“เห็นนั่นไหมทิม” เพื่อนของผมซึ่งเป็นศิษยาภิบาลชาวกาน่าสาดไฟฉายไปยังวัตถุแกะสลักที่พิงข้างกระท่อมดิน เขาพูดเบาๆว่า “นั่นคือรูปเคารพของหมู่บ้าน” ศิษยาภิบาลแซมเดินทางเข้าป่าเพื่อแบ่งปันพระคัมภีร์ในหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ทุกเย็นวันอังคาร

ในเอเสเคียล เราได้เห็นว่าการบูชารูปเคารพสร้างปัญหาแก่คนยูดาห์อย่างไร เมื่อผู้นำของเยรูซาเล็มมาพบผู้เผยพระวจนะเอเสเคียล พระเจ้าตรัสกับท่านว่า “คนเหล่านี้ได้ยึดเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจ” (14:3) พระเจ้าไม่เพียงแต่เตือนพวกเขาถึงรูปเคารพที่แกะสลักจากไม้และหินเท่านั้น พระองค์ทรงแสดงให้พวกเขาเห็นว่าการบูชารูปเคารพเป็นปัญหาที่ใจ และเราทุกคนต่อสู้กับสิ่งนี้

อลิสแตร์ เบ็กก์ครูสอนพระคัมภีร์อธิบายว่ารูปเคารพเป็น “อะไรก็ตามนอกเหนือจากพระเจ้าที่เราถือว่าจำเป็นต่อความสงบสุข ภาพลักษณ์ ความสำราญใจของเราหรือการที่ตัวเราได้รับการยอมรับ” แม้แต่สิ่งซึ่งดูว่าน่ายกย่องก็อาจกลายเป็นรูปเคารพสำหรับเราได้ เมื่อเราแสวงหาความสบายใจหรือคุณค่าในตนเองจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เราก็กำลังบูชารูปเคารพ

“จงกลับใจ” พระเจ้าตรัส “และหันจากรูปเคารพของเจ้าเสีย และจงหันหน้าของเจ้าเสียจากสิ่งลามกของเจ้า” (ข้อ 6) คนอิสราเอลแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถทำได้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงมีทางออก โดยการตั้งตารอคอยการเสด็จมาของพระคริสต์และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ให้สัญญาว่า “เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า” (36:26) และเราไม่อาจทำสิ่งนี้ได้ด้วยตนเอง