม่ไม่ไว้ใจผู้เชื่อในพระคริสต์ ฉันอธิษฐานเผื่อท่านและติดต่อท่านทุกสัปดาห์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปลอบประโลมและยังคงทำงานในใจฉันขณะที่แม่ไม่ตอบสนองใดๆ ในที่สุดเมื่อแม่ยอมรับโทรศัพท์จากฉัน ฉันจึงอุทิศทุ่มเทที่จะรักและแบ่งปันข่าวประเสริฐกับท่านทุกครั้งที่มีโอกาส หลายเดือนหลังจากที่เราคืนดีกัน แม่บอกว่าฉันเปลี่ยนไป เกือบปีต่อมาแม่ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และส่งผลให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ผู้เชื่อในพระเยซูสามารถเข้าถึงของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าทรงมอบแก่มนุษย์ นั่นคือพระคริสต์ อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “ทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์ ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง” (2 คร.2:14) ท่านเรียกผู้ที่แบ่งปันข่าวประเสริฐว่าเป็น “กลิ่นอันหอมหวาน” สำหรับผู้ที่เชื่อ แต่เป็นกลิ่นแห่งความตายสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระเยซู (ข้อ 15-16)

หลังจากที่เรารับพระคริสต์เป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอด เราก็มีสิทธิพิเศษในการใช้เวลาอันจำกัดบนโลกนี้เพื่อจะรักผู้อื่นและประกาศความจริงของพระองค์ที่เปลี่ยนชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดและโดดเดี่ยวที่สุด เรายังสามารถวางใจได้ว่าพระองค์จะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นแก่เรา ไม่ว่าเราจะต้องแลกกับอะไร ข่าวประเสริฐของพระเจ้าก็คุ้มค่าที่จะแบ่งปันเสมอ

ความรักนั้นคุ้มค่าที่จะเสี่ยง

หลังจากเพื่อนคนหนึ่งตัดขาดมิตรภาพอันยาวนานนับสิบปีโดยไม่บอกเหตุผล ฉันก็เริ่มถอยกลับไปทำนิสัยเดิมคือรักษาระยะห่างกับผู้คน ขณะที่กำลังจัดการกับความเศร้า ฉันดึงหนังสือเก่าชื่อ ความรักสี่ประเภท ของซี. เอส. ลูอิสออกมาจากชั้นวาง ลูอิสตั้งข้อสังเกตที่ทรงพลังถึงความรักที่ต้องมีความอ่อนแอ ท่านกล่าวว่า “ไม่มีการลงทุนที่ปลอดภัย” เมื่อคนๆหนึ่งเสี่ยงที่จะรัก การรัก “อะไรก็ตามจะนำไปสู่หัวใจที่ถูกบีบคั้นหรือแม้กระทั่งแตกสลาย” การได้อ่านข้อความเหล่านี้ทำให้ฉันเปลี่ยนมุมมองในการอ่านเรื่องการปรากฏตัวครั้งที่สามของพระเยซูกับสาวกหลังทรงคืนพระชนม์ (ยน.21:1-14) หลังจากเปโตรทรยศพระองค์ไม่เพียงครั้งเดียวแต่ถึงสามครั้ง (18:15-27)

พระเยซูตรัสว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​มากกว่า​เหล่า​นี้​หรือ” (21:15)

หลังจากทรงเจ็บปวดกับการถูกหักหลังและถูกปฏิเสธ พระเยซูตรัสกับเปโตรด้วยความกล้าหาญไม่ใช่ความกลัว ด้วยความเข้มแข็งไม่ใช่อ่อนแอ ด้วยความไม่เห็นแก่ตัวไม่ใช่ความสิ้นหวัง พระองค์สำแดงพระเมตตาไม่ใช่ความเกรี้ยวกราด ด้วยการยืนยันถึงความเต็มพระทัยที่จะรัก

พระคัมภีร์บอกว่า “เปโตรก็​เป็น​ทุกข์​ใจ​ที่​พระ​องค์​ตรัส​ถาม​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า ‘เจ้า​รัก​เรา​หรือ’” (ข้อ 17) แต่เมื่อพระเยซูขอให้เปโตรพิสูจน์ความรักของท่านด้วยการรักผู้อื่น (ข้อ 15-17) และติดตามพระองค์ (ข้อ 19) พระองค์ก็ทรงเชื้อเชิญสาวกทุกคนให้เสี่ยงที่จะรักโดยไม่มีเงื่อนไข เราทุกคนจะต้องตอบเมื่อพระเยซูตรัสถามว่า “เจ้ารักเราหรือ” คำตอบของเราจะส่งผลต่อความรักที่เรามีต่อผู้อื่น

ความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

เมื่อเพื่อนขอให้ฉันพูดกับเด็กสาววัยรุ่นในงานสัมมนาที่ส่งเสริมเรื่องความบริสุทธิ์ ฉันตอบปฏิเสธ ตอนที่เป็นวัยรุ่นเหลือขอนั้น ฉันต่อสู้และมีบาดแผลมานับสิบปีจากการผิดศีลธรรม หลังจากที่ฉันแต่งงานและแท้งลูกคนแรก ฉันคิดว่าพระเจ้าทรงลงโทษเพราะบาปในอดีต ในที่สุดฉันมอบชีวิตให้พระคริสต์ตอนอายุสามสิบ ฉันสารภาพบาปและกลับใจ...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระนั้นความรู้สึกผิดและละอายก็ยังท่วมท้น ฉันจะแบ่งปันพระคุณของพระเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อฉันเองยังไม่อาจรับของประทานแห่งความรักยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อฉันอย่างเต็มที่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป ขอบคุณพระองค์ที่ทรงลบล้างคำโกหกที่ผูกมัดฉันไว้กับตัวเก่าของฉันก่อนที่จะสารภาพบาป โดยพระคุณของพระองค์ ในที่สุดฉันก็ได้รับการอภัยที่ทรงประทานให้ฉันมาโดยตลอด

พระเจ้าทรงเข้าใจที่เรารู้สึกเศร้าเสียใจกับความเจ็บปวดและผลของบาปในอดีต อย่างไรก็ตามพระองค์ประทานกำลังแก่คนของพระองค์ที่จะเอาชนะความสิ้นหวัง หันจากบาป และลุกขึ้นด้วยความหวังใน “ความรัก” “ความเมตตา” และ “ความ(สัตย์ซื่อ)เที่ยงตรง” อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ (พคค.3:19-23) พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าเองทรงเป็น “ส่วน” ของเรา คือเป็นความหวังและความรอดของเรา และเราเรียนรู้ที่จะวางใจในความประเสริฐของพระองค์ได้ (ข้อ 24-26)

พระบิดาผู้ทรงเมตตา ขอช่วยให้เราเชื่อในพระสัญญาของพระองค์ เมื่อเราได้รับความบริบูรณ์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อเรา เราก็สามารถแบ่งปันข่าวดีเรื่องพระคุณของพระองค์ได้

พระเจ้าอยู่ไหน

หนังสือของมาร์ติน แฮนด์ฟอร์ดที่ชื่อวาลโด้อยู่ที่ไหน เป็นชุดหนังสือปริศนาสำหรับเด็กที่มีขึ้นครั้งแรกในปี 1987 ด้านในมีภาพชายสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีแดงสลับขาวและถุงเท้ากับหมวกที่เข้าชุดกัน เขาใส่กางเกงยีนส์สีฟ้า รองเท้าบูทสีน้ำตาลและสวมแว่น แฮนด์ฟอร์ดได้ซ่อนวาลโด้ไว้อย่างแนบเนียนในภาพประกอบที่ดูสับสนวุ่นวายเต็มไปด้วยผู้คนมากมายตามสถานที่ต่างๆทั่วโลก การมองหาวาลโด้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่ผู้เขียนสัญญาว่าผู้อ่านจะหาเขาเจอได้ ถึงแม้ว่าการมองหาพระเจ้าจะไม่เหมือนกับการมองหาวาลโด้ในหนังสือภาพปริศนา แต่องค์พระผู้สร้างของเราทรงสัญญาว่าเราจะหาพระองค์พบได้เช่นกัน

พระเจ้าทรงสอนประชากรของพระองค์ผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะถึงวิธีการใช้ชีวิตอย่างคนพลัดถิ่นที่ถูกเนรเทศ (ยรม.29:4-9) พระองค์ทรงสัญญาว่าจะปกป้องพวกเขาจนกว่าพระองค์จะทรงฟื้นฟูพวกเขาตามแผนการอันเลิศประเสริฐของพระองค์ (ข้อ 10-11) พระเจ้าทรงรับรองกับชนชาติอิสราเอลว่า การทำตามพระสัญญาของพระองค์จะทำให้การที่พวกเขาร้องเรียกหาพระองค์ด้วยคำอธิษฐานนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น (ข้อ 12)

ทุกวันนี้ แม้พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยพระองค์เองผ่านเรื่องราวของพระเยซูและโดยทางพระวิญญาณ เราก็ยังถูกทำให้ไขว้เขวได้ง่ายจากความสับสนวุ่นวายในโลก เราอาจถูกทดลองให้ถามด้วยซ้ำไปว่า “พระเจ้าอยู่ไหน” อย่างไรก็ตาม องค์พระผู้สร้างและผู้ทรงค้ำจุนสรรพสิ่งทรงประกาศว่า ประชากรของพระองค์จะพบพระองค์ได้หากพวกเขาแสวงหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ (ข้อ 13-14)

เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

ในชุมชนเกษตรกรเล็กๆนั้น ข่าวสารแพร่สะพัดได้อย่างรวดเร็ว หลายปีหลังจากธนาคารขายที่ดินที่ครอบครัวของเดวิดเคยเป็นเจ้าของมาหลายสิบปี เขาได้รู้ว่าจะมีการขายที่ผืนนั้นอีกครั้ง หลังจากทุ่มเทและเก็บออมอย่างหนัก เดวิดมาที่การประมูลร่วมกับกลุ่มเกษตรกรท้องถิ่นเกือบสองร้อยคน ราคาเสนอซื้อที่ต่ำของเดวิดจะเพียงพอหรือไม่ เขาเสนอราคาครั้งแรก หายใจแรงขณะที่นายประมูลถามหาราคาที่สูงกว่า ฝูงชนรอด้วยความเงียบจนพวกเขาได้ยินเสียงค้อน กลุ่มเกษตรกรคิดถึงความจำเป็นของเดวิดและครอบครัวก่อนความเติบโตทางการเงินของพวกเขาเอง

เรื่องราวการเสียสละด้วยความเมตตาของกลุ่มเกษตรกรนี้ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อัครทูตเปาโลกำชับเหล่าผู้ติดตามของพระคริสต์ให้ดำเนินชีวิต เปาโลเตือนเราไม่ให้ประพฤติ “ตามอย่างคนในยุคนี้” (รม.12:2) ที่ให้ความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเราอยู่เหนือความจำเป็นของผู้อื่น และตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวเองให้รอด แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราวางใจในพระเจ้าได้ว่าจะประทานสิ่งจำเป็นแก่เราเมื่อเรารับใช้ผู้อื่น เมื่อพระวิญญาณทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจเรา เราจะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความรักและแรงจูงใจที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า การคิดถึงผู้อื่นก่อนช่วยเราไม่ให้คิดถึงตัวเองมากเกินไป เพราะพระเจ้าทรงเตือนว่าเราเป็นส่วนของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือคริสตจักร (ข้อ 3-4)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยผู้เชื่อให้เข้าใจและเชื่อฟังพระวจนะ พระองค์ทรงให้กำลังแก่เราที่จะให้และรักด้วยใจกว้างขวาง เพื่อพวกเราจะเติบโตเป็นหนึ่งเดียวกัน

มอบความรักในทุกที่ที่เราไป

ฉันนั่งอยู่ที่ท่าเรือในวันหยุดพักร้อน อ่านพระคัมภีร์และดูสามีตกปลา ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและแนะนำให้เราใช้เหยื่อแบบอื่น เขาเหลือบมองฉันขณะขยับเท้าไปมาพลางพูดว่า “ผมเคยติดคุก” เขาชี้มาที่พระคัมภีร์ของฉันแล้วถอนหายใจ “คุณคิดว่าพระเจ้าจะสนใจคนอย่างผมหรือ”

ฉันเปิดมัทธิวบทที่ 25 แล้วอ่านสิ่งที่พระเยซูตรัสเกี่ยวกับผู้ติดตามพระองค์ที่ไปเยี่ยมคนที่ถูกจำคุก

“พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องคนที่ติดคุกไว้ด้วยหรือ” เขาน้ำตาคลอเมื่อฉันแบ่งปันว่า พระเจ้าทรงถือว่าการทำดีต่อบรรดาบุตรของพระองค์คือการสำแดงความรักต่อพระองค์ (ข้อ 31-40)

“ผมหวังว่าพ่อกับแม่จะให้อภัยผมด้วย” เขาก้มศีรษะลง “เดี๋ยวผมมา” เขากลับมาแล้วยื่นพระคัมภีร์สภาพยับเยินของเขาให้ฉัน “ช่วยบอกผมหน่อยว่าจะหาข้อพระคัมภีร์ตอนนั้นตรงไหน”

ฉันพยักหน้า ฉันกับสามีกอดเขาขณะที่เราอธิษฐานเผื่อเขาและพ่อแม่ เราแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อติดต่อกันและยังคงอธิษฐานเผื่อเขาต่อไป

อาจมีช่วงเวลาที่เราจะรู้สึกไม่เป็นที่รัก ไม่ได้รับการต้อนรับ ขัดสน และแม้แต่ถูกกักขังทางร่างกายหรือจิตใจ (ข้อ 35-36) เราจะต้องการสิ่งที่เตือนให้ระลึกถึงความรักเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้า เราจะมีโอกาสเช่นกันที่จะได้ช่วยเหลือผู้ที่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกเหล่านี้ เราเป็นส่วนหนึ่งในแผนการแห่งการทรงไถ่ของพระเจ้าได้ในขณะที่เราประกาศความจริงและความรักของพระองค์ในทุกที่ที่เราไป

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา