ฮาเลลูยา!
น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งที่ฮันเดลใช้เวลาเพียงยี่สิบสี่วันในการประพันธ์ผลงานออราโทริโอชื่อ เมสไซยาห์ ซึ่งน่าจะเป็นบทเพลงประสานเสียงที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้ซึ่งได้ถูกแสดงเป็นพันๆครั้งทุกปีทั่วโลก หลังจากการแสดงผ่านไปราวสองชั่วโมง ผลงานวิจิตรบรรจงชิ้นนี้ก็มาถึงตอนที่ดีที่สุดในท่อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของออราโทริโอที่ชื่อว่า “ฮาเลลูยา คอรัส”
ขณะที่เสียงแตรและกลองทิมปานีดังขึ้น เสียงขับขานของคณะนักร้องที่ดังสอดประสานกันเป็นบทเพลงจากวิวรณ์ 11:15 ว่า “พระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” เป็นการประกาศชัยชนะแห่งความหวังนิรันดร์ในสวรรค์กับพระเยซู
เนื้อร้องในบทเพลงเมสไซยาห์ส่วนมากมาจากพระธรรมวิวรณ์ ซึ่งเป็นนิมิตที่อัครทูตยอห์นได้เห็นเมื่อใกล้จะสิ้นชีวิต โดยบรรยายถึงเหตุการณ์ต่างๆที่นำไปสู่การเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ในวิวรณ์ ยอห์นพูดซ้ำๆเรื่องการเสด็จกลับมาสู่โลกของพระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นจากความตาย ซึ่งเวลานั้นจะมีความชื่นชมยินดียิ่งใหญ่เป็นเสียงร้องประสานดังกึกก้อง (19:1-8) โลกจะเปรมปรีดิ์เพราะพระเยซูจะทรงมีชัยเหนืออำนาจแห่งความมืดและความตาย และสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุขขึ้น
วันหนึ่ง บรรดาประชากรแห่งสวรรค์ทั้งหมดจะร่วมกันร้องเพลงประสานเสียงอันแสนไพเราะ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเยซูและพระพรแห่งการทรงครอบครองเป็นนิตย์ของพระองค์ (7:9) แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราจะใช้ชีวิต ทำงาน อธิษฐาน และรอคอยอยู่ด้วยความหวัง
ค้นพบอีกครั้ง
ในปี 1970 ผู้บริหารด้านรถยนต์ที่มาเยือนเดนมาร์กรู้ว่ารถบิวอิคก์รุ่นฝาครอบคู่ปี 1939 คันหนึ่งมีคนท้องถิ่นเป็นเจ้าของ เนื่องจากรถยนต์คันนี้ไม่เคยเข้าสู่กระบวนการผลิตจริงๆ จึงจัดเป็นรถหายากคือเป็นรถที่ไม่ซ้ำแบบใคร ด้วยความดีใจในการค้นพบนี้ ผู้บริหารคนนี้จึงซื้อรถไว้และสละเวลาและเงินในการซ่อมแซม ปัจจุบันรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคันนี้อยู่ในคอลเล็กชั่นของสะสมรถคลาสสิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่นั้นมีได้ในหลายรูปแบบ และในพระธรรม 2 พงศาวดารเราอ่านถึงการค้นพบทรัพย์สมบัติที่สูญหายไป ในปีที่ 18 แห่งการครองราชย์เป็นกษัตริย์ในยูดาห์ โยสิยาห์ทรงเริ่มซ่อมแซมพระนิเวศในกรุงเยรูซาเล็ม ระหว่างดำเนินการนั้น ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้พบ “หนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศ” (2 พศด.34:15) หนังสือธรรมบัญญัติคือพระธรรมห้าเล่มแรกในพันธสัญญาเดิม ดูเหมือนว่าถูกซ่อนไว้เมื่อหลายทศวรรษก่อน เพื่อเก็บรักษาให้ปลอดภัยจากกองทัพที่รุกราน พอเวลาผ่านไปจึงถูกลืม
เมื่อกษัตริย์โยสิยาห์ทราบเรื่องการค้นพบนี้ พระองค์ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งที่พบ จึงรับสั่งให้รวบรวมประชาชนทั้งหมด และทรงอ่านถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือธรรมบัญญัติ เพื่อพวกเขาจะอุทิศตนที่จะรักษาทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือนั้น (ข้อ 30-31)
ในปัจจุบันเรื่องนี้ยังคงสำคัญต่อชีวิตเรา เรามีพระพรอัศจรรย์ในการเข้าถึงพระธรรมทั้ง 66 เล่มในพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างที่สุด
ถูกบดขยี้แต่ยังงดงาม
แวบแรกที่เห็นฉันไม่ได้สนใจภาพวาดชื่อ พิจารณาดอกลิลลี่ โดยมาโกโตะ ฟูจิมูระ เพราะเป็นภาพวาดสีเดียวที่ดูเรียบๆมีดอกลิลลี่ที่เหมือนจะซ่อนอยู่ในภาพพื้นหลัง แต่ภาพวาดนั้นกลับมีชีวิตขึ้นเมื่อฉันได้รู้ว่า แท้จริงแล้วภาพนี้ใช้แร่ธาตุที่บดอย่างละเอียดวาดซ้อนทับกันกว่า 80 ชั้นในรูปแบบของศิลปะญี่ปุ่นที่เรียกว่านิฮอนกะ ซึ่งฟูจิมูระเรียกว่า “ศิลปะแบบช้าๆ” เมื่อดูใกล้ๆจะเห็นถึงชั้นของความซับซ้อนและงดงามที่ฟูจิมูระอธิบายว่า เขาเห็นภาพสะท้อนของพระกิตติคุณในเทคนิคการสร้างสรรค์ “ความงามผ่านสิ่งที่แตกสลาย” เช่นเดียวกับที่ความทุกข์ทรมานของพระเยซูนำความสมบูรณ์และความหวังมาให้กับโลกใบนี้
พระเจ้าทรงรักที่จะใช้แง่มุมต่างๆในชีวิตเรา ในเวลาที่เราถูกบดขยี้และแตกสลาย เพื่อสร้างบางสิ่งที่งดงามขึ้นใหม่ กษัตริย์ดาวิดต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อซ่อมแซมชีวิตที่แตกสลายซึ่งย่อยยับจากฝีมือของตนเอง ในสดุดี 51 ที่เขียนขึ้นหลังจากดาวิดยอมรับว่าพระองค์ใช้อำนาจของกษัตริย์ในทางที่ผิด โดยการเอาภรรยาของชายอื่นมาเป็นของตนและจัดการสังหารสามีของเธอ ดาวิดได้มอบ “จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำ” (ข้อ 17) และวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้า คำว่า “สำนึกผิด” ในภาษาฮีบรู คือ nidkeh แปลว่า “ถูกบดขยี้”
ก่อนที่พระเจ้าจะเปลี่ยนจิตใจของพระองค์ได้นั้น (ข้อ 10) ดาวิดต้องยอมถวายชิ้นส่วนที่แตกหักให้กับพระองค์เสียก่อน พระองค์ต้องยอมรับทั้งความเสียใจและไว้วางใจพระเจ้าไปพร้อมๆกัน ดาวิดมอบหัวใจให้กับพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและให้อภัย ผู้ทรงรักที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เคยถูกบดขยี้ให้กลายเป็นสิ่งที่งดงาม
หากไม่มีความรักก็ไร้ประโยชน์
หลังจากนำเอาชิ้นส่วนของโต๊ะที่สั่งทำพิเศษออกจากกล่องมาวางเรียงไว้ตรงหน้า ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ส่วนหน้าโต๊ะที่สวยงามและชิ้นส่วนอื่นๆดูเรียบร้อยดี แต่ขาดขาโต๊ะไปหนึ่งข้าง ถ้าขาโต๊ะไม่ครบ ฉันก็ประกอบไม่ได้ โต๊ะตัวนี้ก็ไร้ประโยชน์
ไม่ได้มีแค่โต๊ะเท่านั้นที่จะไร้ประโยชน์เมื่อขาดชิ้นส่วนสำคัญไป ในพระธรรม 1 โครินธ์ เปาโลเตือนผู้อ่านของท่านว่าพวกเขากำลังขาดองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งไป ผู้เชื่อมีของประทานฝ่ายวิญญาณมากมายแต่ขาดความรัก
เปาโลใช้ภาษาเกินจริงเพื่อเน้นประเด็นของท่านว่า แม้ผู้อ่านของท่านจะมีความรู้ทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะสละของสารพัดที่มี และแม้พวกเขาจะเต็มใจยอมทนทุกข์ยากลำบาก แต่ถ้าไม่มีรากฐานสำคัญคือความรัก การกระทำของพวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรเลย (1 คร.13:1-3) เปาโลหนุนน้ำใจให้พวกเขาใส่ความรักลงไปในการกระทำเสมอ โดยบรรยายถึงความงดงามของความรักที่จะปกป้องเชื่อในส่วนดี มีความหวัง และทนต่อทุกอย่าง (ข้อ 4-7)
เวลาที่เราใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณของเรา ไม่ว่าจะในการสอน การหนุนน้ำใจ หรือการรับใช้พี่น้องผู้เชื่อ ขอให้ระลึกไว้ว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงออกแบบนั้นต้องประกอบไปด้วยความรักเสมอ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราทำก็จะเป็นเหมือนโต๊ะที่มีขาไม่ครบ ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ถูกออกแบบมา
ไม่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
งานรำลึกครบรอบ 75 ปีวันดีเดย์ในปี 2019 จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารมากกว่า 156,000 นาย ที่เข้าร่วมการบุกยึดทางทะเลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อปลดปล่อยประเทศในยุโรปตะวันตก ในคำอธิษฐานซึ่งกระจายเสียงทางวิทยุเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ประธานาธิบดีโรสเวลต์ทูลขอการปกป้องจากพระเจ้าว่า “พวกเขาต่อสู้ไม่ใช่เพื่อความปรารถนาในชัยชนะ แต่พวกเขาต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการเอาชนะ พวกเขาต่อสู้เพื่อปลดปล่อย”
การเต็มใจทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเพื่อจะยับยั้งความชั่วร้ายและปลดปล่อยผู้ที่ถูกข่มเหงนี้ ทำให้ฉันนึกถึงพระดำรัสของพระเยซู “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยน.15:13) ถ้อยคำเหล่านี้มาถึงในระหว่างที่พระคริสต์กำลังสอนให้สาวกของพระองค์รักกันและกัน แต่พระองค์ต้องการให้พวกเขาเข้าใจถึงราคาที่ต้องจ่ายและความลึกซึ้งของความรักเช่นนี้ด้วย ตัวอย่างของความรักนี้คือเมื่อคนหนึ่งเต็มใจสละชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น การทรงเรียกของพระเยซูให้รักผู้อื่นด้วยความเสียสละเป็นรากฐานของพระบัญชาที่ให้ “รักกันและกัน” (ข้อ 17)
บางทีเราอาจสำแดงความรักที่เสียสละด้วยการใช้เวลาเพื่อดูแลความต้องการของผู้สูงอายุในครอบครัว เราอาจให้ความต้องการของพี่น้องมาก่อนด้วยการช่วยพวกเขาทำงานบ้านในระหว่างสัปดาห์ที่ต้องคร่ำเคร่งกับการเรียน เราอาจเพิ่มเวลาดูแลลูกที่ป่วยแทนคู่สมรสเพื่อให้เขาได้นอนหลับ เมื่อเรามีความรักที่เสียสละแก่ผู้อื่น เราก็ได้สำแดงถึงความรักออกมาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
อาหารจากสวรรค์
เดือนสิงหาคม 2020 ชาวเมืองออลเทน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าหิมะตกเป็นช็อกโกแลต! ความผิดปกติในระบบระบายอากาศของโรงงานช็อกโกแลตท้องถิ่นทำให้อนุภาคช็อกโกแลตฟุ้งกระจายไปในอากาศ ผลที่ตามมาคือ เกล็ดผงช็อกโกแลตที่กินได้ปกคลุมรถยนต์และถนน ทำให้ทั้งเมืองมีกลิ่นเหมือนร้านขายขนม
เมื่อคิดถึงการที่อาหารเลิศรสตกลงมาจากสวรรค์ “ราวกับมีเวทมนตร์” ทำให้ฉันนึกถึงการที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชาวอิสราเอลในพระธรรมอพยพ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการออกมาจากอียิปต์อย่างอัศจรรย์ พวกเขาเผชิญความท้าทายอันหนักหน่วงในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะการขาดแคลนอาหารและน้ำ พระเจ้ารู้ถึงความทุกข์ยากของเขาจึงทรงสัญญาว่า “จะให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝน” (อพย.16:4) เช้าวันรุ่งขึ้น มีเกล็ดเล็กๆปรากฏบนพื้นดินในถิ่นทุรกันดาร การทรงเลี้ยงดูในแต่ละวันซึ่งรู้จักกันว่ามานา ได้ตกลงมาในตลอดสี่สิบปีต่อมา
เมื่อพระเยซูเสด็จมาในโลก ผู้คนเริ่มเชื่อว่าพระเจ้าทรงส่งพระองค์มาเมื่อพระองค์จัดเตรียมขนมปังแก่ฝูงชนกลุ่มใหญ่อย่างอัศจรรย์ (ยน.6:5-14) แต่พระเยซูทรงสอนว่าพระองค์เองเป็น “อาหารแห่งชีวิต” (ข้อ 35) ทรงถูกส่งมาไม่เพียงแค่ให้จัดหาอาหารที่บำรุงร่างกายเพียงชั่วคราว แต่ยังเพื่อประทานชีวิตนิรันดร์ (ข้อ 51)
สำหรับพวกเราที่หิวกระหายอาหารฝ่ายวิญญาณ พระเยซูทรงยื่นข้อเสนอแห่งการมีชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า ขอให้เราเชื่อและวางใจว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่ลึกที่สุดเหล่านั้นให้เป็นจริง
ขอบคุณในวันคุ้มครองโลก
ทุกวันที่ 22 เมษายนของทุกปีเป็นวันคุ้มครองโลก ในหลายๆปีที่ผ่านมา ผู้คนมากกว่าพันล้านคนจากราวสองร้อยประเทศจัดกิจกรรมด้านการศึกษาและจิตอาสา ทุกปีวันคุ้มครองโลกย้ำเตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลดาวเคราะห์มหัศจรรย์ดวงนี้ของเรา แต่คำสั่งที่ให้ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นมีมายาวนานกว่าวันสำคัญประจำปีวันนี้ คือมีมาตั้งแต่การทรงสร้างโลก
ในปฐมกาลเราได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงสร้างจักรวาลและสร้างโลกให้เป็นที่อาศัยของมนุษย์ พระองค์ไม่เพียงออกแบบเทือกเขาและพื้นราบเขียวชอุ่ม พระองค์ยังทรงสร้างสวนเอเดน ซึ่งเป็นสถานที่อันงดงามที่คอยจัดหาอาหาร ที่พักและความงามแก่ผู้อยู่อาศัย (ปฐก.2:8-9)
หลังจากทรงระบายลมปราณแห่งชีวิตให้แก่มนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งทรงสร้างที่สำคัญที่สุด พระเจ้าทรงตั้งให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวน (ข้อ 8, 22) และมอบหน้าที่ “ให้ทำและรักษาสวน” (ข้อ 15) หลังจากอาดัมและเอวาถูกไล่ออกจากสวน การดูแลสิ่งทรงสร้างของพระเจ้ากลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น (3:17-19) แต่จนถึงทุกวันนี้พระเจ้าเองทรงดูแลโลกของเราและสิ่งทรงสร้างที่อยู่ในโลก (สดด.65:9-13) และทรงขอให้เราทำเช่นเดียวกัน (สภษ.12:10)
ไม่ว่าเราจะอยู่ในเมืองที่แออัดหรืออยู่ในชนบท เราต่างมีวิธีที่จะดูแลพื้นที่ที่พระเจ้าทรงไว้วางใจมอบให้เราได้ และเมื่อเราดูแลโลก ขอให้การทำเช่นนั้นเป็นไปด้วยใจขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับโลกอันแสนสวยนี้
กางเขนแห่งสันติสุขของพระองค์
ดวงตาที่เศร้าหมองมองออกมาจากภาพวาด ซีโมนชาวไซรีน ของศิลปินร่วมสมัยชาวดัทช์ เอ็กเบิร์ต มอดเดอร์แมน ดวงตาของซีโมนเผยให้เห็นถึงภาระอันหนักหน่วงทั้งร่างกายและจิตใจที่เขาต้องรับผิดชอบ ในมาระโก 15 เรารู้ว่าซีโมนถูกเกณฑ์จากฝูงชนที่มุงดูอยู่ และถูกบังคับให้แบกกางเขนของพระเยซู
พระธรรมมาระโกบอกเราว่าซีโมนมาจากไซรีน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในแอฟริกาเหนือที่มีชาวยิวจำนวนมากอาศัยอยู่ในสมัยของพระเยซู เป็นไปได้อย่างมากว่าซีโมนเดินทางมาเยรูซาเล็มเพื่อฉลองเทศกาลปัสกา ที่นั่นเขาพบตัวเองอยู่ท่ามกลางการประหารชีวิตที่ไม่ยุติธรรม แต่เขาสามารถทำสิ่งเล็กๆที่มีความหมายในการช่วยเหลือพระเยซู (มก.15:21)
ก่อนหน้านี้ในพระกิตติคุณมาระโก พระเยซูทรงบอกกับผู้ที่ติดตามพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา” (8:34) บนถนนสู่โกละโกธา ซีโมนได้ทำสิ่งที่พระเยซูทรงเปรียบเปรยให้เหล่าสาวกทำออกมาเป็นรูปธรรม นั่นคือเขาได้รับเอากางเขนที่ถูกมอบหมายให้และแบกเพื่อพระเยซู
พวกเรามี “กางเขน” ที่จะต้องแบกเช่นเดียวกัน บางทีอาจเป็นความเจ็บป่วย พันธกิจที่ท้าทาย การสูญเสียคนที่รัก หรือการถูกข่มเหงเพราะความเชื่อของเรา ขณะที่เราแบกความยากลำบากเหล่านี้ด้วยความเชื่อ เราก็กำลังชี้ให้ผู้คนเห็นความทุกข์ทรมานของพระเยซูและการเสียสละของพระองค์บนไม้กางเขน ไม้กางเขนของพระองค์ได้มอบสันติสุขในพระเจ้า และให้กำลังแก่เราที่จะเดินไปบนเส้นทางแห่งชีวิต
รถเมล์ช่างพูด
ในปี 2019 บริษัทรถประจำทางอ็อกซ์ฟอร์ดได้เปิดตัว “รถเมล์ช่างพูด” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะบนรถได้จัดหาคนที่ยินดีจะคุยกับผู้โดยสารที่สนใจ รถเมล์สายนี้จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองต่องานวิจัยของรัฐบาล ซึ่งพบว่า ร้อยละ 30 ของคนอังกฤษ เสียเวลาอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์โดยปราศจากการสนทนาที่มีความหมาย
เราหลายคนคงเคยประสบกับความเหงาที่เกิดจากการไม่มีคนคุยด้วยในยามที่เราต้องการ ขณะที่ฉันใคร่ครวญถึงคุณค่าของการสนทนาในเรื่องที่สำคัญๆในชีวิตของฉันนั้น ฉันระลึกเป็นพิเศษถึงการพูดคุยที่เต็มไปด้วยพระคุณ ช่วงเวลาเหล่านั้นทำให้ฉันชื่นชมยินดีและมีกำลังใจ และยังช่วยบ่มเพาะให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในตอนท้ายจดหมายถึงคริสตจักรในโคโลสี เปาโลหนุนใจผู้อ่านของท่านด้วยหลักการดำเนินชีวิตที่แท้จริงเพื่อผู้ที่เชื่อในพระเยซู รวมถึงวิธีที่การสนทนาของพวกเราจะสามารถแสดงความรักต่อทุกคนที่เราคุยด้วยได้ อัครสาวกเขียนว่า “จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ” (ข้อ 6) เพื่อเตือนผู้อ่านจดหมายของท่านว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่การพูด แต่อยู่ที่คุณภาพของคำเหล่านั้นว่า “ประกอบด้วยเมตตาคุณ” ซึ่งจะทำให้คำเหล่านั้นเป็นคำหนุนใจที่แท้จริงแก่ผู้อื่น
ครั้งต่อไปที่คุณมีโอกาสสนทนาลงลึกไม่ว่าจะกับเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนแปลกหน้าที่นั่งข้างคุณบนรถเมล์หรือกำลังรอรถ ขอให้หาวิธีที่จะทำให้เวลาที่อยู่ด้วยกันนั้นนำพระพรมาสู่ชีวิตของคุณทั้งสองคน