ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Lisa M. Samra

Lisa Samra

Lisa desires to see Christ glorified in her life and in the ministries where she serves. Born and raised in Texas, Lisa is always on the lookout for sweet tea and brisket. She graduated with a Bachelor of Journalism from the University of Texas and earned a Master of Biblical Studies degree from Dallas Theological Seminary. Lisa now lives in Grand Rapids, Michigan, with her husband, Jim, and their four children. In addition to writing, she is passionate about facilitating mentoring relationships for women, and developing groups focused on spiritual formation and leadership development. Lisa has been blessed to travel extensively and often finds inspiration from experiencing the beauty of diverse cultures, places, and people. Lisa enjoys good coffee, running, and reading—just not all at the same time.

บทความ โดย Lisa Samra

มรดกแห่งความเชื่อ

ในปี 2019 งานวิจัยเรื่องมรดกฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อในสหรัฐอเมริกาบ่งชี้ว่า มารดาและย่าหรือยายมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ เกือบสองในสามของคนที่อ้างว่าตนเองเป็นมรดกแห่งความเชื่อล้วนยกความดีความชอบให้กับมารดาของตน และหนึ่งในสามยอมรับว่าปู่ย่าตายาย (มักจะเป็นย่าหรือยาย) ก็มีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน

บรรณาธิการของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า “ผลการศึกษานี้ย้ำถึงผลกระทบที่ยั่งยืนของมารดาใน...การพัฒนาฝ่ายจิตวิญญาณ” ซึ่งเป็นอิทธิพลที่พบได้ในพระคัมภีร์เช่นกัน 

ในจดหมายที่เขียนถึงทิโมธีผู้ที่อยู่ในความดูแลของท่าน เปาโลยอมรับว่า แบบอย่างแห่งความเชื่อของทิโมธีนั้นมาจากโลอิสยายของเขา และยูนีสมารดาของเขา (2 ทธ.1:5) เป็นการเน้นย้ำถึงรายละเอียดส่วนตัวที่น่ายินดีเกี่ยวกับอิทธิพลของสตรีสองคนต่อผู้นำคนหนึ่งของคริสตจักรในยุคแรก เราสามารถมองเห็นอิทธิพลของพวกเธอได้จากคำหนุนใจที่เปาโลมีต่อทิโมธีว่า “จงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้... [เพราะ] ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์” (3:14-15)

มรดกฝ่ายวิญญาณที่เข้มแข็งนั้นเป็นของขวัญอันล้ำค่า แม้ว่าเราจะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยอิทธิพลในเชิงบวกที่ช่วยหล่อหลอมความเชื่อเช่นเดียวกับทิโมธี แต่ก็อาจจะมีคนอื่นๆในชีวิตที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณของเราอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือเราทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อที่จริงใจต่อผู้คนรอบข้างและทิ้งมรดกอันถาวรไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป

แสงสว่างแห่งคริสต์มาส

ในสายตาฉัน ต้นคริสต์มาสนั้นดูเหมือนกำลังมีไฟลุกอยู่! ซึ่งไม่ใช่เพราะสายไฟประดับแต่เป็นไฟจริงๆ ครอบครัวของเราได้รับเชิญจากเพื่อนให้ไปร่วมในงาน “วิถีในอดีตของชาวเยอรมัน” ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองที่มีขนมหวานโบราณแสนอร่อย รวมถึงต้นไม้ที่มีเทียนไขจุดไฟของจริงอยู่ (เพื่อความปลอดภัย จึงใช้ต้นไม้ที่ตัดมาใหม่จุดไฟเพียงคืนเดียวเท่านั้น)

ขณะที่มองไปยังต้นไม้ที่ดูเหมือนกำลังไหม้ไฟอยู่นั้น ฉันคิดถึงโมเสสที่พบกับพระเจ้าที่พุ่มไม้ไฟ ในขณะที่ดูแลฝูงแกะอยู่ในถิ่นทุรกันดารนั้น โมเสสประหลาดใจกับพุ่มไม้ที่มีไฟลุกอยู่แต่กลับไม่ถูกไฟเผาไหม้ เมื่อท่านเข้าไปใกล้ๆพุ่มไม้นั้นเพื่อสำรวจดู พระเจ้าได้ทรงเรียกท่าน ข้อความจากพุ่มไม้ไฟนั้นไม่ใช่การพิพากษาแต่เป็นการช่วยกู้ชีวิตชาวอิสราเอล พระเจ้าทรงเห็นสภาพและความทุกข์ลำบากของประชากรของพระองค์ในอียิปต์ และทรง “ลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้รอด” (อพย.3:8)

ในขณะที่พระเจ้าทรงช่วยชนอิสราเอลให้รอดพ้นจากชาวอียิปต์นั้น มนุษย์ทั้งปวงก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแค่จากความทุกข์ทรมานทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลที่เกิดจากการที่ความชั่วร้ายและความตายนำเข้ามาสู่โลกของเรา เป็นเวลาหลายร้อยปีต่อมา ที่พระเจ้าทรงตอบสนองโดยการส่งความสว่าง คือพระเยซูพระบุตรของพระองค์ลงมา (ยน.1:9-10) โดยมิใช่เพื่อ “พิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” (3:17)

ผู้เข้าทดสอบ

ผู้เข้าทดสอบ เป็นหนังสือบันทึกเรื่องราวชีวิตที่ตราตรึงใจของเบน มัลคอล์มสัน นักศึกษาผู้ไม่มีประสบการณ์ด้านฟุตบอลเลย ซึ่งได้กลายเป็น “ผู้เข้ารับการทดสอบ” (ผู้เล่นที่ไม่ได้รับคัดเลือก) ในทีมชนะเลิศการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลปี 2007 ของมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในฐานะนักข่าวของมหาวิทยาลัย มัลคอล์มสันตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวของกระบวนการทดสอบอันแสนทรหดจากประสบการณ์ตรง เขาแทบไม่เชื่อที่ตัวเองได้รับตำแหน่งอันเป็นที่ปรารถนาในทีม

เมื่อได้เข้าร่วมทีม ความเชื่อของมัลคอล์มสันผลักดันให้เขาค้นหาพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับโอกาสที่คาดไม่ถึงนี้ แต่การที่เพื่อนร่วมทีมไม่สนใจจะพูดคุยเรื่องความเชื่อทำให้เขาหมดกำลังใจ ขณะอธิษฐานขอการทรงนำ เขาได้อ่านคำเตือนสติที่มีฤทธิ์เดชในอิสยาห์ซึ่งพระเจ้าตรัสว่า “คำของเรา...จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้ และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้น” (อสย.55:11) ด้วยแรงบันดาลใจจากพระธรรมอิสยาห์ เขาจึงมอบพระคัมภีร์ให้ผู้เล่นทุกคนในทีมโดยไม่เปิดเผยตัว เขาถูกปฏิเสธอีกครั้ง แต่หลายปีต่อมาเขาพบว่าผู้เล่นคนหนึ่งได้อ่านพระคัมภีร์ที่ได้รับ และไม่นานก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ เขาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้าและหิวกระหายพระองค์ผู้ซึ่งเขาค้นพบในพระคัมภีร์นั้น

เป็นไปได้ที่พวกเราหลายคนแบ่งปันเรื่องพระเยซูกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว เพียงเพื่อจะพบกับความไม่แยแสหรือถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่ถึงแม้เราจะไม่เห็นผลในทันที ความจริงของพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจและจะทำให้พระประสงค์นั้นสำเร็จในเวลาของพระองค์

ฮาเลลูยา!

น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งที่ฮันเดลใช้เวลาเพียงยี่สิบสี่วันในการประพันธ์ผลงานออราโทริโอชื่อ เมสไซยาห์ ซึ่งน่าจะเป็นบทเพลงประสานเสียงที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้ซึ่งได้ถูกแสดงเป็นพันๆครั้งทุกปีทั่วโลก หลังจากการแสดงผ่านไปราวสองชั่วโมง ผลงานวิจิตรบรรจงชิ้นนี้ก็มาถึงตอนที่ดีที่สุดในท่อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของออราโทริโอที่ชื่อว่า “ฮาเลลูยา คอรัส”

ขณะที่เสียงแตรและกลองทิมปานีดังขึ้น เสียงขับขานของคณะนักร้องที่ดังสอดประสานกันเป็นบทเพลงจากวิวรณ์ 11:15 ว่า “​พระองค์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์” เป็นการประกาศชัยชนะแห่งความหวังนิรันดร์ในสวรรค์กับพระเยซู

เนื้อร้องในบทเพลงเมสไซยาห์ส่วนมากมาจากพระธรรมวิวรณ์ ซึ่งเป็นนิมิตที่อัครทูตยอห์นได้เห็นเมื่อใกล้จะสิ้นชีวิต โดยบรรยายถึงเหตุการณ์ต่างๆที่นำไปสู่การเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ในวิวรณ์ ยอห์นพูดซ้ำๆเรื่องการเสด็จกลับมาสู่โลกของพระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นจากความตาย ซึ่งเวลานั้นจะมีความชื่นชมยินดียิ่งใหญ่เป็นเสียงร้องประสานดังกึกก้อง (19:1-8) โลกจะเปรมปรีดิ์เพราะพระเยซูจะทรงมีชัยเหนืออำนาจแห่งความมืดและความตาย และสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุขขึ้น

วันหนึ่ง บรรดาประชากรแห่งสวรรค์ทั้งหมดจะร่วมกันร้องเพลงประสานเสียงอันแสนไพเราะ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเยซูและพระพรแห่งการทรงครอบครองเป็นนิตย์ของพระองค์ (7:9) แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราจะใช้ชีวิต ทำงาน อธิษฐาน และรอคอยอยู่ด้วยความหวัง

ค้นพบอีกครั้ง

ในปี 1970 ผู้บริหารด้านรถยนต์ที่มาเยือนเดนมาร์กรู้ว่ารถบิวอิคก์รุ่นฝาครอบคู่ปี 1939 คันหนึ่งมีคนท้องถิ่นเป็นเจ้าของ เนื่องจากรถยนต์คันนี้ไม่เคยเข้าสู่กระบวนการผลิตจริงๆ จึงจัดเป็นรถหายากคือเป็นรถที่ไม่ซ้ำแบบใคร ด้วยความดีใจในการค้นพบนี้ ผู้บริหารคนนี้จึงซื้อรถไว้และสละเวลาและเงินในการซ่อมแซม ปัจจุบันรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคันนี้อยู่ในคอลเล็กชั่นของสะสมรถคลาสสิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่นั้นมีได้ในหลายรูปแบบ และในพระธรรม 2 พงศาวดารเราอ่านถึงการค้นพบทรัพย์สมบัติที่สูญหายไป ในปีที่ 18 แห่งการครองราชย์เป็นกษัตริย์ในยูดาห์ โยสิยาห์ทรงเริ่มซ่อมแซมพระนิเวศในกรุงเยรูซาเล็ม ระหว่างดำเนินการนั้น ฮิลคียาห์ปุโรหิตได้พบ “หนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศ” (2 พศด.34:15) หนังสือธรรมบัญญัติคือพระธรรมห้าเล่มแรกในพันธสัญญาเดิม ดูเหมือนว่าถูกซ่อนไว้เมื่อหลายทศวรรษก่อน เพื่อเก็บรักษาให้ปลอดภัยจากกองทัพที่รุกราน พอเวลาผ่านไปจึงถูกลืม

เมื่อกษัตริย์โยสิยาห์ทราบเรื่องการค้นพบนี้ พระองค์ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งที่พบ จึงรับสั่งให้รวบรวมประชาชนทั้งหมด และทรงอ่านถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือธรรมบัญญัติ เพื่อพวกเขาจะอุทิศตนที่จะรักษาทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือนั้น (ข้อ 30-31)

ในปัจจุบันเรื่องนี้ยังคงสำคัญต่อชีวิตเรา เรามีพระพรอัศจรรย์ในการเข้าถึงพระธรรมทั้ง 66 เล่มในพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างที่สุด

ถูกบดขยี้แต่ยังงดงาม

แวบแรกที่เห็นฉันไม่ได้สนใจภาพวาดชื่อ พิจารณาดอกลิลลี่ โดยมาโกโตะ ฟูจิมูระ เพราะเป็นภาพวาดสีเดียวที่ดูเรียบๆมีดอกลิลลี่ที่เหมือนจะซ่อนอยู่ในภาพพื้นหลัง แต่ภาพวาดนั้นกลับมีชีวิตขึ้นเมื่อฉันได้รู้ว่า แท้จริงแล้วภาพนี้ใช้แร่ธาตุที่บดอย่างละเอียดวาดซ้อนทับกันกว่า 80 ชั้นในรูปแบบของศิลปะญี่ปุ่นที่เรียกว่านิฮอนกะ ซึ่งฟูจิมูระเรียกว่า “ศิลปะแบบช้าๆ” เมื่อดูใกล้ๆจะเห็นถึงชั้นของความซับซ้อนและงดงามที่ฟูจิมูระอธิบายว่า เขาเห็นภาพสะท้อนของพระกิตติคุณในเทคนิคการสร้างสรรค์ “ความงามผ่านสิ่งที่แตกสลาย” เช่นเดียวกับที่ความทุกข์ทรมานของพระเยซูนำความสมบูรณ์และความหวังมาให้กับโลกใบนี้

พระเจ้าทรงรักที่จะใช้แง่มุมต่างๆในชีวิตเรา ในเวลาที่เราถูกบดขยี้และแตกสลาย เพื่อสร้างบางสิ่งที่งดงามขึ้นใหม่ กษัตริย์ดาวิดต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อซ่อมแซมชีวิตที่แตกสลายซึ่งย่อยยับจากฝีมือของตนเอง ในสดุดี 51 ที่เขียนขึ้นหลังจากดาวิดยอมรับว่าพระองค์ใช้อำนาจของกษัตริย์ในทางที่ผิด โดยการเอาภรรยาของชายอื่นมาเป็นของตนและจัดการสังหารสามีของเธอ ดาวิดได้มอบ “จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำ” (ข้อ 17) และวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้า คำว่า “สำนึกผิด” ในภาษาฮีบรู คือ nidkeh แปลว่า “ถูกบดขยี้”

ก่อนที่พระเจ้าจะเปลี่ยนจิตใจของพระองค์ได้นั้น (ข้อ 10) ดาวิดต้องยอมถวายชิ้นส่วนที่แตกหักให้กับพระองค์เสียก่อน พระองค์ต้องยอมรับทั้งความเสียใจและไว้วางใจพระเจ้าไปพร้อมๆกัน ดาวิดมอบหัวใจให้กับพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและให้อภัย ผู้ทรงรักที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เคยถูกบดขยี้ให้กลายเป็นสิ่งที่งดงาม

หากไม่มีความรักก็ไร้ประโยชน์

หลังจากนำเอาชิ้นส่วนของโต๊ะที่สั่งทำพิเศษออกจากกล่องมาวางเรียงไว้ตรงหน้า ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ส่วนหน้าโต๊ะที่สวยงามและชิ้นส่วนอื่นๆดูเรียบร้อยดี แต่ขาดขาโต๊ะไปหนึ่งข้าง ถ้าขาโต๊ะไม่ครบ ฉันก็ประกอบไม่ได้ โต๊ะตัวนี้ก็ไร้ประโยชน์

ไม่ได้มีแค่โต๊ะเท่านั้นที่จะไร้ประโยชน์เมื่อขาดชิ้นส่วนสำคัญไป ในพระธรรม 1 โครินธ์ เปาโลเตือนผู้อ่านของท่านว่าพวกเขากำลังขาดองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งไป ผู้เชื่อมีของประทานฝ่ายวิญญาณมากมายแต่ขาดความรัก

เปาโลใช้ภาษาเกินจริงเพื่อเน้นประเด็นของท่านว่า แม้ผู้อ่านของท่านจะมีความรู้ทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะสละของสารพัดที่มี และแม้พวกเขาจะเต็มใจยอมทนทุกข์ยากลำบาก แต่ถ้าไม่มีรากฐานสำคัญคือความรัก การกระทำของพวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรเลย (1 คร.13:1-3) เปาโลหนุนน้ำใจให้พวกเขาใส่ความรักลงไปในการกระทำเสมอ โดยบรรยายถึงความงดงามของความรักที่จะปกป้องเชื่อในส่วนดี มีความหวัง และทนต่อทุกอย่าง (ข้อ 4-7)

เวลาที่เราใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณของเรา ไม่ว่าจะในการสอน การหนุนน้ำใจ หรือการรับใช้พี่น้องผู้เชื่อ ขอให้ระลึกไว้ว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงออกแบบนั้นต้องประกอบไปด้วยความรักเสมอ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราทำก็จะเป็นเหมือนโต๊ะที่มีขาไม่ครบ ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ถูกออกแบบมา

ไม่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้

งานรำลึกครบรอบ 75 ปีวันดีเดย์ในปี 2019 จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารมากกว่า 156,000 นาย ที่เข้าร่วมการบุกยึดทางทะเลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อปลดปล่อยประเทศในยุโรปตะวันตก ในคำอธิษฐานซึ่งกระจายเสียงทางวิทยุเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ประธานาธิบดีโรสเวลต์ทูลขอการปกป้องจากพระเจ้าว่า “พวกเขาต่อสู้ไม่ใช่เพื่อความปรารถนาในชัยชนะ แต่พวกเขาต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการเอาชนะ พวกเขาต่อสู้เพื่อปลดปล่อย”

การเต็มใจทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเพื่อจะยับยั้งความชั่วร้ายและปลดปล่อยผู้ที่ถูกข่มเหงนี้ ทำให้ฉันนึกถึงพระดำรัสของพระเยซู “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยน.15:13) ถ้อยคำเหล่านี้มาถึงในระหว่างที่พระคริสต์กำลังสอนให้สาวกของพระองค์รักกันและกัน แต่พระองค์ต้องการให้พวกเขาเข้าใจถึงราคาที่ต้องจ่ายและความลึกซึ้งของความรักเช่นนี้ด้วย ตัวอย่างของความรักนี้คือเมื่อคนหนึ่งเต็มใจสละชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น การทรงเรียกของพระเยซูให้รักผู้อื่นด้วยความเสียสละเป็นรากฐานของพระบัญชาที่ให้ “รักกันและกัน” (ข้อ 17)

บางทีเราอาจสำแดงความรักที่เสียสละด้วยการใช้เวลาเพื่อดูแลความต้องการของผู้สูงอายุในครอบครัว เราอาจให้ความต้องการของพี่น้องมาก่อนด้วยการช่วยพวกเขาทำงานบ้านในระหว่างสัปดาห์ที่ต้องคร่ำเคร่งกับการเรียน เราอาจเพิ่มเวลาดูแลลูกที่ป่วยแทนคู่สมรสเพื่อให้เขาได้นอนหลับ เมื่อเรามีความรักที่เสียสละแก่ผู้อื่น เราก็ได้สำแดงถึงความรักออกมาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด

อาหารจากสวรรค์

เดือนสิงหาคม 2020 ชาวเมืองออลเทน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าหิมะตกเป็นช็อกโกแลต! ความผิดปกติในระบบระบายอากาศของโรงงานช็อกโกแลตท้องถิ่นทำให้อนุภาคช็อกโกแลตฟุ้งกระจายไปในอากาศ ผลที่ตามมาคือ เกล็ดผงช็อกโกแลตที่กินได้ปกคลุมรถยนต์และถนน ทำให้ทั้งเมืองมีกลิ่นเหมือนร้านขายขนม

เมื่อคิดถึงการที่อาหารเลิศรสตกลงมาจากสวรรค์ “ราวกับมีเวทมนตร์” ทำให้ฉันนึกถึงการที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชาวอิสราเอลในพระธรรมอพยพ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการออกมาจากอียิปต์อย่างอัศจรรย์ พวกเขาเผชิญความท้าทายอันหนักหน่วงในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะการขาดแคลนอาหารและน้ำ พระเจ้ารู้ถึงความทุกข์ยากของเขาจึงทรงสัญญาว่า “จะให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝน” (อพย.16:4) เช้าวันรุ่งขึ้น มีเกล็ดเล็กๆปรากฏบนพื้นดินในถิ่นทุรกันดาร การทรงเลี้ยงดูในแต่ละวันซึ่งรู้จักกันว่ามานา ได้ตกลงมาในตลอดสี่สิบปีต่อมา

เมื่อพระเยซูเสด็จมาในโลก ผู้คนเริ่มเชื่อว่าพระเจ้าทรงส่งพระองค์มาเมื่อพระองค์จัดเตรียมขนมปังแก่ฝูงชนกลุ่มใหญ่อย่างอัศจรรย์ (ยน.6:5-14) แต่พระเยซูทรงสอนว่าพระองค์เองเป็น “อาหารแห่งชีวิต” (ข้อ 35) ทรงถูกส่งมาไม่เพียงแค่ให้จัดหาอาหารที่บำรุงร่างกายเพียงชั่วคราว แต่ยังเพื่อประทานชีวิตนิรันดร์ (ข้อ 51)

สำหรับพวกเราที่หิวกระหายอาหารฝ่ายวิญญาณ พระเยซูทรงยื่นข้อเสนอแห่งการมีชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า ขอให้เราเชื่อและวางใจว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อเติมเต็มความปรารถนาที่ลึกที่สุดเหล่านั้นให้เป็นจริง

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา