ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย tim gustafson

ลูกขุนหมายเลข 8

“ชายคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนชายอีกคนชีวิตก็อยู่บนเส้นด้าย” ผู้พิพากษากล่าวอย่างเคร่งขรึมในภาพยนตร์คลาสสิคปี 1957 เรื่อง 12 คนพิพากษา พยานหลักฐานมากมายชี้ไปยังผู้ต้องสงสัยอายุน้อย แต่ระหว่างพิจารณาคดี ความไม่ลงรอยกันในคณะลูกขุนก็ปะทุขึ้น ลูกขุนหมายเลข 8 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 คนตัดสินว่า “ไร้ความผิด” ตามมาด้วยการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน ลูกขุนเพียงหนึ่งเดียวถูกล้อเลียนเมื่อเขาชี้ให้เห็นถึงความคลาดเคลื่อนของคำให้การ เมื่อความตึงเครียดพุ่งทะยาน สมาชิกคณะลูกขุนหลายคนก็ได้เผยให้เห็นทัศนคติที่มีอคติและความรุนแรงออกมา คณะลูกขุนจึงได้ทยอยเปลี่ยนคำตัดสินทีละคนเป็นไร้ความผิด

เมื่อพระเจ้าประทานคำแนะนำแก่ชนชาติอิสราเอลใหม่ พระองค์เน้นย้ำให้กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง “เมื่อเจ้าเป็นพยานในคดีความ” พระเจ้าตรัส “อย่าบิดเบือนความยุติธรรมโดยเข้าข้างคนหมู่มาก” (อพย.23:2 TNCV) ที่น่าสนใจคือศาลก็ต้องไม่ “ลำเอียงเข้าข้างคนจน” (ข้อ 3) หรือ “บิดเบือนคำพิพากษาให้ผิดไปจากความยุติธรรมที่คนจนควรได้รับ” (ข้อ 6) พระเจ้าองค์พิพากษาผู้เที่ยงธรรมทรงปรารถนาให้เรากระทำทุกอย่างด้วยความซื่อตรง

ในภาพยนตร์ 12 คนพิพากษา ลูกขุนคนที่สองที่ตัดสินว่าไร้ความผิดกล่าวกับคนแรกว่า “ไม่ง่ายเลยที่จะยืนหยัดเพียงลำพังต่อการเย้ยหยันของผู้อื่น” แต่นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา ลูกขุนหมายเลข 8 มองเห็นหลักฐานที่แท้จริงเช่นเดียวกับที่เห็นความเป็นมนุษย์ปุถุชนในตัวผู้พิจารณาคดีแต่ละคน ด้วยการทรงนำอย่างอ่อนสุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็สามารถยืนหยัดเพื่อความจริงของพระเจ้าและพูดแทนผู้ที่ไร้อำนาจได้เช่นกัน

ปัญหาที่ใจ

“เห็นนั่นไหมทิม” เพื่อนของผมซึ่งเป็นศิษยาภิบาลชาวกาน่าสาดไฟฉายไปยังวัตถุแกะสลักที่พิงข้างกระท่อมดิน เขาพูดเบาๆว่า “นั่นคือรูปเคารพของหมู่บ้าน” ศิษยาภิบาลแซมเดินทางเข้าป่าเพื่อแบ่งปันพระคัมภีร์ในหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ทุกเย็นวันอังคาร

ในเอเสเคียล เราได้เห็นว่าการบูชารูปเคารพสร้างปัญหาแก่คนยูดาห์อย่างไร เมื่อผู้นำของเยรูซาเล็มมาพบผู้เผยพระวจนะเอเสเคียล พระเจ้าตรัสกับท่านว่า “คนเหล่านี้ได้ยึดเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจ” (14:3) พระเจ้าไม่เพียงแต่เตือนพวกเขาถึงรูปเคารพที่แกะสลักจากไม้และหินเท่านั้น พระองค์ทรงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าการบูชารูปเคารพเป็นปัญหาที่ใจ และเราทุกคนต่อสู้กับสิ่งนี้

อลิสแตร์ เบ็กก์ครูสอนพระคัมภีร์อธิบายว่ารูปเคารพเป็น “อะไรก็ตามนอกเหนือจากพระเจ้าที่เราถือว่าจำเป็นต่อความสงบสุข ภาพลักษณ์ ความสำราญใจของเราหรือการที่ตัวเราได้รับการยอมรับ” แม้แต่สิ่งซึ่งดูว่าน่ายกย่องก็อาจกลายเป็นรูปเคารพสำหรับเราได้ เมื่อเราแสวงหาความสบายใจหรือคุณค่าในตนเองจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เราก็กำลังบูชารูปเคารพ

“จงกลับใจ” พระเจ้าตรัส “และหันจากรูปเคารพของเจ้าเสีย และจงหันหน้าของเจ้าเสียจากสิ่งลามกของเจ้า” (ข้อ 6) คนอิสราเอลแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถทำได้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงมีทางออก โดยการตั้งตารอคอยการเสด็จมาของพระคริสต์และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ให้สัญญาว่า “เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า” (36:26) และเราไม่อาจทำสิ่งนี้ได้ด้วยตนเอง

การ์ดคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ

วิดีโอคริสต์มาสของครอบครัวบาร์คเกอร์นั้นสมบูรณ์แบบ คนเลี้ยงแกะที่สวมเสื้อคลุมสามคน (แสดงโดยลูกชายตัวน้อยของครอบครัว) นั่งเบียดกันรอบกองไฟในทุ่งหญ้า ทันใดนั้นทูตสวรรค์องค์หนึ่งซึ่งสวมบทโดยพี่สาวคนโตก็ลงมาจากยอดเขา เธอดูเจิดจรัสถ้าไม่นับรองเท้าผ้าใบส้นหนาสีชมพูนั้น เมื่อเสียงเพลงประกอบดังขึ้น คนเลี้ยงแกะก็มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเดินผ่านทุ่งนาเพื่อไปพบกับทารกตัวจริง ซึ่งได้แก่น้องชายของพวกเขาที่นอนอยู่ในโรงนาสมัยใหม่ ถึงตอนนี้พี่สาวคนโตเปลี่ยนมาเล่นบทของมารีย์แทน

จากนั้นก็มาถึง“บทแถมท้าย” เมื่อพ่อของเด็กๆให้เราดูเบื้องหลังการถ่ายทำ เด็กๆงอแงบ่นว่า “ผมหนาว” “หนูต้องไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้!” “เรากลับบ้านได้มั้ย” และแม่ของพวกเขาต้องพูดย้ำหลายครั้งว่า “เด็กๆตั้งใจหน่อย” ชีวิตจริงนั้นห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบที่อยู่ในการ์ดคริสต์มาส

การดูเรื่องราวดั้งเดิมของวันคริสต์มาสที่ถูกตัดต่อมาเป็นอย่างดีแล้วนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ชีวิตของพระเยซูไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น กษัตริย์เฮโรดมีใจริษยาได้หาทางที่จะฆ่าพระองค์ขณะยังเป็นทารก (มธ.2:13) มารีย์กับโยเซฟเข้าใจพระเยซูผิด (ลก.2:41-50) โลกเกลียดชังพระองค์ (ยน.7:7) ในช่วงหนึ่ง “แม้พวกน้องๆของพระองค์ก็มิได้วางใจในพระองค์” (7:5) ภารกิจของพระองค์นำไปสู่ความตายอันน่าสยดสยอง พระองค์ทรงทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติแด่พระบิดาและเพื่อช่วยกู้เราให้รอด

วิดีโอของบาร์คเกอร์จบลงด้วยพระดำรัสของพระเยซูที่บอกว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” (ยน.14:6) นั่นคือความเป็นจริงที่จะคงอยู่กับเราตลอดไป

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา