ผู้เขียน

ดูทั้งหมด
Linda Washington

Linda Washington

Linda Washington received a B.A. in English/Writing from Northwestern University in Evanston, Illinois, and an MFA from Vermont College of Fine Arts in Montpelier, Vermont. She has authored or co-authored fiction and nonfiction books for kids, teens, and adults, including God and Me (ages 10-12—Rainbow/Legacy Press/Rose Publishing) and The Soul of C.S. Lewis (with Jerry Root, Wayne Martindale, and others—Tyndale House).

บทความ โดย Linda Washington

ขอทรงนำมาถึงศิลา

ขณะกำลังหาซื้อเครื่องทำความชื้น ฉันเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินไปมาตรงทางเดิน ฉันคิดว่าเธออาจกำลังหาซื้อเครื่องทำความชื้นอยู่เหมือนกัน จึงเบี่ยงหลบให้เธอได้เดินเข้ามาใกล้ แล้วเราก็ได้คุยกันเรื่องเชื้อหวัดในละแวกบ้านเรา ที่ทำให้เธอไอและปวดหัวเรื้อรัง

สรรเสริญฝ่าอุปสรรค

ฉันอยากเข้มแข็งเมื่อแม่บอกฉันว่า “มะเร็ง” แต่ฉันกลับร้องไห้โฮ คุณคงไม่อยากได้ยินคำนั้นแม้แค่ครั้งเดียว นี่เป็นครั้งที่สามที่แม่เป็นมะเร็ง หลังตรวจเอ็กซ์เรย์และตัดชิ้นเนื้อไปวิเคราะห์ตามระยะที่กำหนด แม่ก็รู้ว่าท่านมีเนื้อร้ายที่ใต้แขน

พระเจ้าผู้พิโรธ

ตอนที่ฉันเรียนตำนานเทพเจ้ากรีกและโรมันในมหาวิทยาลัย ฉันประหลาดใจที่บรรดาเทพเจ้าอารมณ์เสียและโกรธง่าย จนส่งผลให้ชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องเสียหาย หรือเปลี่ยนแปลงไป

พระเจ้าทรงช่วย

พออายุมากขึ้นฉันก็รู้สึกปวดข้อมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาอากาศหนาว บางวันฉันไม่รู้สึกเป็นผู้มีชัย แต่รู้สึกพ่ายแพ้ต่อความสูงวัย

เปล่งเสียงชื่นบาน

เมื่อตอนที่ฉันกำลังหาคริสตจักรเพื่อจะไปร่วมนมัสการ เพื่อนคนหนึ่งชวนฉันไปที่คริสตจักรของเธอ ผู้นำนมัสการนำที่ประชุมร้องเพลงที่ฉันชอบมาก ฉันจึงร้องเต็มที่ นึกถึงคำ แนะนำของหัวหน้าคณะนักร้องสมัยเรียนที่มักบอกว่า “ดังอีก!”

แยกจากแต่ไม่โดดเดี่ยว

ฉันแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อต้องกล่าวคำอำลาหลานสาวก่อนที่เธอจะย้ายไปรัฐแมสซาชูเสทเพื่อเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบอสตัน แม้เธอเคยห่างบ้านไปเรียนปริญญาตรี 4 ปี แต่ก็ยังอยู่ในรัฐเดียวกับเราและขับรถแค่สองชั่วโมงครึ่งกลับมาหาเราได้ไม่ยาก ตอนนี้เธออยู่ห่างจากเรา 1,300 กิโลเมตร เราจึงไม่ได้พบปะพูดคุยกันอีก ฉันได้แต่วางใจว่าพระเจ้าจะดูแลเธอ

เปาโลคงรู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อกล่าวคำอำลาผู้ปกครองคริสตจักรในเมืองเอเฟซัส ท่านได้ก่อตั้งคริสตจักรแห่งนี้และสั่งสอนพวกเขาอยู่ 3 ปี ดังนั้น ท่านจึงรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ปกครองเหล่านี้ราวกับคนในครอบครัว ขณะนี้ท่านต้องไปที่เยรูซาเล็มและคงไม่ได้พบพวกเขาอีก

แต่เปาโลก็มีคำแนะนำก่อนอำลาให้กับชาวเอเฟซัส แม้พวกเขาจะไม่มีเปาโลคอยสอนอีกต่อไป แต่ชาวเอเฟซัสไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว พระเจ้าจะยังคงฝึกฝนให้พวกเขานำคริสตจักรผ่านทาง “คำแห่งพระคุณของพระองค์” (กจ.20:32) และจะทรงอยู่กับพวกเขาเสมอ

การกล่าวคำอำลาอาจเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะกับลูกที่โตแล้วออกจากบ้านไปหรือครอบครัวและเพื่อนที่ต้องย้ายบ้าน พวกเขาไปมีชีวิตใหม่จะไกลจากเรา เมื่อเราปล่อยมือจากพวกเขา เราวางใจได้ว่าพวกเขาจะอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า พระองค์ทรงหล่อหลอมชีวิตของพวกเขาและตอบสนองความจำเป็นของพวกเขาได้มากยิ่งกว่าเราเสียอีก

จัดการความโกรธ

ขณะที่ฉันกำลังรับประทานอาหารเย็นกับเพื่อน เธอได้เล่าให้ฟังว่าเธอเบื่อหน่ายสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง แต่เธอก็ลังเลที่จะบอกเขาถึงนิสัยซึ่งชวนโมโห ที่เขามักจะไม่ใส่ใจหรือล้อเลียนเธอ เมื่อเธอพยายามพูดคุยถึงปัญหากับเขาตรงๆ เขากลับตอบสนองด้วยคำพูดเหน็บแนม จนเธอถึงกับระเบิดอารมณ์โกรธ เมื่อไม่มีใครยอมใคร คนในครอบครัวก็ยิ่งห่างเหินกัน

ฉันเข้าใจเธอเพราะฉันก็จัดการกับความโกรธในแบบเดียวกัน ฉันไม่ชอบเผชิญหน้า ถ้าเพื่อนหรือคนในครอบครัวพูดไม่ดีกับฉัน ฉันมักจะเก็บอารมณ์ไว้ จนกระทั่งคนคนนั้นหรือคนอื่นมาพูดไม่ดีกับฉันซ้ำอีก แล้วฉันก็จะระเบิดออกมา

นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่อัครทูตเปาโลกล่าวในเอเฟซัส 4:26 ว่า “อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่” การกำหนดเวลาในการจัดการกับปัญหาทำให้เราตรวจพบความโกรธที่มีไว้ แทนที่เราจะเก็บความรู้สึกไม่ดีไว้นานๆ ซึ่งเป็นเหมือนการเตรียมดินเพื่อเพาะความขมขื่น เราสามารถทูลขอให้พระเจ้าช่วยเรา “(พูด) ความจริงด้วยใจรัก” (อฟ.4:15)

คุณมีปัญหากับบางคนอยู่หรือ แทนที่จะเก็บเอาไว้ จงทูลต่อพระเจ้าเป็นอันดับแรก พระเจ้าสามารถต่อสู้กับไฟแห่งความโกรธได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจของการให้อภัยและความรัก

ล่อให้หลง

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2016 หลานสาวของฉันชวนฉันเล่นเกมโปเกม่อนโก ซึ่งเป็นเกมที่เล่นบนสมาร์ทโฟน โดยใช้กล้องในโทรศัพท์มือถือ วัตถุประสงค์ของเกมคือ การจับสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เรียกว่าโปเกม่อน เมื่อโปเกม่อนปรากฏตัวขึ้น ลูกบอลสีแดงและขาวก็จะปรากฏขึ้นบนจอด้วย ผู้เล่นต้องใช้นิ้วแตะไปที่ลูกบอลเพื่อจับโปเกม่อน แต่ถ้าจะให้ง่าย ผู้เล่นต้องใช้เหยื่อล่อ

โปเกม่อนไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่ใช้เหยื่อล่อให้หลงได้ ในจดหมายของยากอบ น้องชายของพระเยซู ที่มีไปถึงผู้เชื่อใหม่ ท่านได้เตือนเราว่า “เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม” (1:14) กล่าวอีกนัยหนึ่ง กิเลสของเราจะทำงานร่วมกับการทดลองเพื่อล่อเราให้หลงไปในเส้นทางที่ผิด แม้เราจะมีแนวโน้มที่จะโทษพระเจ้าหรือแม้กระทั่งซาตานสำหรับปัญหาของเรา แต่อันตรายที่แท้จริงนั้นอยู่ภายในเรา

แต่ข่าวดีคือ เราสามารถหลีกหนีจากการทดลองได้โดยการพูดคุยกับพระเจ้าถึงสิ่งที่ล่อลวงเรา “ความชั่วจะมาล่อพระเจ้าให้หลงไม่ได้ และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อผู้ใดให้หลง” ตามที่อธิบายไว้ในยากอบ 1:13 แต่พระองค์ทรงเข้าใจถึงความปรารถนาที่จะทำผิดของมนุษย์ เราเพียงแต่ต้องทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้

ใต้ปีกพระองค์

เมื่อคิดถึงการปกป้อง ฉันมักไม่คิดถึงขนนก ถึงแม้ขนนกดูเหมือนเป็นการปกป้องที่เปราะบาง แต่มีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ขนนกเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของการทรงสร้างของพระเจ้า ขนนกมีทั้งส่วนที่เรียบและปุกปุย ส่วนที่เรียบนั้นมีหนามแข็งๆ ซึ่งมีตะขอเล็กๆ ที่ยึดเกาะกันไว้เหมือนซิป ส่วนที่อ่อนนุ่มให้ความอบอุ่นกับนก ทั้งสองส่วนนี้ปกป้องนกจากลมและฝน แต่ลูกนกจำนวนมากมีเพียงขนอ่อนปกคลุม เพราะขนของมันยังไม่พัฒนาเต็มที่ แม่นกจึงต้องกกลูกไว้ในรังด้วยขนของมัน เพื่อปกป้องลูกจากลมและฝน

ภาพที่พระเจ้า “ปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์” ในสดุดี 91:4 และในสดุดี 17:8 ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการปลอบโยนและปกป้อง ทำให้นึกถึงภาพของแม่นกที่ปกป้องลูกน้อยด้วยปีกของมัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่โอบลูกไว้ ให้เป็นที่ปลอดภัยพ้นจากพายุหรือการบาดเจ็บ การทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าช่วยปลอบประโลมและปกป้องเราให้ปลอดภัยจากพายุแห่งชีวิต

แม้ว่าเราต้องพบกับปัญหาและเรื่องปวดใจ เราสามารถเผชิญสิ่งเหล่านั้นได้โดยไม่กลัว ตราบเท่าที่เราหันไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงเป็น “ที่ลี้ภัย” ของเรา (91:2, 4, 9)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา