มงกุฎแห่งชีวิต
ลีเอเดียเนส ร็อดริเกซ-เอสพาดาวัย 12 ปี กังวลว่าเธอจะไปวิ่ง 5 กิโลเมตรสาย ความกระวนกระวายทำให้เธอออกตัวพร้อมกับกลุ่มนักวิ่งก่อนเวลาเริ่มต้นสิบห้านาที คือออกวิ่งพร้อมกับผู้เข้าร่วมแข่งฮาล์ฟมาราธอน (ประมาณ 21 กิโลเมตร) ลีเอเดียเนสก้าวทันนักวิ่งคนอื่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 4 เธอยังมองไม่เห็นเส้นชัย เธอจึงรู้ตัวว่าอยู่ในการแข่งขันซึ่งมีระยะไกลกว่าและยากกว่า แต่แทนที่จะออกจากสนาม เธอกลับวิ่งต่อไป นักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโดยบังเอิญคนนี้วิ่งจนจบระยะทาง 21 กิโลเมตร และอยู่ในอันดับที่ 1,885 จากผู้เข้าเส้นชัย 2,111 คน และนั่นคือความอดทน!
ในระหว่างที่ถูกข่มเหงนั้น มีผู้เชื่อในพระเยซูจำนวนมากในศตวรรษแรกต้องการออกจากการแข่งขันเพื่อพระคริสต์ แต่ยากอบหนุนใจให้พวกเขาวิ่งต่อไป หากพวกเขาอดทนต่อการทดลอง พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานรางวัลสองประการ (ยก.1:4,12) ประการแรก ความอดทนนานนั้นจะ “บรรลุผลอันสมบูรณ์” เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ “ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย” (ข้อ 4) ประการที่สอง พระเจ้าจะประทาน “มงกุฎแห่งชีวิต” คือชีวิตในพระเยซูบนโลกนี้ และพระสัญญาว่าพวกเขาจะได้อยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตหน้าที่จะมาถึง (ข้อ 12)
ในบางวัน การวิ่งแข่งในชีวิตคริสเตียนอาจไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราลงสมัคร หรือคิดไว้ คือเป็นการแข่งที่ยาวนานและยากกว่าที่เราคาด แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้เรา เราจึงอดทนบากบั่นและวิ่งต่อไปได้
การช่วยกู้ของพระเจ้า
อาสาสมัครผู้มีใจเมตตาได้รับฉายา “ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์” จากความพยายามอันกล้าหาญของเขา เจค มานนากำลังติดตั้งแผงโซล่าอยู่ในพื้นที่งาน เมื่อเขาเข้าร่วมการค้นหาเร่งด่วนเพื่อตามหาเด็กหญิงวัยห้าขวบที่หายตัวไป ขณะที่เพื่อนบ้านค้นหาตามโรงรถและสนามหญ้า มานนาใช้เส้นทางที่นำไปสู่ป่าในบริเวณใกล้เคียงที่ซึ่งเขาเห็นเด็กหญิงอยู่ในเลนตมลึกประมาณสะโพก เขาลุยไปในโคลนเหนียวอย่างระมัดระวังเพื่อจะดึงเธอออกจากที่นั่น และพาเธอที่แม้จะเปียกโชกแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆกลับบ้านไปหาแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
เช่นเดียวกับเด็กหญิงคนนั้น ดาวิดก็มีประสบการณ์ในการช่วยกู้เช่นกัน ท่าน “เพียรรอคอย” ให้พระเจ้าตอบสนองต่อการร้องขอความเมตตาด้วยสุดใจของท่าน (สดด.40:1) และพระองค์ทรงตอบ พระเจ้าทรงโน้มพระองค์ลงมาสดับฟังเสียงร้องของท่านและตอบสนองด้วยการช่วยกู้ท่านจากสภาวะ “เลนตม” (ข้อ 2) โดยกระทำให้ย่างเท้าแห่งชีวิตของดาวิดมั่นคง การช่วยกู้จากเลนตมแห่งชีวิตในอดีตยิ่งผลักดันให้ท่านต้องการที่จะร้องเพลงสรรเสริญ เพื่อให้พระเจ้าเป็นความไว้วางใจในเหตุการณ์ในอนาคตของท่าน และเพื่อแบ่งปันเรื่องราวของท่านต่อคนอื่น (ข้อ 3-4)
เมื่อเราเจออุปสรรคในชีวิต เช่น ความลำบากด้านการเงิน ปัญหาในชีวิตแต่งงาน และความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ให้เราร้องทูลต่อพระเจ้าและเพียรรอคอยให้พระองค์ทรงตอบ (ข้อ 1) พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น ทรงพร้อมจะช่วยเราในเวลาที่เราต้องการและประทานที่อันมั่นคงซึ่งเราจะยืนหยัดอยู่ได้
ยอมจำนนต่อพระเจ้า
พระเจ้าไม่ช่วยคนที่ช่วยตัวเอง แต่พระองค์ช่วยผู้ที่วางใจและพึ่งพาพระองค์ ในเดือนพฤษภาคมปี 2018 โจนาธาน รูมี่รู้ดีในเรื่องนี้ เขาเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นพระเยซูในซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง ผู้ถูกเลือกสรร (The Chosen) ซึ่งสร้างจากหนังสือพระกิตติคุณ รูมี่ซึ่งอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิสมาแปดปีเกือบจะหมดตัว มีอาหารแค่พอในแต่ละวันและไม่มีงานทำ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นักแสดงผู้นี้เทใจและมอบงานอาชีพของเขาไว้กับพระเจ้า “ผมพูด(อธิษฐาน)ว่า ‘ผมยอมจำนน ผมยอมจำนน’” หลังจากวันนั้นเขาได้รับเช็คสี่ฉบับทางไปรษณีย์ และสามเดือนต่อมา เขาได้รับเลือกให้รับแสดงบทพระเยซูในหนังเรื่องนี้ รูมี่พบว่าพระเจ้าจะทรงช่วยผู้ที่วางใจในพระองค์
แทนที่จะอิจฉาและเดือดร้อนใจเพราะเหตุ “คนที่กระทำชั่ว” (สดด.37:1) ผู้ประพันธ์สดุดีเชื้อเชิญให้เรายอมจำนนทุกสิ่งแด่พระเจ้า เมื่อเราให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตโดย “วางใจใน [พระองค์]และกระทำความดี...ปีติยินดีใน [พระองค์]” (ข้อ 3-4) และมอบความปรารถนา ปัญหา ความวิตกกังวลทั้งสิ้นและเหตุการณ์แต่ละวันในชีวิตของเราไว้กับพระองค์ พระเจ้าจะทรงนำชีวิตของเราและประทานสันติสุขแก่เรา (ข้อ 5-6) เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่เราในฐานะผู้เชื่อในพระเยซูจะให้พระองค์กำหนดว่าชีวิตของเราควรจะเป็นอย่างไร
ให้เรายอมจำนนและวางใจในพระเจ้า เมื่อเราทำเช่นนั้นพระองค์จะทรงกระทำกิจและทำสิ่งที่จำเป็นและดีที่สุด
ใช้สิ่งที่คุณมีเพื่อพระคริสต์
คุณเคยได้ยินชื่อหอเกียรติยศแห่งการตัดเย็บหรือไม่ โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 เพื่อเชิดชูบุคคลที่สร้าง “ผลกระทบที่ยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมเย็บผ้าที่บ้าน ด้วยผลงานที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์ผ่านการศึกษาด้านการตัดเย็บและการพัฒนาผลิตภัณฑ์” หอนี้ประกอบด้วยบุคคลต่างๆ เช่น มาร์ธา พูลเลน ซึ่งได้รับการประกาศชื่อที่หอนี้ในปี 2005 เธอได้รับคำกล่าวว่าเป็น “สตรีแห่งพระธรรมสุภาษิต 31…ผู้ไม่เคยพลาดที่จะทำให้สาธารณชนรับรู้ถึงแหล่งที่มาของกำลัง การดลใจและพระพรของเธอ”
หอเกียรติยศแห่งการตัดเย็บถูกกำหนดขึ้นในศตวรรษที่ 21 แต่ถ้ามีในศตวรรษที่ 1 ในอิสราเอลสตรีคนหนึ่งชื่อทาบิธาอาจเป็นผู้ที่มีชื่อประดับไว้ในหอนี้อย่างแน่นอน ทาบิธาเป็นผู้เชื่อในพระเยซูและเป็นช่างตัดเย็บที่ใช้เวลาเย็บเสื้อผ้าให้หญิงม่ายยากจนในชุมชนของเธอ (กจ.9:36, 39) หลังจากที่เธอป่วยและเสียชีวิต พวกสาวกจึงส่งคนไปหาเปโตรเพื่อดูว่าพระเจ้าจะทรงกระทำการอัศจรรย์ผ่านท่านหรือไม่ เมื่อท่านมาถึง พวกหญิงม่ายที่กำลังร้องไห้ก็ชี้ให้ดูเสื้อคลุมยาวและเสื้อผ้าอื่นๆที่ทาบิธาทำไว้ให้พวกเธอ(ข้อ 39) เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นหลักฐานว่าเธอ “ทำการอันเป็นคุณประโยชน์เสมอ” เพื่อคนยากจนในเมืองของเธอ (ข้อ 36) และด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ทาบิธาจึงฟื้นคืนชีวิต
พระเจ้าทรงเรียกและจัดเตรียมเราให้ใช้ทักษะที่เรามีเพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันที่มีอยู่ในชุมชนและในโลก ให้เราใช้ทักษะของเราในการรับใช้พระเยซู และดูว่าพระองค์จะใช้การกระทำแห่งความรักของเราเพื่อถักทอหัวใจและชีวิตเข้าด้วยกันอย่างไร (อฟ.4:16)
เสียงร้องที่เฉพาะเจาะจง
เมื่อเด็กทารกร้อง แสดงว่าเด็กเหนื่อยหรือหิวใช่ไหม นั่นก็จริงอยู่ แต่แพทย์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ระบุว่า ความแตกต่างเล็กน้อยในเสียงร้องไห้ของทารกแรกเกิดยังให้เบาะแสที่สำคัญถึงปัญหาอื่นๆด้วย แพทย์ได้คิดค้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้วัดปัจจัยการร้องไห้ เช่น ระดับเสียงสูงต่ำ ระดับความดังและความชัดเจนของเสียงร้อง เพื่อตรวจสอบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับระบบประสาทส่วนกลางของทารกหรือไม่
อิสยาห์เผยพระวจนะว่าพระเจ้าจะทรงฟังเสียงร้องที่เฉพาะเจาะจงของประชากรของพระองค์ ทรงทราบถึงสภาพจิตใจของพวกเขาและทรงตอบสนองด้วยพระคุณ แต่แทนที่ประชาชนยูดาห์จะปรึกษาพระเจ้า พวกเขากลับไม่ใส่ใจผู้เผยพระวจนะของพระองค์และแสวงหาความช่วยเหลือโดยไปเป็นพันธมิตรกับอียิปต์ (อสย. 30:1-7) พระเจ้าตรัสว่า หากพวกเขาเลือกที่จะกบฏต่อไป พระองค์จะทรงนำความพ่ายแพ้และความอัปยศอดสูมาสู่พวกเขา อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงคอยที่จะ “ทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย...เพื่อเมตตาเจ้า” (ข้อ 18) การช่วยกู้จะมาถึง แต่โดยผ่านเสียงร้องไห้แห่งการกลับใจใหม่และความเชื่อเท่านั้น หากประชากรของพระเจ้าร้องทูลต่อพระองค์ พระองค์จะทรงยกโทษบาปของเขาและฟื้นฟูความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณและกำลังวังชาให้กับพวกเขา (ข้อ 8-26)
สิ่งนี้เป็นความจริงเช่นเดียวกันสำหรับผู้เชื่อพระเยซูในปัจจุบัน เมื่อเสียงร้องที่เฉพาะเจาะจงแห่งการกลับใจและความไว้วางใจของเราไปถึงพระกรรณของพระบิดาในสวรรค์ พระองค์จะทรงสดับฟังเสียงร้องนั้น ทรงยกโทษให้เราและให้เราปีติยินดีและมีความหวังอีกครั้งในพระองค์
ความเดือดร้อนที่ดีเพื่อพระเจ้า
วันหนึ่งนักเรียนชั้นป.6 คนหนึ่งสังเกตเห็นเพื่อนกำลังใช้มีดโกนเล็กๆกรีดแขนตัวเอง เธอพยายามจะทำในสิ่งที่ถูกต้องจึงได้แย่งเอามีดโกนมาแล้วโยนทิ้งไป น่าประหลาดที่เธอไม่ได้รับคำชมแต่กลับถูกพักการเรียนเป็นเวลา 10 วัน เหตุผลก็คือเธอมีมีดโกนไว้ในครอบครองแม้ในเวลาสั้นๆ ซึ่งเป็นข้อห้ามของโรงเรียน เมื่อมีคนถามว่าเธอจะทำแบบนั้นอีกไหม เธอตอบว่า “แม้ว่าหนูจะถูกลงโทษ... แต่หนูก็จะทำแบบนั้นอีก” เช่นเดียวกันกับการกระทำของเด็กหญิงคนนี้ที่พยายามทำดีจนเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเอง (ต่อมามีการยกเลิกคำสั่งพักการเรียน) การกระทำของพระเยซูที่ทรงนำแผ่นดินของพระเจ้าเข้ามาแทรกแซง ทำให้พระองค์เกิดความเดือดร้อนในทางที่ดีกับพวกผู้นำศาสนา
ฟาริสีตีความว่าการที่พระเยซูรักษาชายคนหนึ่งที่มือลีบเป็นการฝ่าฝืนกฎของพวกเขา พระคริสต์บอกพวกเขาว่าถ้าคนของพระเจ้าได้รับอนุญาตให้ช่วยสัตว์ที่ตกอยู่ในอันตรายในวันสะบาโต “มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว” (มธ.12:12) เพราะว่าพระเยซูคือพระผู้เป็นเจ้าแห่งวันสะบาโต พระองค์จึงสามารถกำหนดได้ว่าสิ่งใดทรงอนุญาตและสิ่งใดไม่ทรงอนุญาต (ข้อ 6-8) แม้ทรงรู้ว่าจะทำให้ผู้นำศาสนาไม่พอใจ พระองค์ก็ยังรักษามือของชายผู้นั้นให้หายเป็นปกติ (ข้อ 13-14)
บางครั้งผู้เชื่อในพระคริสต์อาจต้องพบกับ “ความเดือดร้อนที่ดี” คือการทำสิ่งที่ถวายเกียรติพระองค์โดยการช่วยผู้ที่อยู่ในความเดือนร้อน แต่อาจทำให้ บางคนไม่พอใจ เมื่อเราทำโดยที่พระเจ้าทรงนำเรา นั่นคือเรากำลังเลียนแบบพระเยซูและแสดงให้เห็นว่าผู้คนนั้นสำคัญกว่ากฎเกณฑ์และพิธีกรรม
อยู่ในทางของพระเจ้า
เมื่อหลายปีก่อนรถไฟบรรทุกผู้โดยสาร 218 คนตกรางทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 79 คนและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกกว่า 66 คน คนขับไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ แต่คลิปวิดีโอสามารถอธิบายได้ว่ารถไฟขบวนดังกล่าวแล่นเร็วเกินไปก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่โค้งมรณะ มีการจำกัดความเร็วสูงสุดที่รถไฟสามารถวิ่งได้เพื่อปกป้องผู้โดยสารรถไฟทุกคน แม้คนขับจะเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศสเปนที่มีประสบการณ์มานานถึงสามสิบปี แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่จะเพิกเฉยต่อการจำกัดความเร็วซึ่งทำให้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิต
ในเฉลยธรรมบัญญัติ 5 โมเสสได้ทบทวนขอบเขตของพันธสัญญาเดิมให้ประชากรของพระเจ้าฟัง โมเสสหนุนใจคนรุ่นใหม่ให้ถือว่าคำสอนของพระเจ้าเป็นพันธสัญญาระหว่างพวกเขากับพระเจ้า (ข้อ 3) จากนั้นท่านก็ทบทวนพระบัญญัติสิบประการ (ข้อ 7-21) โดยการย้ำถึงพระบัญญัติและบทเรียนจากการไม่เชื่อฟังของคนรุ่นก่อน โมเสสได้เชื้อเชิญให้คนอิสราเอลมีความยำเกรง ความถ่อมใจ และระลึกถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระเจ้าทรงเตรียมทางไว้ให้กับประชากรของพระองค์เพื่อพวกเขาจะไม่ทำลายชีวิตของตนเองหรือของผู้อื่น หากพวกเขาเพิกเฉยต่อพระปัญญาของพระเจ้า พวกเขาจะต้องพบกับอันตราย
วันนี้ในขณะที่พระเจ้าทรงนำเรา ขอให้พระคัมภีร์ทั้งหมดเป็นความยินดี เป็นที่ปรึกษา และเป็นรั้วป้องกันให้กับชีวิตของเรา และในขณะที่พระวิญญาณทรงชี้นำเรา เราสามารถอยู่ในทางที่มีการปกป้องอันชาญฉลาดของพระองค์ และมอบถวายชีวิตทั้งหมดของเราให้กับพระองค์ด้วยสุดใจ
ร้องขอความช่วยเหลือ
เดวิด วิลลิสอยู่ที่ชั้นบนของร้านหนังสือวอเตอร์สโตนส์ เมื่อเขาลงมาชั้นล่างจึงพบว่าไฟปิดแล้วและประตูก็ล็อค เขาถูกขังอยู่ในร้าน! เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงเปิดทวิตเตอร์และส่งข้อความว่า “สวัสดี @วอเตอร์สโตนส์ ผมติดอยู่ในร้านหนังสือของคุณที่จัตุรัสทราฟัลการ์มา 2 ชั่วโมงแล้ว ได้โปรดช่วยผมออกไปด้วย” ไม่นานหลังจากส่งข้อความ เขาก็ได้รับการช่วยเหลือ
เป็นเรื่องดีที่มีวิธีขอความช่วยเหลือเมื่อเรามีปัญหา อิสยาห์กล่าวว่ามีท่านผู้หนึ่งที่จะตอบเสียงร้องทูลของเราในยามที่เราติดกับดักอยู่ในปัญหาที่เราเองสร้างขึ้น ผู้เผยพระวจนะบันทึกว่าพระเจ้ากล่าวโทษประชากรของพระองค์เรื่องการปฏิบัติศาสนกิจอย่างขาดความรับผิดชอบ พวกเขากำลังดำเนินตามวิถีแห่งศาสนา โดยปกปิดการซึ่งพวกเขากดขี่คนยากจนด้วยพิธีกรรมที่ว่างเปล่าและรับใช้ตนเอง (อสย.58:1-7) สิ่งนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าพระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์จากเขาและไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขา (1:15) พระองค์บอกพวกเขาให้กลับใจและแสดงออกด้วยการประพฤติด้วยการปรนนิบัติดูแลผู้อื่น (58:6-7) หากพวกเขาทำดังนั้น พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่ ถ้าเจ้าจะเอาออกไปจากท่ามกลางเจ้าเสีย ซึ่งแอก ซึ่งการชี้หน้า และซึ่งการพูดอธรรม” (ข้อ 9)
ให้เราเข้าไปใกล้คนยากจนแล้วพูดกับพวกเขาว่า “ฉันอยู่นี่” เพราะพระเจ้าทรงสดับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเราและตรัสว่า “เราอยู่นี่”
เตือนด้วยความรัก
ในปี 2010 คลื่นสึนามิถล่มเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าสี่ร้อยคน แต่การสูญเสียนี้สามารถป้องกันหรือลดจำนวนลงได้หากระบบเตือนภัยสึนามิทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ระบบเฝ้าระวังสึนามิ (ทุ่นลอยน้ำ) หลุดออกจากตำแหน่งและถูกพัดหายไป
พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่าพวกเขามีหน้าที่เตือนเพื่อนสาวกถึงสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณ รวมถึงบาปที่ยังไม่กลับใจ พระองค์อธิบายขั้นตอนว่าหากมีคนทำผิดบาปต่อผู้เชื่อ เขาสามารถ “แจ้ง” ความผิดต่อผู้ที่ทำผิดนั้นด้วยท่าทีถ่อมใจ เป็นการส่วนตัว และด้วยใจอธิษฐาน (มธ.18:15) หากคนผู้นั้นกลับใจ ความขัดแย้งก็จะคลี่คลายและความสัมพันธ์ก็ได้รับการรื้อฟื้น หากผู้เชื่อคนนั้นไม่ยอมกลับใจ “คนหนึ่งหรือสองคน” อาจช่วยแก้ไขความขัดแย้งได้ (ข้อ 16) ถ้าผู้ทำความผิดคนนั้นยังไม่กลับใจ ก็ให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อ “คริสตจักร” (ข้อ 17) ถ้าเขายังคงไม่ยอมกลับใจ ก็ให้ถอดเขาออกจากกลุ่มผู้เชื่อ แต่ก็ยังสามารถอธิษฐานเผื่อและสำแดงความรักของพระคริสต์แก่เขาได้อยู่
ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ให้เราอธิษฐานขอสติปัญญาและความกล้าที่เราจะห่วงใยมากพอที่จะเตือนซึ่งกันและกันด้วยความรักถึงอันตรายของความบาปที่ไม่ยอมกลับใจ และถึงความชื่นชมยินดีของการคืนดีกับพระบิดาในสวรรค์และผู้เชื่อคนอื่นๆ แล้วพระเยซูจะทรงอยู่ “ท่ามกลาง[เรา]ที่นั่น” (ข้อ 20)