เริ่มต้นด้วยนม
ในสมัยศตวรรษที่เจ็ด บริเวณที่เป็นสหราชอาณาจักรในปัจจุบันนั้นประกอบไปด้วยหลายอาณาจักรที่มักสู้รบกัน เมื่อกษัตริย์ออสวอลด์แห่งนอร์ธัมเบรียรับเชื่อพระเยซู พระองค์ให้ส่งผู้ประกาศพระกิตติคุณไปยังดินแดนของพระองค์ ชายชื่อคอร์แมนถูกส่งออกไป แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปด้วยดีเขาพบว่าชาวอังกฤษ “ดื้อรั้น” “ป่าเถื่อน” และไม่สนใจในคำสอนของเขา เขาจึงกลับบ้านอย่างผิดหวัง
บาทหลวงชื่อไอเด็นพูดกับคอร์แมนว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคาดหวังมากเกินไปจากผู้ฟังที่ยังไม่เคยได้รับการสอนมาก่อน” แทนที่จะให้ชาวนอร์ธัมเบรียได้กิน “น้ำนมแห่งคำสอนง่ายๆ” คอร์แมนสอนสิ่งที่พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจได้ ไอเด็นเดินทางไปยังนอร์ธัมเบรีย โดยปรับคำสอนให้เข้าใจง่าย และมีคนมาเชื่อพระเยซูหลายพันคน
ไอเด็นได้ความเข้าใจนี้จากพระวจนะที่เปาโลพูดกับชาวโครินธ์ว่า “ข้าพเจ้าเลี้ยงท่านด้วยน้ำนมมิใช่ด้วยอาหารแข็ง เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นท่านยังไม่สามารถรับ” (1 คร.3:2) พระธรรมฮีบรูบอกว่าก่อนที่เราจะคาดหวังให้คนใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง พวกเขาต้องได้รับการสอนให้เข้าใจเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับพระเยซู การกลับใจ และการรับบัพติศมาเสียก่อน (ฮบ.5:13-6:2) จากนั้นความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณจึงจะตามมา (5:14) อย่าสลับขั้นตอน น้ำนมต้องมาก่อนเนื้อ คนเราไม่อาจเชื่อฟังคำสอนที่พวกเขาไม่เข้าใจ
ความเชื่อของชาวนอร์ธัมเบรียแพร่กระจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐ เราต้องทำเหมือนไอเด็นคือ ปรับตัวเข้าหาผู้ฟัง
คนนิสัยไม่ดี
ลูซี่ เวอร์สลีย์เป็นนักประวัติศาสตร์และนักจัดรายการโทรทัศน์ชาวอังกฤษ เธอก็เหมือนกับบุคคลสาธารณะส่วนมากที่ได้รับจดหมายหยาบคาย ในกรณีของเธอเป็นเรื่องความบกพร่องด้านการออกเสียงเล็กน้อยที่ทำให้เสียง ร ฟังคล้ายเสียง ว มีคนหนึ่งเขียนมาว่า “ลูซี่ ผมขอพูดตรงๆขอให้คุณปรับปรุงการออกเสียง หรือไม่ก็เอาคำที่มี ร ออกจากบทพูดให้หมด เพราะผมรำคาญจนไม่สามารถทนดูรายการของคุณจนจบได้ ด้วยความนับถือ ดาร์เรน”
สำหรับบางคน การแสดงความคิดเห็นที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้อาจกระตุ้นให้เกิดการตอบกลับอย่างหยาบคายพอกัน แต่ลูซี่ตอบสนองว่า “ดาร์เรน ฉันคิดว่าคุณใช้การไม่เปิดเผยตัวตนทางอินเทอร์เน็ตเพื่อพูดในสิ่งที่คุณอาจจะไม่กล้าพูดต่อหน้าฉัน ขอช่วยพิจารณาคำพูดที่ไม่ดีของคุณใหม่ด้วยค่ะ! ลูซี่”
การตอบสนองอย่างมีสติของลูซี่ได้ผล ดาร์เรนขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ส่งอีเมลแบบนี้ให้ใครอีก
สุภาษิตบันทึกไว้ว่า “คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ” (15:1) ขณะที่คนใจร้อนเร้าการวิวาท แต่คนที่โกรธช้าทำให้ทุกอย่างสงบลง (ข้อ 18) เมื่อเราได้รับคำวิจารณ์จากเพื่อนร่วมงาน คำพูดเหยียดหยามจากคนในครอบครัว หรือคำตอบหยาบคายจากคนแปลกหน้า เราเลือกได้ว่าจะใช้คำพูดรุนแรงที่เติมเชื้อไฟหรือใช้คำพูดสุภาพเพื่อดับไฟ
ขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้ใช้คำพูดที่ช่วยละลายความโกรธเกรี้ยว และบางทีคำพูดนั้นอาจช่วยให้คนที่นิสัยไม่ดีนั้นเปลี่ยนแปลง
เพลงสลัม
แคเทียร่าเป็นสลัมเล็กๆที่ประเทศปารากวัยในอเมริกาใต้ ด้วยความยากจนชาวบ้านจึงเอาชีวิตรอดด้วยการนำขยะจากกองขยะกลับมาใช้ซ้ำ แต่จากสภาพที่ย่ำแย่นี้ได้มีบางสิ่งที่งดงามก่อกำเนิดขึ้น นั่นคือวงออร์เคสตร้า
ด้วยราคาไวโอลินที่แพงกว่าบ้านในแคเทียร่า วงออร์เคสตร้าจึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ โดยพวกเขาสร้างเครื่องดนตรีขึ้นมาจากวัสดุในกองขยะ ไวโอลินทำมาจากกระป๋องน้ำมันกับส้อมที่ดัดงอเป็นส่วนหาง แซ็กโซโฟนทำมาจากท่อน้ำทิ้งกับจุกขวดน้ำเป็นแป้นกด เชลโล่ทำจากถังดีบุกและลูกกลิ้งที่ใช้ทำแป้งย็อคคีเป็นหมุดตั้งเสียง การได้ฟังบทเพลงของโมสาร์ทบรรเลงด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งนี้ช่างเป็นสิ่งสวยงาม วงออร์เคสตร้าวงนี้ได้ทำการแสดงในหลายประเทศ และได้ยกระดับภาพลักษณ์ของสมาชิกรุ่นเยาว์เหล่านี้
ไวโอลินที่ทำจากกองขยะ ดนตรีจากสลัม นั่นคือเครื่องหมายแสดงถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ ในตอนที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บรรยายภาพการทรงสร้างขึ้นใหม่ของพระเจ้า เป็นภาพที่คล้ายคลึงกันของความงดงามที่เกิดขึ้นจากความขัดสน ถิ่นทุรกันดารกลายเป็นทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบาน (อสย.35:1-2) ลำธารพลุ่งขึ้นในทะเลทราย (ข้อ 6-7) เปลี่ยนอาวุธที่ใช้ทำสงครามให้เป็นเครื่องมือทางการเกษตร (2:4) และคนอนาถากลับสู่สภาพดีด้วยเสียงร้องเพลงแห่งความชื่นบาน (35:5-6, 10)
“โลกส่งขยะมาให้พวกเรา” ผู้อำนวยการวงออร์เคสตร้าแคเทียร่ากล่าว“แต่เราส่งเสียงดนตรีกลับไป” และเมื่อพวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาทำให้โลกได้เห็นภาพของอนาคตคือเมื่อพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจนหมดสิ้น และความขัดสนจะไม่มีอีกต่อไป
เผชิญหน้ากับความกลัว
วอร์เรนย้ายไปเป็นศิษยาภิบาลของโบสถ์ในเมืองเล็กๆ หลังพันธกิจเริ่มประสบความสำเร็จ ชาวบ้านคนหนึ่งสร้างปัญหาให้เขา โดยกุเรื่องหาว่าวอร์เรนมีพฤติกรรมน่าหวาดกลัว เขาส่งเรื่องไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และพิมพ์ใบปลิวคำกล่าวหานั้นส่งให้ทุกคนในหมู่บ้านทางไปรษณีย์ วอร์เรนและภรรยาเริ่มอธิษฐานอย่างหนัก หากผู้คนเชื่อคำโกหกชีวิตของพวกเขาจะต้องพังพินาศ
กษัตริย์ดาวิดเคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน พระองค์ถูกโจมตีด้วยคำใส่ร้ายของศัตรู “เขาประทุษร้ายต่อกิจการของข้าพระองค์วันยังค่ำ” พระองค์ตรัส “ความคิดทั้งสิ้นของเขาล้วนมุ่งร้ายต่อข้าพระองค์” (สดด.56:5) การกล่าวหาอย่างต่อเนื่องทำให้ทรงหวาดกลัวและทุกข์ใจ (ข้อ 8) แต่ในท่ามกลางการต่อสู้ พระองค์กล่าวคำอธิษฐานที่ทรงพลังว่า “เมื่อข้าพระองค์กลัว ข้าพระองค์วางใจในพระองค์...เนื้อหนังจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้” (ข้อ 3-4)
คำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิดเป็นแบบอย่างให้กับเราในวันนี้ เมื่อข้าพระองค์กลัว ในเวลาที่เรากลัวหรือถูกใส่ร้าย ให้เราหันไปหาพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ คือการมอบสงครามของเราไว้ในพระหัตถ์อันทรงพลานุภาพของพระเจ้า เนื้อหนังจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้ คือให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์พร้อมกับพระองค์ เราจะระลึกได้ว่าศัตรูของเรามีข้อจำกัดเพียงใด
หนังสือพิมพ์ไม่ให้ความสนใจในเรื่องของวอร์เรน ด้วยสาเหตุบางอย่างใบปลิวไม่เคยถูกแจกจ่ายออกไป วันนี้คุณหวาดกลัวในสงครามใด จงบอกกับพระเจ้า พระองค์ทรงยินดีที่จะต่อสู้ร่วมกับคุณ
กระหืดกระหอบ
ที่ศูนย์รวมสินค้าแต่งบ้านใกล้บ้านผม ทุกแผนกจะมีปุ่มกดสีเขียวขนาดใหญ่อยู่ หากไม่มีพนักงานอยู่บริเวณนั้น คุณสามารถกดปุ่มเรียกซึ่งจะเป็นการเริ่มจับเวลา ถ้าคุณไม่ได้รับบริการภายในหนึ่งนาที คุณก็จะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้า
พวกเราก็เหมือนลูกค้าในร้านนี้ที่ชอบบริการที่รวดเร็ว แต่ความต้องการที่จะได้บริการอันรวดเร็วนี้มีราคาที่ต้องจ่าย เมื่อเราเองต้องเป็นผู้ให้บริการนี้ ดังนั้นทุกวันนี้พวกเราหลายคนจึงรู้สึกต้องเร่งทำงาน ทำต่อเนื่องหลายชั่วโมง เช็คอีเมลวันละหลายครั้ง และรู้สึกกดดันเมื่อกำหนดส่งงานกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ กลยุทธ์ในการให้บริการลูกค้าของศูนย์รวมสินค้าแต่งบ้านซึมซับเข้ามาในชีวิตของเราทุกคน ก่อให้เกิดวัฒนธรรมแห่งการเร่งรีบ
เมื่อพระเจ้าบอกให้อิสราเอลรักษาวันสะบาโต ทรงให้เหตุผลสำคัญคือ “จงระลึกว่าเจ้าเคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์” (ฉธบ.5:15) พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลาของฟาโรห์ที่เกินกว่าเหตุ (อพย.5:6-9) ตอนนี้ที่เป็นอิสระแล้ว พวกเขาควรให้เวลาตัวเองหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์ เพื่อรับรองว่าตัวเขาเองและผู้ที่รับใช้เขาจะได้หยุดพัก (ฉธบ.5:14) ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระเจ้า จะไม่มีใครต้องกระหืดกระหอบจนหน้าแดง
คุณต้องทำงานจนหมดแรง หรือหมดความอดทนกับคนที่ทำให้คุณต้องรอบ่อยเพียงใด จงให้ตัวเราและผู้อื่นได้หยุดพัก วัฒนธรรมแห่งการเร่งรีบเป็นของฟาโรห์ ไม่ใช่ของพระเจ้า
กระแสน้ำที่ไม่คุ้นเคย
ลูกบอลตกลงที่ย่านไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก ฝูงชนนับถอยหลังเมื่อหอนาฬิกาบิ๊กเบนเริ่มตี ท่าเรือซิดนีย์ดังสนั่นไปด้วยเสียงพลุ ไม่ว่าเมืองของคุณจะใช้สัญญาณอะไร ก็มีความตื่นเต้นบางอย่างซ่อนอยู่ในการต้อนรับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่ที่มาถึง ในวันปีใหม่เราเคลื่อนเข้าสู่กระแสน้ำใหม่ มีมิตรภาพหรือโอกาสใหม่ๆอะไรบ้างที่เราอาจได้พบ
แม้จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ปีใหม่ก็อาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคง เราไม่รู้อนาคตหรือพายุใดที่อาจพัดมา ประเพณีหลายอย่างในวันปีใหม่สะท้อนถึงสิ่งนี้ ดอกไม้ไฟถูกคิดค้นในประเทศจีนเพื่อใช้ขับไล่วิญญาณร้ายและทำให้ฤดูกาลใหม่เจริญรุ่งเรือง การตั้งปณิธานในวันปีใหม่มีมาตั้งแต่ยุคที่ชาวบาบิโลนให้สัตย์สาบานเพื่อเอาใจเทพเจ้าของพวกเขา การกระทำเหล่านี้คือความพยายามทำให้อนาคตที่ไม่อาจล่วงรู้ได้นั้นมั่นคง
เมื่อชาวบาบิโลนไม่ต้องสาบาน พวกเขาก็สาละวนอยู่กับการพิชิตชนชาติต่างๆ รวมทั้งชนชาติอิสราเอล ในเวลาต่อมาพระเจ้าทรงส่งข่าวมาถึงคนอิสราเอลที่เป็นทาสว่า “อย่ากลัวเลย...เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า” (อสย.43:1-2) ต่อมาพระเยซูตรัสในทำนองเดียวกันเมื่อทรงอยู่กับเหล่าสาวกในเรือท่ามกลางพายุ “เหตุไฉนจึงขลาดนัก” พระองค์ตรัสกับพวกเขาก่อนที่จะสั่งให้คลื่นลมสงบลง (มธ.8:23-27)
วันนี้เราเคลื่อนออกจากฝั่งสู่กระแสน้ำใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่าเราจะเผชิญสิ่งใด พระองค์สถิตอยู่กับเราและพระองค์ทรงมีฤทธานุภาพที่จะสงบคลื่นลม
ความสำเร็จที่แท้จริง
แขกที่มาให้สัมภาษณ์ตอบคำถามของผมอย่างสุภาพ แต่ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้การพูดคุยของเรา คำพูดเปรยๆทำให้ผมเข้าใจ
“คุณเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนเป็นพันๆ” ผมกล่าว
“ไม่ใช่เป็นพันๆ” เขาพึมพำ “แต่เป็นล้านๆ” และราวกับเวทนาในความไม่รู้ของผม เขาสาธยายถึงคุณวุฒิทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งต่างๆที่เขาได้รับ สิ่งที่เขาทำสำเร็จ นิตยสารที่เคยลงปก ช่างเป็นช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนใจ
ตั้งแต่นั้นมา ผมมักประหลาดใจกับวิธีการที่พระเจ้าเปิดเผยพระองค์เองต่อโมเสสบนภูเขาซีนาย (อพย.34:5-7) พระองค์เป็นผู้สร้างจักรวาลและผู้พิพากษามนุษยชาติ แต่พระองค์ไม่ทรงอ้างตำแหน่ง นี่คือองค์ผู้สร้างกาแล็กซี่จำนวนนับแสนล้านกาแล็กซี่ แต่ก็ไม่ทรงอ้างถึงเช่นกัน พระองค์กลับตรัสว่าทรงเป็น “พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง” (ข้อ 6) เมื่อพระองค์เปิดเผยว่าทรงเป็นใครนั้น พระองค์ไม่ได้ตรัสถึงตำแหน่งหรือผลงาน แต่เป็นพระลักษณะของพระองค์
นี่เป็นความล้ำลึกสำหรับเราที่ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้าและถูกเรียกให้ทำตามพระองค์ (ปฐก.1:27; อฟ.5:1-2) ผลงานเป็นสิ่งดี ตำแหน่งก็มีประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญจริงๆคือเรามีใจกรุณา กอปรด้วยพระคุณและมีความรักมากแค่ไหน
เราเองก็อาจวัดความสำคัญของเราที่ผลงานความสำเร็จ ผมก็เคยเป็นเช่นนั้น แต่พระเจ้าทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นว่าความสำเร็จที่แท้คืออะไร ไม่ใช่สิ่งที่เขียนบนนามบัตรหรือประวัติการทำงาน แต่คือการที่เราเป็นเหมือนพระองค์มากเพียงใด
คริสต์มาสอัศจรรย์
ผมอยู่ที่ลอนดอนในค่ำคืนหนึ่งเพราะมีประชุม ฝนเทลงมาอย่างหนักและผมมาสาย ผมรีบวิ่งไปตามถนน เลี้ยวโค้งแล้วก็ต้องหยุดชะงัก ทูตสวรรค์นับสิบกางปีกใหญ่ระยิบระยับปกคลุมเหนือการจราจรบนถนนรีเจนท์ ไฟกระพริบนับพันดวงนี้เป็นการประดับไฟคริสต์มาสอันงดงามที่สุดที่ผมเคยเห็น ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตกตะลึง คนนับร้อยต่างยืนเรียงรายบนถนนแหงนหน้ามองด้วยความอัศจรรย์ใจ
ความอัศจรรย์คือหัวใจของเรื่องราววันคริสต์มาส เมื่อทูตสวรรค์ปรากฏแก่นางมารีย์ แจ้งว่านางจะตั้งครรภ์อย่างปาฏิหาริย์ (ลก.1:26-38) และแก่คนเลี้ยงแกะเพื่อแจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู (2:8-20) ปฏิกิริยาของทุกคนคือกลัว สงสัยและอัศจรรย์ใจ เมื่อมองไปรอบๆฝูงชนบนถนนรีเจนท์วันนั้น ผมสงสัยว่าพวกเรากำลังรู้สึกคล้ายกัับความรู้สึกเมื่อทูตสวรรค์ปรากฏครั้งแรกนั้นหรือเปล่า
ครู่ต่อมาผมสังเกตเห็นอีกสิ่งหนึ่ง ทูตสวรรค์บางองค์ยกแขนขึ้น ราวกับว่าพวกเขาเองก็แหงนหน้ามองอะไรบางอย่าง เช่นเดียวกับเหล่าทูตสวรรค์ที่เปล่งเสียงร้องเพลงเมื่อกล่าวถึงพระเยซู (ข้อ 13-14) ดูเหมือนว่าทูตสวรรค์เองก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเช่นกันเมื่อเพ่งมองที่พระองค์
“พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์” (ฮบ.1:3) พระเยซูผู้ทรงฉายแสงและส่องสว่างทรงเป็นจุดรวมสายตาของทูตสวรรค์ทุกองค์ (ข้อ 6) ถ้าการประดับไฟคริสต์มาสรูปทูตสวรรค์สามารถทำให้ชาวลอนดอนที่เร่งรีบหยุดชะงักได้ ลองคิดภาพว่าเราจะรู้สึกเช่นไรเมื่อได้พบพระองค์หน้าต่อหน้า
เผชิญการต่อสู้
เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้พบกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง จากการสนทนาดูเหมือนทุกคนกำลังเผชิญกับการต่อสู้ที่หนักหน่วง มีสองคนที่พ่อแม่ป่วยเป็นมะเร็ง อีกคนมีลูกที่มีความผิดปกติเรื่องการกินอาหาร อีกคนมีอาการปวดเรื้อรัง และอีกคนต้องผ่าตัดใหญ่ ดูจะเป็นเรื่องหนักทีเดียวสำหรับคนกลุ่มนี้ที่อยู่ในวัย 30 และ 40 ปี
1 พงศาวดารบทที่ 16 เล่าถึงช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์อิสราเอลเมื่อหีบพันธสัญญาถูกนำเข้ามาในนครดาวิด (เยรูซาเล็ม) ซามูเอลบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงพักรบ (2 ซมอ.7:1) เมื่อหีบพันธสัญญาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรงสถิตของพระเจ้ามาถึง ดาวิดก็นำประชาชนขับร้องเพลง (1 พศด.16:8-36) ชนทั้งชาติร่วมกันร้องเพลงถึงการอัศจรรย์ การรักษาพระสัญญาและการปกป้องที่ผ่านมาของพระเจ้า (ข้อ 12-22) พวกเขาร้องว่า “จงแสวงพระเจ้าและพระกำลังของพระองค์ แสวงพระพักตร์ของพระองค์เรื่อยไป” (ข้อ 11) พวกเขาต้องทำเช่นนั้นเพราะยังมีสงครามอีกมากที่รอพวกเขาอยู่
จงแสวงพระเจ้าและพระกำลังของพระองค์ แสวงพระพักตร์ของพระองค์ นั่นเป็นคำแนะนำที่เราควรปฏิบัติเมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย ความกังวลเรื่องครอบครัวและการต่อสู้อื่นๆ เพราะเราไม่ได้ถูกทิ้งให้ต่อสู้ด้วยกำลังที่ถดถอย พระเจ้าทรงอยู่กับเราและทรงเข้มแข็ง พระองค์ทรงดูแลเรามาแล้วอย่างไร พระองค์ก็จะทรงทำเช่นนั้นอีก
พระเจ้าของเราจะทรงนำเราให้ผ่านพ้นไปได้