ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Mike Wittmer

มีไว้สำหรับใคร

ภาพนั้นทำให้ผมหัวเราะเสียงดัง ฝูงชนยืนเรียงรายโบกธงและโปรยกระดาษสีบนถนนเม็กซิกันขณะรอพระสันตะปาปา ที่กลางถนนมีลูกสุนัขจรจัดตัวหนึ่งเดินนวยนาดพร้อมกับรอยยิ้มราวกับว่าฝูงชนกำลังเชียร์มันอยู่ ใช่แล้ว! สุนัขทุกตัวควรมีวันของมัน และมันควรจะเป็นแบบนี้

เมื่อลูกสุนัข “แย่งความสนใจ” ไปอาจดูน่ารัก แต่การแย่งเกียรติของคนอื่นอาจทำลายชีวิตของเรา กษัตริย์ดาวิดทรงรู้ถึงข้อนี้ดีและปฏิเสธที่จะดื่มน้ำที่เหล่าทหารกล้าของพระองค์เสี่ยงชีวิตไปหามาให้ พระองค์ตรัสด้วยความโหยหาว่าคงเป็นการดีมากถ้ามีใครตักน้ำจากบ่อในเบธเลเฮ็มมาให้พระองค์ดื่ม ทหารกล้าสามนายทำตามที่พระองค์ตรัส พวกเขาฝ่าแนวรบของศัตรูเพื่อไปตักน้ำและนำกลับมา กษัตริย์ดาวิดทรงตื้นตันในความจงรักภักดีของพวกเขา และปรารถนาจะส่งต่อความดีของพวกเขา พระองค์ปฏิเสธที่จะดื่มน้ำนั้น แต่ทรง “เทออกถวายแด่พระเจ้า” เพื่อเป็นเครื่องบูชา (2 ซมอ.23:16)

วิธีที่เราตอบสนองต่อคำยกย่องและสรรเสริญจะบ่งบอกถึงตัวตนของเรา เมื่อคำสรรเสริญนั้นมอบให้ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับพระเจ้า จงหลีกให้พ้นทาง ขบวนแห่นั้นไม่ใช่สำหรับเรา เมื่อคำยกย่องนั้นมีให้กับเรา จงขอบคุณเขาและทวีคูณคำสรรเสริญนั้นโดยถวายเกียรติทั้งหมดแด่พระเยซู “น้ำ” นั้นไม่ใช่เพื่อเราเช่นกัน จงขอบพระคุณและเทน้ำนั้นถวายต่อพระพักตร์พระเจ้า

ไม่(เคย)อิ่ม

แฟรงค์ บอร์แมนบัญชาการในภารกิจการเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรก เขาไม่ประทับใจนัก การเดินทางใช้เวลาไปกลับทั้งหมดสี่วัน แฟรงค์มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เขาบอกว่าการอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักมันเยี่ยมยอดแค่ตอนสามสิบวินาทีแรก จากนั้นเขาก็เริ่มชินกับมัน เขาพบว่าดวงจันทร์ในระยะใกล้มีสีทึมๆ และเต็มไปด้วยพื้นผิวขรุขระ ลูกเรือของเขาถ่ายภาพพื้นผิวว่างเปล่าสีเทาแล้วก็เริ่มเบื่อ

แฟรงค์ได้ไปในที่ซึ่งไม่เคยมีใครไปมาก่อน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ ถ้าเขารู้สึกเบื่อหน่ายประสบการณ์นอกโลกได้ง่ายขนาดนั้น บางทีเราก็ควรจะคาดหวังกับสิ่งที่อยู่ในโลกนี้ให้น้อยลง ผู้เขียนปัญญาจารย์สังเกตเห็นว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ทำให้อิ่มใจได้ “นัยน์ตาก็ดูไม่อิ่มหรือหูก็ฟังไม่เต็ม” (1:8) เราอาจรู้สึกเคลิบเคลิ้มอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง แต่ความอิ่มเอมใจจะค่อยๆหมดไปและเราก็จะมองหาความตื่นเต้นครั้งใหม่

แฟรงค์มีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นตอนที่เขาเห็นโลกปรากฏขึ้นมาจากความมืดด้านหลังดวงจันทร์ โลกของเราเป็นเหมือนลูกแก้วหินอ่อนสีฟ้าสลับขาวที่ส่องประกายภายใต้แสงจากดวงอาทิตย์ ในทำนองเดียวกันความสุขที่แท้นั้นเกิดจากองค์พระบุตรผู้ทรงส่องสว่างอยู่ภายในเรา พระเยซูคือชีวิตของเรา ทรงเป็นแหล่งกำเนิดสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของความหมาย ความรัก และความงาม ความอิ่มใจอย่างที่สุดของเรามาจากสิ่งที่อยู่นอกโลกใบนี้ ปัญหาของเราคือ แม้เราจะไปจนถึงดวงจันทร์ได้ แต่นั่นก็ยังไกลไม่พอ

ฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

ทิฟฟานี่ตื่นขึ้นมาในความมืดบนเครื่องของสายการบินแอร์แคนาดา ขณะยังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ เธอหลับในขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นลงจากเครื่องหลังจากเครื่องลงจอด ทำไมไม่มีใครปลุกเธอเลย เธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เธอสลัดความง่วงงุนและพยายามนึกทบทวน

คุณเคยพบตัวเองอยู่ในที่ซึ่งคาดไม่ถึงไหม คุณยังอายุน้อยเกินกว่าที่จะป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งไม่มีทางรักษา การประเมินครั้งล่าสุดของคุณยอดเยี่ยม แต่เหตุใดตำแหน่งงานของคุณจึงถูกถอด คุณกำลังมีความสุขกับปีที่ดีที่สุดของชีวิตแต่งงาน แต่ตอนนี้คุณกลับต้องเริ่มต้นใหม่ในฐานะพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานชั่วคราว

ฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร โยบอาจนึกสงสัยเมื่อท่าน “นั่งอยู่ในกองขี้เถ้า” (โยบ 2:8) ท่านสูญเสียลูก ทรัพย์สิน และสุขภาพ ในเวลาเพียงไม่นาน ท่านคงสงสัยว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านทราบเพียงว่าท่านต้องนึกให้ออก

โยบระลึกถึงองค์พระผู้สร้างของท่านและความประเสริฐของพระองค์ ท่านบอกกับภรรยาว่า “เราจะรับสิ่งดีจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และจะไม่รับของไม่ดีบ้างหรือ” (ข้อ 10) โยบระลึกได้ว่าท่านควรจะวางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าผู้ประเสริฐ ท่านจึงคร่ำครวญร้องตะโกนต่อสวรรค์ และท่านโศกเศร้าด้วยความหวัง “ข้าทราบว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่” และ “ในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า” (19:25-26) โยบยึดมั่นในความหวังเมื่อท่านระลึกได้ว่า เรื่องราวนั้นเริ่มต้นขึ้นและจบลงเช่นไร

พระคุณนอกกรอบ

ทอมทำงานในสำนักงานกฎหมายซึ่งให้คำปรึกษากับบริษัทของบ็อบ ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกัน จนวันหนึ่งทอมยักยอกเงินของบริษัทหลายพันเหรียญ เมื่อบ็อบรู้ เขาเสียใจและโกรธ แต่เขาได้รับคำแนะนำที่ดีจากรองประธานบริษัทของเขาซึ่งเป็นคริสเตียน รองประธานบริษัทเห็นว่าทอมละอายใจมากและสำนึกผิด เขาจึงแนะนำให้บ็อบถอนฟ้องและจ้างทอมทำงาน “ให้เงินเดือนมากพอที่เขาจะชดใช้คืนได้ แล้วคุณจะหาพนักงานที่สำนึกในบุญคุณและภักดีกว่านี้ไม่ได้อีก” บ็อบทำตาม และทอมก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เมฟีโบเชท หลานของกษัตริย์ซาอูลไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องตกที่นั่งลำบากเมื่อดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ส่วนมากจะฆ่าเชื้อสายของราชวงศ์เก่า แต่ดาวิดรักโจนาธานผู้เป็นโอรสของซาอูล และปฏิบัติต่อโอรสที่ยังมีชีวิตอยู่ของโจนาธานเหมือนเป็นโอรสของพระองค์เอง (ดู 2 ซมอ.9:1-13) พระกรุณาคุณนี้ทำให้พระองค์ได้เพื่อนตาย เมฟีโบเชทประหลาดใจที่เขา “สมควรถึงตายต่อพระพักตร์พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่ฝ่าพระบาทก็ทรงแต่งตั้งข้าพระบาทไว้” (19:28) เขาภักดีต่อดาวิด แม้เมื่ออับซาโลมโอรสของดาวิดขับไล่ดาวิดออกจากเยรูซาเล็ม (2 ซมอ.16:1-4; 19:24-30)

คุณอยากมีเพื่อนตายสักคนไหม คุณอาจต้องทำอะไรที่ไม่ปกติธรรมดา เพื่อจะได้มาซึ่งเพื่อนคนพิเศษ เมื่อสามัญสำนึกบอกให้คุณลงโทษ จงเลือกพระคุณ ให้เขาได้รับผิดชอบ แต่จงมอบโอกาสที่เขาไม่สมควรได้รับเพื่อแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกต้อง คุณอาจหาเพื่อนที่สำนึกในบุญคุณและอุทิศทุ่มเทกว่านี้ไม่ได้อีก จงคิดนอกกรอบ ด้วยพระคุณ

รูปเคารพสำรอง

แซมตรวจบัญชีเกษียณอายุของเขาวันละสองครั้งทุกวัน เขาใช้เวลาสะสมมาสามสิบปี และเมื่อราคาหุ้นในตลาดเพิ่มสูงขึ้นในที่สุดเขาก็มีเงินมากพอที่จะเกษียณ ตราบใดที่ตลาดหุ้นไม่ตกพรวดพราด ความกลัวนี้ทำให้แซมกังวลถึงเงินสะสมของเขา

แย่งซีนพระเยซู

เมื่อศิษยาภิบาลถามคำถามยากๆในชั้นเรียนเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู ผมรีบยกมือขึ้นเพราะเพิ่งได้อ่านมา และผมอยากให้คนอื่นในห้องรู้ว่าผมก็รู้เรื่องนี้ด้วย แต่คิดไปคิดมา ผมเป็นอาจารย์สอนพระคัมภีร์ แล้วถ้าตอบผิดผมคงอายแทบแย่! ผมเริ่มกังวลเพราะกลัวตัวเองจะเสียหน้า ดังนั้น ผมจึงลดมือลง นี่ผมรู้สึกไม่มั่นคงถึงเพียงนี้เลยหรือ

ยอห์นผู้ให้บัพติศมามีวิธีการที่ดีกว่านั้น เมื่อสาวกของท่านบ่นว่า ผู้คนพากันละทิ้งยอห์นและหันไปติดตามพระเยซู ยอห์นบอกว่า ท่านดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ท่านเป็นเพียงผู้ส่งสาร “ข้าพเจ้ามิใช่พระคริสต์ แต่ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชา ให้นำเสด็จพระองค์...พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง” (3:28-30) ยอห์นรู้ดีว่า เหตุแห่งการดำรงอยู่ของท่านคือพระเยซู “ผู้เสด็จมาจากสวรรค์” และ “ทรงเป็นใหญ่เหนือทุกสิ่ง” (ข้อ 31) พระบุตรพระเจ้าผู้ประทานชีวิตให้เรา พระองค์จะต้องได้รับเกียรติและสง่าราศีทั้งสิ้น

เมื่อเราดึงความสนใจมาที่ตัวเอง เราก็กำลังเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนออกจากพระเจ้า และเพราะพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเพียงผู้เดียวและเป็นความหวังเดียวของโลก เกียรติยศชื่อเสียงใดๆก็ตามที่เราขโมยมาจากพระองค์จะกลับมาทำร้ายเราในที่สุด

ขอให้เราตัดสินใจถอยออกมา และหยุดแย่งซีนพระเยซู ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีที่สุดทั้งต่อพระองค์ ต่อโลก และต่อตัวเราเอง

วิ่งเข้าหาความท้าทาย

ทอมไล่ตามเด็กหนุ่มที่กำลังขโมยจักรยานของเพื่อนเขา เขาไม่มีแผนอะไร เขารู้แค่ว่าเขาต้องเอามันคืนมาให้ได้ แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่ขโมยสามคนนั้นมองมาทางเขา ปล่อยรถจักรยานนั้นและถอยออกไป ทอมรู้สึกทั้งโล่งใจและภูมิใจในตัวเองขณะก้มลงดึงจักรยานขึ้นมาพลางหันหลังกลับ ตอนนั้นเองที่เขาเห็นเจฟ เพื่อนกล้ามโตของเขาที่วิ่งตามมาติดๆ

คนรับใช้ของเอลีชาตกใจกลัวเมื่อเห็นว่าเมืองของเขาถูกศัตรูล้อมไว้ เขาวิ่งไปบอกเอลีชาว่า “อนิจจา นายของข้าพเจ้า เราจะทำอย่างไรดี” เอลีชาบอกเขาว่าไม่ต้องกลัว “ฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา” แล้วพระเจ้าทรงเบิกตาของคนรับใช้นั้น และเขาเห็นว่า “ภูเขาก็เต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงอยู่รอบเอลีชา” (ข้อ 15-17)

หากคุณพยายามติดตามพระเยซู คุณอาจพบตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก คุณอาจเสี่ยงที่จะเสียชื่อเสียง หรือแม้แต่ความปลอดภัยของคุณเอง เพราะคุณมุ่งมั่นจะทำสิ่งที่ถูกต้อง คุณอาจนอนไม่หลับและสงสัยว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป จำไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คุณไม่ต้องเข้มแข็งหรือฉลาดกว่าปัญหาที่อยู่ต่อหน้าคุณ พระเยซูทรงอยู่กับคุณและฤทธิ์อำนาจของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่ากำลังของคู่ต่อสู้ทั้งสิ้น จงถามตัวเองด้วยคำถามของเปาโลว่า “ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา” (รม.8:31) คำตอบคือ ไม่มี จงวิ่งเข้าหาความท้าทายตรงหน้าคุณพร้อมกับพระเจ้า

อยู่ในทางนั้น

ความมืดสลัวปกคลุมเมื่อผมเดินตามหลี่เป่าไปบนกำแพงที่ตัดเข้าไปในภูเขาทางตอนกลางของประเทศจีน ผมไม่เคยมาทางนี้ และผมมองเห็นได้แค่ก้าวถัดไป และไม่เห็นว่าพื้นดินทางด้านซ้ายสูงชันเพียงใด ผมกลืนน้ำลายและขยับเข้าไปใกล้หลี่ ผมไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปที่ใดและจะต้องไปอีกนานแค่ไหน แต่ผมเชื่อใจเพื่อนของผม

ผมอยู่ในสถานะเดียวกับโธมัส สาวกผู้ดูเหมือนจะต้องการคำยืนยันอยู่เสมอ พระเยซูบอกพวกสาวกว่าพระองค์จะต้องไปเพื่อจัดเตรียมที่สำหรับพวกเขาและพวกเขาก็รู้จัก “ทางที่[พระองค์]จะไปนั้น” (ยน.14:4) โธมัสถามพระองค์ต่อว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร” (ข้อ 5)

พระเยซูไม่ได้ตอบข้อสงสัยของโธมัสโดยการอธิบายถึงที่ซึ่งพระองค์จะพาพวกเขาไป พระองค์ยืนยันกับสาวกอย่างง่ายๆว่า พระองค์เป็นทางนั้น และแค่นั้นก็เพียงพอแล้วพวกเราก็มีคำถามเกี่ยวกับอนาคตเช่นกัน ไม่มีใครในพวกเราที่รู้รายละเอียดของสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องที่เรามองไม่เห็น ซึ่งก็ไม่เป็นไร การได้รู้จักพระเยซูผู้ทรงเป็น “ทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต” (ข้อ 6) นั้นก็เพียงพอแล้ว

พระเยซูรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น พระองค์เพียงแค่ขอให้เราเดินใกล้ชิดกับพระองค์

การนมัสการอันบริสุทธิ์

โฮเซ่เป็นศิษยาภิบาลคริสตจักรที่มีชื่อเสียงในเรื่องจัดรายการและละครเวที ทุกอย่างไปได้ด้วยดีแต่เขากังวลว่าสิ่งที่คริสตจักรสาละวนอยู่จะกลายเป็นเรื่องของธุรกิจ คริสตจักรกำลังเติบโตตามที่ควรจะเป็นหรือเพราะกิจกรรมกันแน่ เขาอยากหาคำตอบจึงยกเลิกรายการพิเศษของคริสตจักรเป็นเวลาหนึ่งปี การประชุมนมัสการจะจดจ่อในการเป็นวิหารอันมีชีวิตที่ผู้มานมัสการพระเจ้า

การตัดสินใจของโฮเซ่อาจดูเกินกว่าเหตุแต่ลองพิจารณาสิ่งที่พระเยซูทำเมื่อพระองค์เข้าไปในบริเวณพระวิหาร สถานศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเต็มไปด้วยคำอธิษฐานเรียบง่ายกลายเป็นธุรกิจการนมัสการ “ซื้อนกพิราบได้ทางนี้ ขาวเหมือนดอกลิลลี่อย่างที่พระเจ้าต้องการ” พระเยซูคว่ำโต๊ะพ่อค้าและห้ามคนซื้อสินค้าเหล่านั้น พระองค์พิโรธในสิ่งที่พวกเขาทำจึงตรัสถึงอิสยาห์ 56 และเยเรมีย์ 7 ว่า “นิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐานสำหรับประชาชาติทั้งหลาย แต่เจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร” (มก.11:17) ลานสำหรับคนต่างชาติ ซึ่งเป็นสถานนมัสการพระเจ้าสำหรับคนเชื้อชาติอื่น ถูกเปลี่ยนให้เป็นตลาดนัดเพื่อหาเงิน

การทำธุรกิจหรือการสาละวนกับบางสิ่งไม่ผิด แต่ไม่ใช่จุดประสงค์ของคริสตจักร เราเป็นวิหารอันมีชีวิตของพระเจ้าและหน้าที่หลักของเราคือการนมัสการพระเยซู เราอาจไม่ต้องคว่ำโต๊ะเหมือนที่พระเยซูทำ แต่พระองค์อาจเรียกให้เราทำสิ่งที่แข็งกร้าวพอกัน

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา