ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Lisa M. Samra

Lisa Samra

Lisa desires to see Christ glorified in her life and in the ministries where she serves. Born and raised in Texas, Lisa is always on the lookout for sweet tea and brisket. She graduated with a Bachelor of Journalism from the University of Texas and earned a Master of Biblical Studies degree from Dallas Theological Seminary. Lisa now lives in Grand Rapids, Michigan, with her husband, Jim, and their four children. In addition to writing, she is passionate about facilitating mentoring relationships for women, and developing groups focused on spiritual formation and leadership development. Lisa has been blessed to travel extensively and often finds inspiration from experiencing the beauty of diverse cultures, places, and people. Lisa enjoys good coffee, running, and reading—just not all at the same time.

บทความ โดย Lisa Samra

วางใจพระเจ้าเมื่อถูกต่อต้าน

เอสเธอร์เติบโตมาในชนเผ่าหนึ่งในฟิลิปปินส์ที่ต่อต้านความเชื่อในพระคริสต์ เธอได้รับความรอดในพระเยซูหลังจากที่ป้าของเธออธิษฐานเผื่อระหว่างที่เธอต่อสู้กับโรคร้ายแรงถึงชีวิต ทุกวันนี้เอสเธอร์เป็นผู้นำการศึกษาพระคัมภีร์ในชุมชนแม้จะถูกคุกคามอย่างรุนแรงกระทั่งขู่ฆ่า เธอรับใช้ด้วยความชื่นชมยินดีโดยบอกว่า “ฉันไม่สามารถหยุดบอกผู้อื่นถึงเรื่องพระเยซู เพราะฉันได้สัมผัสถึงฤทธิ์อำนาจ ความรัก ความประเสริฐ และความสัตย์ซื่อของพระเจ้าในชีวิตฉัน”

การรับใช้พระเจ้าโดยต้องเผชิญกับการต่อต้านเป็นสิ่งที่หลายคนเผชิญในวันนี้ เช่นเดียวกับชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ชายหนุ่มชาวอิสราเอลสามคนซึ่งเป็นเชลยในบาบิโลน ในพระธรรมดาเนียลเราทราบว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะอธิษฐานต่อปฏิมากรทองคำขนาดใหญ่ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ แม้จะถูกข่มขู่ถึงชีวิต ชายเหล่านี้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงสามารถปกป้องพวกเขา พวกเขายังเลือกที่จะปรนนิบัติพระองค์ “ถึงแม้” พระองค์จะไม่ช่วยกู้พวกเขา (ดนล.3:18) เมื่อถูกโยนเข้าไปในเตาไฟ พระเจ้าทรงเข้ามาร่วมในการทนทุกข์กับพวกเขา (ข้อ 25) ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน พวกเขารอดชีวิตโดย “ผมที่ศีรษะของเขาก็ไม่งอ” (ข้อ 27)

หากเราต้องเผชิญกับการทนทุกข์หรือถูกข่มเหงเพราะการสำแดงความเชื่อ ตัวอย่างทั้งในอดีตและปัจจุบันเตือนเราว่าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับเราเพื่อเสริมกำลังและค้ำจุนเราเมื่อเราเลือกเชื่อฟังพระองค์ “ถึงแม้” สิ่งต่างๆจะไม่เป็นอย่างที่เราหวัง

ความต้องการสติปัญญา

การที่ต้องเติบโตขึ้นโดยไม่มีพ่อ ทำให้ร็อบรู้สึกว่าเขาพลาดโอกาสที่จะได้รับสติปัญญาหรือคำชี้แนะที่พ่อมักจะส่งต่อให้กับลูกๆ ร็อบไม่อยากให้คนอื่นขาดทักษะชีวิตที่สำคัญนี้ เขาจึงทำซีรี่ย์ชื่อว่า “พ่อครับ..ทำยังไง” เป็นวิดีโอที่สาธิตทุกอย่างตั้งแต่การทำชั้นวางของไปจนถึงการเปลี่ยนยางรถยนต์ ด้วยรูปแบบความใจดีและอบอุ่นของเขา ร็อบจึงมีชื่อเสียงทางช่องยูทูปที่มีคนติดตามเป็นล้านๆ

เราหลายคนปรารถนาจะมีคนที่มีคุณสมบัติเป็นพ่อแม่ที่มีความเชี่ยวชาญคอยสอนทักษะที่มีประโยชน์ และช่วยนำทางเราในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โมเสสต้องการคำแนะนำหลังจากที่ท่านและคนอิสราเอลหนีออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ และกำลังสร้างชาติของตนเอง เยโธรผู้เป็นพ่อตาของโมเสสมองเห็นความตึงเครียดในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของผู้คนที่ส่งผลกระทบต่อโมเสส เยโธรจึงให้คำแนะนำที่ชาญฉลาดถึงวิธีการแบ่งหน้าที่ของผู้นำ (อพย.18:17-23) โมเสส “เชื่อฟังถ้อยคำของพ่อตา และทำตามที่เขาแนะนำทุกประการ” (ข้อ 24)

พระเจ้าทรงรู้ว่าเราทุกคนต้องการสติปัญญา บางคนอาจได้รับพระพรด้วยการมีพ่อแม่ที่รักพระเจ้าเป็นผู้มอบคำปรึกษาอันชาญฉลาด แต่ถ้าไม่มี เราสามารถขอสติปัญญาจากพระเจ้าผู้ทรงประทานให้แก่ทุกคนที่ทูลขอ (ยก.1:5) และพระองค์จะยังทรงประทานสติปัญญาผ่านข้อความในพระคัมภีร์ ที่เตือนว่าเมื่อเราถ่อมใจและจริงใจที่จะฟังคำสอนของผู้มีปัญญา เรา “จะได้ปัญญา” (สภษ.19:20) และมีสติปัญญาที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น

เต้นโลดในเสรีภาพ

จิมเป็นชาวไร่ในรุ่นที่ 3 ของครอบครัว เขาตื้นตันใจเมื่อได้อ่าน “คนเหล่านั้นที่ยำเกรงนามของเรา...จะกระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนลูกวัวออกไปจากคอก” (มลค.4:2) เขาจึงอธิษฐานรับชีวิตนิรันดร์จากพระเยซู เขาจำได้ชัดเจนว่าลูกวัวของเขากระโดดด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ออกมาจากคอก ในที่สุดจิมก็เข้าใจถึงพระสัญญาแห่งเสรีภาพที่แท้จริงของพระเจ้า

ลูกสาวของจิมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเมื่อเราคุยกันถึงภาพเปรียบเทียบในมาลาคี 4 เรื่องที่ผู้เผยพระวจนะพูดถึงความแตกต่างของผู้ที่ยำเกรงพระนามของพระเจ้าและยังคงสัตย์ซื่อต่อพระองค์ กับผู้ที่เชื่อมั่นในตนเอง (4:1-2) ผู้เผยพระวจนะหนุนใจคนอิสราเอลให้ติดตามพระเจ้าในยามที่คนมากมายรวมถึงผู้นำทางศาสนาละเลยพระเจ้าและมาตรฐานของพระองค์ในการดำเนินชีวิตที่สัตย์ซื่อ (1:12-14; 3:5-9) มาลาคีขอให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างสัตย์ซื่อเพราะอีกไม่นานพระเจ้าจะแยกคนสองกลุ่มนี้ออกจากกันอย่างเด็ดขาด ในบริบทนี้มาลาคีใช้ภาพการกระโดดโลดเต้นของลูกวัว เพื่ออธิบายถึงความสุขที่เกินบรร-ยายที่กลุ่มคนผู้สัตย์ซื่อจะได้พบเมื่อ “ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้จะขึ้นมา” (4:2)

พระเยซูคือความสำเร็จสูงสุดแห่งพระสัญญานี้ โดยทรงนำข่าวดีมาบอกว่าเสรีภาพที่แท้จริงนั้นมีสำหรับทุกคน (ลก.4:16-21) และวันหนึ่ง เมื่อพระองค์เจ้าทรงรื้อฟื้นและฟื้นฟูสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นใหม่ เราจะได้สัมผัสกับเสรีภาพแท้อย่างเต็มที่ จะมีความชื่นชมยินดีที่ไม่อาจบรรยายได้เพียงใดที่ได้กระโดดโลดเต้น ณ ที่แห่งนั้น!

ลุกขึ้นอีกครั้ง

ไรอัน ฮอลล์นักวิ่งโอลิมปิกเป็นเจ้าของสถิติการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนของสหรัฐอเมริกา เขาเข้าเส้นชัยในการแข่งขันระยะ 21 กิโลเมตร ด้วยเวลาอันน่าทึ่งเพียง 59 นาที 43 วินาที ทำให้เขาเป็นนักวิ่งคนแรกของสหรัฐที่ใช้เวลาน้อยกว่า 1 ชั่วโมง ขณะที่ฮอลล์ฉลองชัยชนะในการทำสถิติ เขาก็รู้ดีถึงความผิดหวังของการที่ไม่สามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้

การรู้รสชาติของทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ฮอลล์ระบุว่าความเชื่อในพระเยซูของเขาเป็นสิ่งที่คอยค้ำจุนเขาไว้ พระคำโปรดข้อหนึ่งซึ่งเป็นคำเตือนที่ให้กำลังใจเขาจากพระธรรมสุภาษิตคือ “เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก” (24:16) สุภาษิตข้อนี้เตือนเราว่าผู้ชอบธรรมคือผู้ที่วางใจและมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า จะยังคงต้องพบกับความยากลำบากและอุปสรรค แต่เมื่อพวกเขายังคงแสวงหาพระเจ้าในท่ามกลางความยากลำบาก พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อที่จะประทานกำลังให้พวกเขาลุกขึ้นอีกครั้ง

คุณได้เคยประสบกับความผิดหวังหรือความล้มเหลวที่เลวร้ายเมื่อไม่นานมานี้จนคุณรู้สึกว่าจะไม่สามารถฟื้นตัวบ้างหรือไม่ พระคัมภีร์หนุนใจเราที่จะไม่พึ่งพากำลังของตัวเราเอง แต่ที่จะวางความเชื่อมั่นของเราไว้กับพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์เสมอ เมื่อเราวางใจพระเจ้า พระวิญญาณของพระองค์จะให้กำลังเราในการต่อสู้กับความยากลำบากในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อยหรืออุปสรรคที่หนักหน่วง (2 คร.12:9)

นำทางผ่านพายุแห่งชีวิต

วันที่ 16 กรกฎาคม 1999 เครื่องบินเล็กที่ขับโดยจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์ ได้ตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติก เจ้าหน้าที่สืบสวนระบุสาเหตุของอุบัติเหตุว่าเกิดจากข้อผิดพลาดทั่วไปที่เรียกว่าการหลงสภาพการบิน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อทัศนวิสัยไม่ดีจนทำให้นักบินสับสนและลืมพึ่งพาอุปกรณ์ที่จะช่วยให้พวกเขาไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ขณะที่เราเดินในเส้นทางแห่งชีวิต บ่อยครั้งที่ชีวิตโดนกระหน่ำจนเรารู้สึกสับสน ไม่ว่าจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง การเสียชีวิตของคนที่รัก ตกงาน ถูกเพื่อนหักหลัง โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิดในชีวิตทำให้เราหลงทางและสับสนได้ง่าย

เมื่อพบตัวเองอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ เราอาจพยายามอธิษฐานตามสดุดี 43 ในสดุดีบทนี้ผู้เขียนหวาดกลัวและหลงทาง เพราะท่านสัมผัสถึงความชั่วร้ายและความอยุติธรรมที่อยู่รอบตัว ในความสิ้นหวังผู้เขียนร้องขอให้พระเจ้าทรงช่วยนำท่านฝ่าสถานการณ์นี้ไปถึงจุดหมายที่ต้องการอย่างปลอดภัย คือยังที่ประทับของพระเจ้า (ข้อ 3-4) ในที่ประทับของพระเจ้า ผู้เขียนรู้ว่าท่านจะพบความหวังและความชื่นชมยินดีอีกครั้ง

ผู้เขียนสดุดีทูลขอสิ่งใดสำหรับนำทาง สิ่งนั้นคือแสงแห่งความจริงและความมั่นใจในการทรงสถิตของพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์

เมื่อคุณรู้สึกสับสนและหลงทาง การทรงนำที่สัตย์ซื่อของพระเจ้าผ่านทางองค์พระวิญญาณและการทรงสถิตอยู่ด้วยความรักจะปลอบโยนและส่องสว่างนำทางคุณ

หนทางแห่งความเชื่อ

การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในปี 2017 ทีมสหรัฐอเมริกาต้องแข่งกับทีมตรีนิแดดและโตเบโก นักรบโซก้าได้ทำให้ทั้งโลกตกตะลึงเมื่อสามารถเอาชนะทีมชาติชายของสหรัฐ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สูงกว่าถึง 56 อันดับ ไปด้วยคะแนน 2 ต่อ 1 ทำให้ทีมสหรัฐพลาดโอกาสเข้าร่วมแข่งฟุตบอลโลกในปี 2018

ชัยชนะของตรีนิแดดและโตเบโกเป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย ส่วนหนึ่งเพราะว่าจำนวนประชากรและทรัพยากรของสหรัฐทำให้ประเทศเล็กๆในแถบแคริบเบียนดูเหมือนคนแคระ แต่ข้อได้เปรียบที่ดูไม่น่าจะเอาชนะได้นี้ก็ไม่อาจทำให้ทีมนักรบโซก้าที่สู้สุดแรงพ่ายแพ้ได้

เรื่องราวของกิเดโอนและคนมีเดียนได้แสดงให้เห็นถึงชัยชนะที่น่าตกตะลึงของนักรบกลุ่มเล็กๆเหนือกองทัพใหญ่เช่นกัน ความจริงแล้วอิสราเอลมีนักรบมากกว่าสามหมื่นคน แต่พระเจ้าทรงคัดเลือกนักรบเพียงสามร้อยคน เพื่อให้ชนชาติอิสราเอลเรียนรู้ว่าความสำเร็จขึ้นอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ขนาดของกองทัพ หรือจำนวนเงินที่มีในคลัง หรือความสามารถของผู้นำ (วนฉ.7:1-8)

การวางใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นหรือวัดได้อาจกลายเป็นสิ่งที่ล่อลวงเรา ซึ่งนั่นไม่ใช่หนทางแห่งความเชื่อ แม้ว่าบ่อยครั้งจะเป็นเรื่องยากเมื่อเราตั้งใจจะพึ่งพาในพระเจ้า เพื่อให้ “มีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์” (อฟ.6:10) แต่เราสามารถเข้าสู่สถานการณ์ด้วยความกล้าหาญและเชื่อมั่น แม้เราจะรู้สึกหนักใจและไม่มีความสามารถพอ การทรงสถิตและฤทธานุภาพของพระองค์สามารถทำสิ่งที่อัศจรรย์ภายในเราและผ่านเรา

ชีวิตที่น่าประทับใจ

ฉันได้มารู้เรื่องของแคทเธอรีน แฮมลิน หมอผ่าตัดผู้มีชื่อเสียงชาวออสเตรเลียจากข่าวมรณกรรมของเธอ ในเอธิโอเปียแคทเธอรีนและสามีก่อตั้งโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียวในโลกที่อุทิศเพื่อการรักษาเฉพาะด้าน แก่ผู้หญิงที่บาดเจ็บทางร่างกายและทางจิตใจอันเนื่องจากการเกิดแผลทะลุในช่องท้องในระหว่างคลอดบุตร ซึ่งเป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบ่อยในโลกที่กำลังพัฒนาแคทเธอรีนดูแลการให้การรักษาแก่ผู้หญิงกว่า 60,000 คน

ตอนอายุเก้าสิบสอง เธอยังคงดูแลงานที่โรงพยาบาลและเริ่มต้นวันด้วยการจิบชาและศึกษาพระวจนะ เธอบอกคนที่สงสัยว่าเธอเป็นเพียงผู้เชื่อในพระเยซูที่ทำงานที่พระเจ้ามอบหมายให้เธอทำ

ฉันขอบคุณพระเจ้าที่ได้เรียนรู้ถึงชีวิตอันน่าทึ่งของเธอ เพราะเธอเป็นตัวอย่างอันทรงพลังที่ทำให้เห็นถึงพระวจนะซึ่งหนุนใจให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตในแบบที่แม้แต่คนที่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างแข็งขันก็ “จะได้เห็นการดีของท่านและเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้า” (1 ปต.2:12)

ฤทธิ์อำนาจขององค์พระวิญญาณที่ทรงเรียกเราออกจากความมืดฝ่ายวิญญาณเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระองค์ (ข้อ 9) นั้น สามารถเปลี่ยนการงานหรือการรับใช้ของเราให้กลายเป็นคำพยานแห่งความเชื่อได้เช่นกัน ไม่ว่าพระเจ้าจะประทานความปรารถนาหรือทักษะใดให้แก่เรา เราสามารถทำสิ่งนั้นให้มีความหมายและวัตถุประสงค์มากขึ้นด้วยการทำทุกอย่างนั้น เพื่อจะชี้นำผู้คนมาถึงพระองค์

ติดตามด้วยความรัก

“ข้าหนีจากพระองค์ตลอดทั้งคืนและวัน” นี่คือท่อนแรกของบทกวีชื่อดัง “สุนัขล่าเนื้อจากสวรรค์” โดยฟรานซิส ทอมป์สันกวีชาวอังกฤษ ทอมป์สันบรรยายถึงการติดตามอย่างไม่ลดละของพระเยซูแม้เขาพยายามจะหลบซ่อนหรือวิ่งหนีจากพระเจ้า บทกวีจบลงโดยบอกว่า “ข้าคือคนที่พระองค์ตามหา!”

ความรักที่ติดตามอย่างไม่ลดละของพระเจ้าคือหัวใจหลักของพระธรรมโย-นาห์ ผู้เผยพระวจนะได้รับมอบหมายให้ไปประกาศแก่ชาวนีนะเวห์ (ศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล) ให้กลับใจ แต่โย​นาห์​ “ได้​ลุก​ขึ้น​หนี​ไป...จาก​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า” (ยนา.1:3) ท่านซื้อตั๋วโดยสารเรือที่มุ่งไปคนละทิศกับนีนะเวห์ แต่ไม่นานเรือก็เจอพายุรุนแรง โยนาห์จึงถูกโยนออกจากเรือเพื่อช่วยชีวิตลูกเรือก่อนที่ท่านจะถูกปลามหึมากลืน (1:15-17)

ในบทกวีอันงดงามของท่าน โยนาห์บรรยายว่าแม้ท่านจะพยายามสุดความสามารถเพื่อหนีจากพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงติดตามท่าน เมื่อสถานการณ์หนักหน่วงและท่านต้องการความช่วยเหลือ ท่านร้องทูลอธิษฐานต่อพระเจ้าและหันไปหาความรักของพระองค์ (2:2,8) พระเจ้าทรงตอบและประทานการช่วยกู้ไม่เพียงแต่โยนาห์เท่านั้น แต่กับศัตรูชาวอัสซีเรียของท่านด้วย (3:10)

ดังเช่นในบทกวีทั้งสองบท อาจมีบางเวลาในชีวิตที่เราพยายามหนีจากพระเจ้า กระนั้นพระเยซูทรงรักเราและทรงกระทำกิจเพื่อนำเรากลับสู่การคืนดีกับพระองค์ (1 ยน.1:9)

ยึดมั่นในความจริง

ครอบครัวของฉันอาศัยในบ้านอายุเกือบร้อยปีที่มีลักษณะพิเศษหลายอย่าง รวมถึงผนังที่ฉาบพื้นผิวอย่างสวยงาม ช่างก่อสร้างเตือนฉันว่าผนังแบบนี้ หากจะแขวนรูปภาพต้องเจาะตะปูเข้าไปยึดในเนื้อไม้หรือใช้พุกยึดผนัง ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงที่ภาพจะตกกระแทกพื้นทิ้งให้ผนังเป็นรูโหว่ไม่น่าดู

ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ใช้ภาพเปรียบเทียบของหมุดที่ตอกแน่นบนผนังเพื่ออธิบายถึงบุคคลที่ไม่มีบทบาทเด่นในพระคัมภีร์ชื่อว่าเอลียาคิม เขาไม่เหมือนเชบนาเจ้าพนักงานฉ้อฉล (อสย.22:15-19) และชาวอิสราเอลผู้แสวงหาความเข้มแข็งด้วยตัวเขาเอง (ข้อ 8-11) เอลียาคิมวางใจในพระเจ้า อิสยาห์ได้พยากรณ์ว่าเอลียาคิมจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการในวังให้กับกษัตริย์เฮเซคียาห์ท่านเขียนว่าพระเจ้าจะตอกเขาไว้เหมือน “ตอกหมุดในที่มั่นคง” (ข้อ 23) การยึดมั่นในความจริงและพระคุณของพระเจ้ายังทำให้เอลียาคิมกลายเป็นที่ยึดให้กับครอบครัวและคนของเขา (ข้อ 22-24)

กระนั้นอิสยาห์ได้สรุปคำพยากรณ์ด้วยคำเตือนที่จริงจังว่าไม่มีใครจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยที่ดีที่สุดให้เพื่อนหรือครอบครัวได้ เราทุกคนจะหลุดร่วงลงมา (ข้อ 25) หมุดยึดที่มั่นคงที่สุดในชีวิตเรามีเพียงผู้เดียวคือพระเยซู (สดด.62: 5-6; มธ.7:24) ในขณะที่เราดูแลและแบ่งเบาภาระผู้อื่น ให้เราชี้นำพวกเขาไปยังพระองค์ ผู้ทรงเป็นหมุดยึดที่มั่นคง

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา