ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Xochitl Dixon

รู้จักเสียงของพระเจ้า

ภายหลังการวิจัยเป็นเวลาหลายปี นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้ว่าสุนัขป่ามีเสียงจำเพาะที่ช่วยให้พวกมันสื่อสารระหว่างกัน นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งใช้รหัสการวิเคราะห์เสียงพิเศษ ทำให้เธอตระหนักว่าเสียงหอนของสุนัขป่าที่ความดังและระดับเสียงต่างๆ ช่วยให้เธอระบุได้อย่างเจาะจงว่าเป็นสุนัขป่าตัวไหนด้วยความแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์

พระคัมภีร์ให้ตัวอย่างมากมายของการที่พระเจ้าทรงรู้จักเสียงจำเพาะของสรรพสิ่งทรงสร้างอันเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกชื่อโมเสสและตรัสกับท่านโดยตรง (อพย.3:4-6) ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสดุดีประกาศว่า “ข้าพระองค์ร้องทูลพระเจ้า และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์” (สดด.3:4) และอัครทูตเปาโลยังเน้นถึงคุณค่าของการที่คนของพระเจ้ารู้จักเสียงของพระองค์

เมื่อเชิญบรรดาผู้ปกครองชาวเอเฟซัสมา เปาโลกล่าวว่า บัดนี้พระวิญญาณ “พันผูก” ท่าน จึงจำเป็นต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ท่านยืนยันคำมั่นว่าจะทำตามพระสุรเสียงของพระเจ้า แม้ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อท่านไปถึง (กจ. 20:22) อัครทูตเตือนว่าจะมี “สุนัขป่าอันร้าย” ที่จะ “เข้ามา...กล่าวผันแปรความจริง” แม้กระทั่งจากภายในคริสตจักร (ข้อ 29-30) จากนั้นท่านได้หนุนใจบรรดาผู้ปกครองให้พากเพียรในการแยกแยะและรู้จักความจริงของพระเจ้า (ข้อ 31)

ผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนมีสิทธิพิเศษที่จะรู้ว่าพระเจ้าทรงฟังและตอบเรา อีกทั้งเรายังมีฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงช่วยเราให้รู้จักพระสุรเสียงของพระเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยคำในพระคัมภีร์เสมอ

ถอนรากความบาป

เมื่อฉันสังเกตเห็นกิ่งก้านเล็กๆแตกหน่ออยู่ข้างท่อน้ำในสวนข้างระเบียง ฉันเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ที่ดูไม่เป็นอันตราย วัชพืชเล็กๆจะทำอันตรายสนามหญ้าของเราได้อย่างไร แต่หลายสัปดาห์ต่อมา สิ่งรบกวนนี้ก็เติบใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่าพุ่มไม้เล็กๆ และเริ่มเข้ามายึดครองสนามหญ้าของเรา กิ่งก้านของมันพันเลื้อยโค้งขึ้นไปเหนือทางเดินของเราและแตกแขนงในพื้นที่อื่นๆ ฉันต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่ของมันเป็นอันตราย ฉันจึงขอให้สามีช่วยขุดรากถอนโคนวัชพืชป่านี้ แล้วก็ปกป้องสวนของเราด้วยยาฆ่าวัชพืช

เมื่อเราเพิกเฉยหรือปฏิเสธการมีอยู่ของบาป บาปก็จะรุกคืบเข้าสู่ชีวิตของเราได้เหมือนกิ่งไม้ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการนี้ที่เจริญเติบโตมากเกินไป และทำให้พื้นที่ส่วนตัวของเรามืดมน พระเจ้าของเราผู้ทรงปราศจากบาปนั้นไม่ทรงมีความมืดในพระองค์...เลย ในฐานะบุตรของพระองค์ เราได้รับการตระเตรียมและมอบหมายให้ต่อต้านบาปตรงหน้าเพื่อที่เราจะสามารถ “ดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง” (1 ยน.1:7) โดยการสารภาพบาปและกลับใจใหม่ เราก็ได้รับการอภัยและเป็นอิสระจากบาป (ข้อ 8-10) เพราะเรามีผู้ทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซู (2:1) ผู้ทรงเต็มพระทัยจ่ายราคาสูงสุดเพื่อบาปของเรา คือด้วยพระโลหิตของพระองค์ และ “ไม่ใช่แต่บาปของเราพวกเดียว แต่ของมนุษย์ทั้งปวงในโลกด้วย” (ข้อ 2)

เมื่อพระเจ้าทรงชี้ให้เราเห็นบาปนั้น เราอาจเลือกที่จะปฏิเสธ หลีกเลี่ยง หรือบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบได้ แต่เมื่อเราสารภาพและกลับใจใหม่ พระองค์จะทรงถอนรากความบาปที่ทำลายความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์และผู้อื่นไปเสีย

การ์ดคำอธิษฐาน

ระหว่างงานประชุมด้านการเขียนซึ่งฉันรับหน้าที่เป็นหนึ่งในวิทยากร แทมมี่ยื่นโปสการ์ดซึ่งเขียนคำอธิษฐานด้วยลายมือไว้ด้านหลังให้กับฉัน เธออธิบายว่าได้อ่านประวัติวิทยากรทุกคนแล้วจึงเขียนคำอธิษฐานที่เจาะจงลงบนการ์ดแต่ละใบ เธออธิษฐานไปด้วยขณะมอบการ์ดเหล่านั้นให้เรา ฉันประทับใจรายละเอียดในข้อความส่วนตัวที่เธอเขียนให้ฉันและขอบคุณพระเจ้าที่หนุนใจฉันผ่านการกระทำของแทมมี่ จากนั้นฉันก็อธิษฐานเผื่อเธอกลับไป เมื่อฉันต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าระหว่างประชุม ฉันจะเอาโปสการ์ดออกมา พระเจ้าทรงฟื้นจิตวิญญาณของฉันขณะอ่านข้อความของแทมมี่อีกครั้ง

อัครทูตเปาโลตระหนักว่าคำอธิษฐานเพื่อผู้อื่นนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิต ท่านเตือนผู้เชื่อให้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ “กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (อฟ.6:12) ท่านหนุนใจให้อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอและเจาะจง ขณะเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแทรกแซงเพื่อกันและกันด้วยสิ่งที่เราเรียกว่าการอธิษฐานวิงวอน เปาโลยังขอให้อธิษฐานอย่างกล้าหาญเพื่อท่านด้วย “อธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อจะทรงประทานให้ข้าพเจ้ามีคำพูดและเกิดใจกล้า ประกาศและสำแดงข้อลับลึกแห่งข่าวประเสริฐได้ เพราะข่าวประเสริฐนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเป็นทูตผู้ต้องติดโซ่อยู่” (ข้อ 19-20)

ขณะที่เราอธิษฐานเผื่อกันและกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงปลอบประโลมและเสริมความเชื่อมั่นให้แก่เรา พระองค์ยืนยันว่าเราต้องการพระองค์และกันและกัน ทรงรับรองกับเราว่าพระองค์ได้ยินทุกคำอธิษฐาน ไม่ว่าจะอธิษฐานอย่างเงียบๆ ออกเสียง หรือเขียนลงบนการ์ดอธิษฐาน และพระองค์ทรงตอบตามน้ำพระทัยอันดีเลิศของพระองค์

ฉันทำได้แค่จินตนาการ

ฉันนั่งลงบนม้านั่งในโบสถ์ข้างหลังผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่ทีมนมัสการเริ่มบรรเลงเพลง “ฉันทำได้แค่จินตนาการ (I Can Only Imagine)” ฉันยกมือขึ้นสรรเสริญพระเจ้าขณะที่เสียงโซปราโนอันไพเราะของผู้หญิงประสานกับเสียงของฉัน หลังจากที่เธอบอกฉันเรื่องปัญหาสุขภาพ เราตัดสินใจที่จะอธิษฐานด้วยกันในระหว่างขั้นตอนการรักษามะเร็งที่กำลังจะมาถึง

ไม่กี่เดือนต่อมา หลุยส์บอกฉันว่าเธอกลัวการตาย ฉันเอนตัวลงที่เตียงของเธอในโรงพยาบาล วางศีรษะลงข้างๆเธอ กระซิบคำอธิษฐานและร้องเพลงของเราเบาๆ ฉันทำได้แค่จินตนาการว่าหลุยส์รู้สึกอย่างไรเมื่อเธอได้ไปนมัสการพระเยซูหน้าต่อหน้าในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น

อัครทูตเปาโลให้ความมั่นใจซึ่งปลอบประโลมใจต่อผู้อ่านของท่านที่กำลังเผชิญกับความตาย (2 คร.5:1) ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในอีกด้านของชีวิตนิรันดร์คือในโลกนี้อาจทำให้เกิดการคร่ำครวญ แต่ความหวังของเราในการมีชีวิตบนสวรรค์อยู่เป็นนิรันดร์กับพระเยซูยังคงมั่นคง (ข้อ 2-4) แม้พระเจ้าจะสร้างเราให้ปรารถนาการมีชีวิตนิรันดร์กับพระองค์​ (ข้อ 5-6) แต่พระสัญญาของพระองค์นั้นมีไว้เพื่อนำเราในการดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ในตอนนี้ด้วย (ข้อ 7-10)

เมื่อเราใช้ชีวิตเพื่อทำให้พระเยซูทรงพอพระทัย ในขณะที่รอคอยให้พระองค์เสด็จกลับมาหรือเรียกเรากลับบ้าน เราก็ยังสามารถชื่นชมยินดีในสันติสุขจากการสถิตอยู่ด้วยของพระองค์ได้ เราจะมีประสบการณ์อย่างไรเมื่อต้องจากร่างกายฝ่ายโลกนี้ไปอยู่กับพระเยซูในนิรันดร์กาลนั้น เราคงทำได้แค่จินตนาการ!

มีชัยเหลือล้น

ตอนที่สามีฉันเป็นโค้ชให้ทีมเบสบอลชื่อลิตเติ้ล ลีคของลูกชายเรา เขาให้รางวัลผู้เล่นด้วยการจัดงานเลี้ยงส่งท้ายปี และแสดงความขอบคุณสำหรับพัฒนาการของพวกเขาในฤดูกาลที่ผ่านมา ดัสตินหนึ่งในผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเข้ามาหาฉันในระหว่างงานเลี้ยง ถามว่า

“วันนี้เราไม่ได้แพ้การแข่งขันหรือครับ”
“ใช่” ฉันตอบ “แต่พวกเราภูมิใจในตัวเธอที่เล่นอย่างเต็มที่”
“ผมรู้” เขาพูด “แต่เราก็แพ้ ใช่ไหมครับ” ฉันพยักหน้า
“แล้วทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมชนะ” ดัสตินถาม
ฉันยิ้มแล้วพูดว่า “เพราะเธอคือผู้ชนะไง”

ดัสตินเคยคิดว่าการแพ้การแข่งขันหมายความว่าเขาล้มเหลวแม้เขาจะทำดีที่สุดแล้วก็ตาม ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู การต่อสู้ของเราไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามกีฬา ถึงกระนั้นเรามักจะถูกล่อลวงให้มองช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตว่าเป็นภาพสะท้อนถึงคุณค่าของตัวเราเอง

อัครสาวกเปาโลยืนยันว่าความทุกข์ในปัจจุบันของเรามีความเชื่อมโยงกับสง่าราศีในอนาคตของเราในฐานะลูกของพระเจ้า เมื่อพระเยซูได้ประทานพระองค์เองเพื่อเราแล้ว พระองค์ยังทรงต่อสู้ในนามของเราในสงครามกับบาปที่ยังคงดำเนินต่อไป และเปลี่ยนเราให้เป็นเหมือนพระองค์ (รม.8:31-32) แม้เราทั้งหลายจะต้องพบเจอกับความยากลำบากและการข่มเหง ความรักอันไม่สั่นคลอนของพระเจ้าจะช่วยเราบากบั่นมุ่งไป (ข้อ 33-34)

ในฐานะลูกของพระเจ้า เราอาจถูกลวงและยอมให้ปัญหามากำหนดคุณค่าของตัวเรา อย่างไรก็ตาม ชัยชนะสูงสุดของเราได้รับการรับรองไว้แล้ว ในระหว่างทางเราอาจสะดุดล้ม แต่เราจะ “มีชัยเหลือล้น” เสมอ (ข้อ 35-39)

ภารกิจช่วยชีวิต

อาสาสมัครขององค์กรช่วยเหลือปศุสัตว์ในออสเตรเลียพบแกะหลงทางตัวหนึ่งที่ต้องแบกรับขนสกปรกขมวดเป็นก้อนน้ำหนักมากกว่า 34 กิโลกรัม นักกู้ภัยสงสัยว่ามันน่าจะถูกลืมและหลงอยู่ในป่าอย่างน้อยห้าปี อาสาสมัครต้องปลอบมันตลอดขั้นตอนอันทุลักทุเลเพื่อตัดขนที่หนักอึ้งของมันออกไป เมื่อหลุดพ้นจากการแบกภาระหนัก บารัคก็กินอาหารได้ ขาของมันแข็งแรงขึ้น มันเริ่มมีความมั่นใจและมีความสุขมากขึ้นเวลาอยู่กับผู้ที่ช่วยชีวิตของมันและสัตว์อื่นๆในสถานพักพิงแห่งนั้น

ดาวิดผู้เขียนพระธรรมสดุดีเข้าใจถึงความเจ็บปวดของการต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง การถูกลืมและหลงทาง และปรารถนาการช่วยกู้ ในสดุดี 38 ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้า ท่านเผชิญความโดดเดี่ยว การถูกทรยศ และอับจนหนทาง (ข้อ 11-14) กระนั้นท่านอธิษฐานด้วยความมั่นใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า แต่ข้าพระองค์รอคอยพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คือพระองค์ผู้ที่จะตรัสตอบข้าพระองค์” (ข้อ 15) ดาวิดไม่ได้ปฏิเสธความยากลำบากของตน หรือกลบเกลื่อนความทุกข์ภายในใจและความเจ็บป่วยทางกาย (ข้อ 16-20) แต่ท่านวางใจว่าพระเจ้าจะทรงอยู่ใกล้และตรัสตอบในเวลาและวิธีการที่เหมาะสม (ข้อ 21-22)

เมื่อเรารู้สึกหนักใจด้วยภาระด้านร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ พระเจ้าทรงพร้อมอยู่เสมอที่จะช่วยกู้เราตามแผนการที่ได้วางไว้ในวันที่ทรงสร้างเรา เราวางใจในการสถิตอยู่ด้วยของพระองค์ได้เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์ว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรอดของข้าพระองค์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด” (ข้อ 22)

ฤทธิ์อำนาจแห่งพระวจนะ

ในวันคริสต์มาสอีฟปี 1968 นักบินอวกาศอพอลโล 8 ซึ่งได้แก่ แฟรงค์ บอร์-แมน, จิม โลเวลล์ และบิล แอนเดอส์ ได้กลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ ขณะที่พวกเขาโคจรรอบดวงจันทร์ 10 รอบนั้น พวกเขาได้ส่งภาพดวงจันทร์และโลกกลับมา พวกเขาได้ผลัดกันอ่านปฐมกาลบทที่ 1 ในระหว่างการถ่ายทอดสด ที่งานฉลองครบรอบ 40 ปีบอร์แมนกล่าวว่า “เราได้รับแจ้งว่าในวันคริสต์มาสอีฟนั้นจะมีผู้ชมที่คอยรับฟังเสียงของมนุษย์จำนวนมากที่สุด และคำแนะนำเดียวที่เราได้รับจากนาซ่าคือ จงทำสิ่งที่เหมาะสม” ข้อพระคัมภีร์ที่นักบินอวกาศอพอลโล 8 อ่าน ยังคงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความจริงลงไปในใจของผู้ที่เปิดใจรับฟังบันทึกแห่งประวัติศาสตร์นี้

พระเจ้าตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เอียงหูของเจ้า และมาหาเรา จงฟัง เพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต” (อสย.55:3) พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เราหันกลับจากบาปและรับพระเมตตาและการอภัยจากพระองค์ ผ่านข้อเสนอเรื่องการช่วยให้รอดที่ให้กับเราเปล่าๆ (ข้อ 6-7) พระองค์ทรงประกาศถึงสิทธิอำนาจแห่งพระดำริและพระราชกิจของพระองค์ ซึ่งมโหฬารเกินกว่าเราจะเข้าใจได้อย่างแท้จริง (ข้อ 8-9) กระนั้นพระเจ้ายังคงประทานโอกาสให้เราแบ่งปันพระวจนะของพระองค์ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิต โดยชี้ไปที่พระเยซู และยืนยันว่าพระองค์จะรับผิดชอบต่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณของประชากรของพระองค์ (ข้อ 10-13)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยเราในการแบ่งปันพระกิตติคุณ ในขณะที่พระบิดาทรงทำให้พระสัญญาทั้งสิ้นสำเร็จลงตามแผนการและจังหวะเวลาอันสมบูรณ์ของพระองค์

หนุนใจซึ่งกันและกัน

หลังจากอีกสัปดาห์หนึ่งที่ฉันรู้สึกถูกคุกคามหนักจากปัญหาสุขภาพที่มีเข้ามาอีก ฉันทรุดตัวลงบนโซฟา ไม่อยากคิดเรื่องอะไรทั้งสิ้น ไม่อยากคุยกับใคร แม้แต่อธิษฐานก็ทำไม่ได้ ขณะที่เปิดทีวีดู ความท้อใจและความสงสัยทำให้ฉันหดหู่มาก ฉันดูโฆษณาหนึ่งที่มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกำลังคุยกับน้องชายว่า “น้องเก่งที่สุด” ขณะที่เธอยังคงชมน้องชายต่อไปเรื่อยๆเขาก็เริ่มยิ้มออก และฉันก็เช่นเดียวกัน

คนของพระเจ้ามักจะต่อสู้กับความท้อใจและความสงสัยอยู่เสมอ ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูอ้างอิงจากพระธรรมสดุดี 95 ที่ยืนยันว่า เราได้ยินเสียงของพระเจ้าได้ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยผู้เขียนพระธรรมฮีบรูเตือนผู้เชื่อในพระเยซูไม่ให้ทำผิดพลาดเหมือนชาวอิสราเอลขณะเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร (ฮบ.3:7-11) ท่านเขียนว่า “ดูก่อน ท่านพี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้ดี เพื่อจะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่เชื่อ คือใจซึ่งพาท่านหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน” (ข้อ 12-13)

ด้วยความช่วยเหลือแห่งความหวังที่มั่นคงปลอดภัยในพระคริสต์ เราจะได้สัมผัสกับแหล่งพลังงานสำรองที่ให้กำลังเพื่อช่วยเราอดทนฟันฝ่าไปได้ คือการหนุนใจซึ่งกันและกันภายในกลุ่มผู้เชื่อ (ข้อ 13) เมื่อผู้เชื่อคนหนึ่งสงสัย ผู้เชื่ออีกคนสามารถยืนยันถึงความจริงและถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ในขณะที่พระเจ้าทรงเสริมกำลังเราผู้เป็นคนของพระองค์ เราเองก็สามารถมอบกำลังแห่งการหนุนใจให้แก่กันและกันได้

ความหวังที่ยั่งยืน

แพทย์วินิจฉัยว่าโซโลม่อนวัย 4 ขวบป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมดูเชน ซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมชนิดร้ายแรง หนึ่งปีต่อมาคณะแพทย์หารือกับครอบครัวเรื่องการใช้รถเข็น แต่โซโลม่อนคัดค้านว่าเขาไม่ต้องการใช้มัน ครอบครัวและเพื่อนๆอธิษฐานเผื่อและระดมทุนสำหรับจัดหาสุนัขบริการที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อช่วยชะลอการนั่งรถเข็นของเขาออกไปให้นานที่สุด องค์กรชื่อเทลส์ฟอร์ไลฟ์ที่ฝึกแคลลี่สุนัขบริการของฉัน กำลังจัดเตรียมเจ้าวาฟเฟิ้ลเพื่อช่วยโซโลม่อน

แม้ว่าโซโลม่อนจะยอมรับการรักษา แต่บางวันก็ยากมากที่จะผ่านไปได้ เขาจึงมักระบายออกมาเป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ในวันที่ยากลำบากวันหนึ่ง โซโลม่อนกอดแม่ไว้และพูดว่า “ผมมีความสุขที่บนสวรรค์ไม่มีโรคดูเชน”

ความเจ็บป่วยที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมส่งผลกระทบต่อมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ แต่เช่นเดียวกับโซโลม่อนเรามีความหวังที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถเสริมกำลังความเชื่อมั่นของเราในวันอันยากลำบากที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พระเจ้าทรงสัญญากับเราว่าจะทรงประทาน “ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” (วว.21:1) พระผู้สร้างและพระผู้ช่วยของเราจะ “ทรงสถิต” ท่ามกลางเราโดยให้เราได้อยู่ในบ้านของพระองค์ (ข้อ 3) พระองค์จะทรง “เช็ดน้ำตาทุกหยด” จากตาของเรา “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป” (ข้อ 4) เมื่อเรารู้สึกว่าการรอคอยนั้น “ยากเกินไป” หรือ “นานเกินไป” เรามีสันติสุขได้เพราะพระสัญญาของพระเจ้าจะสำเร็จอย่างแน่นอน

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา