พระเยซูผู้เป็นกษัตริย์ของเรา
ขณะทำการขุดเจาะน้ำมันในประเทศที่มีแสงแดดจัดและแห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทีมงานต้องตกตะลึงที่ได้พบกับระบบน้ำใต้ดินขนาดมหึมา ดังนั้นในปีค.ศ. 1983 จึงมีโครงการ “แม่น้ำใหญ่ที่มนุษย์สร้าง” ซึ่งเริ่มต้นขึ้นด้วยการวางระบบท่อที่ส่งน้ำจืดคุณภาพสูงไปยังเมืองต่างๆที่มีความจำเป็นในการใช้น้ำ แผ่นป้ายใกล้กับจุดเริ่มต้นโครงการเขียนไว้ว่า “เส้นเลือดแห่งชีวิตไหลออกจากที่นี่”
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ได้ใช้ภาพของน้ำในที่แห้งมาบรรยายถึงพระราชาผู้ชอบธรรมในอนาคต (อสย.32) เมื่อกษัตริย์และผู้ปกครองต่างปกครองด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม พวกเขาเหล่านั้นก็จะเป็นเหมือน “ธารน้ำในที่แห้ง เหมือนร่มเงาศิลามหึมาในแผ่นดินที่อ่อนเปลี้ย” (ข้อ 2) ผู้ปกครองบางคนเลือกที่จะหาประโยชน์แทนที่จะให้ออกไป แต่เครื่องหมายของผู้นำที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าคือผู้ที่จะให้การพักพิง ที่หลบภัย ความสดชื่นและการปกป้อง อิสยาห์กล่าวว่า “ผลของความชอบธรรมจะเป็นศานติภาพ” สำหรับคนของพระองค์และ “ผลของความชอบธรรม คือความสงบและความวางใจเป็นนิตย์” (ข้อ 17)
ถ้อยคำแห่งความหวังของอิสยาห์นั้นจะสำเร็จครบถ้วนสมบรูณ์ในภายหลัง คือในพระเยซูผู้ซึ่ง “จะเสด็จมาจากสวรรค์...และ...เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์” (1ธส.4:16-17) “แม่น้ำใหญ่ที่มนุษย์สร้าง” เป็นเพียงแม่น้ำที่เกิดจากมือมนุษย์ วันหนึ่งแหล่งเก็บน้ำนั้นจะหมดไป แต่องค์ราชาผู้ชอบธรรมของเรานั้นจะประทานความสดชื่นและน้ำแห่งชีวิตที่ไม่มีวันเหือดแห้งไป
นครแห่งความชอบธรรม
ในวันส่งท้ายปี 2000 เจ้าหน้าที่ในเมืองดีทรอยต์ได้เปิดแคปซูลเวลาอายุร้อยปีอย่างระมัดระวัง ภายในกล่องทองแดงอัดแน่นด้วยคำทำนายที่ให้ความหวังจากผู้นำบางคนของเมืองที่แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความมั่นคงรุ่งเรือง อย่างไรก็ตามข้อความของนายกเทศมนตรีเสนอแนวทางที่ต่างออกไป เขาเขียนไว้ว่า “ขอให้เราได้แสดงความหวังเดียวที่เหนือกว่าความหวังอื่นทั้งหมด....[เพื่อ]ท่านในฐานะชาติ ประชาชนและเมือง จะตระหนักว่าท่านได้เจริญขึ้นในความชอบธรรม เพราะความชอบธรรมนี้เองที่จะยกระดับความเป็นชาติให้สูงส่งยิ่งขึ้น”
นายกเทศมนตรีปรารถนาให้พลเมืองในอนาคตไม่เพียงแค่มีความสุข ความสำเร็จหรือสันติภาพ แต่ที่จะมีในสิ่งที่เป็นความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง บางทีเขาอาจกล่าวเช่นนี้ตามพระเยซูที่ได้ทรงอวยพระพรแก่ผู้ที่ปรารถนาความชอบธรรมของพระองค์ (มธ.5:6) แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกท้อใจเมื่อเราพิจารณาถึงมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า
สรรเสริญพระเจ้าที่เราไม่ต้องพึ่งพาความพยายามของเราเองที่จะเติบโต ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวดังนี้ “ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข...ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีทุกสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลายให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์โดยพระเยซูคริสต์” (ฮบ.13:20-21) เราซึ่งอยู่ในพระคริสต์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระองค์ทันทีที่เราเชื่อในพระองค์ (ข้อ 12) แต่พระองค์ทรงกระทำให้ผลแห่งความชอบธรรมในใจของเราค่อยๆงอกงามขึ้นตลอดชั่วชีวิต เรามักจะสะดุดล้มในระหว่างเส้นทางของชีวิต แต่เรายังคงเฝ้ารอ “นครที่จะมีในภายหน้า” ที่ซึ่งความชอบธรรมของพระเจ้าจะครอบครอง (ข้อ 14)
ชัยชนะสูงสุดของพระเยซู
ที่ค่ายทหารบางแห่งในทวีปยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการส่งเสบียงทางอากาศที่แปลกประหลาดมาให้ทหารที่คิดถึงบ้าน นั่นคือ เปียโน พวกมันถูกผลิตขึ้นแบบพิเศษโดยให้มีเหล็กแค่ 10% จากปริมาณปกติ มีการติดกาวกันน้ำชนิดพิเศษและผ่านขั้นตอนป้องกันแมลง เปียโนเหล่านั้นมีพื้นผิวขรุขระและเรียบง่าย แต่ได้มอบความบันเทิงที่สร้างกำลังใจให้ทหารที่มารวมตัวกันเพื่อร้องเพลงที่คุ้นเคยที่บ้านอยู่หลายชั่วโมง
การร้องเพลงโดยเฉพาะเพลงสรรเสริญนั้นเป็นทางหนึ่งที่ผู้เชื่อในพระเยซูจะพบความสงบในสงครามเช่นกัน กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงรู้ความจริงในเรื่องนี้เมื่อทรงเผชิญกับศัตรูที่บุกรุก (2 พศด.20) พระองค์ทรงกลัวจึงเรียกให้ทุกคนมาชุมนุมกันเพื่ออดอาหารและอธิษฐาน (ข้อ 3-4) พระเจ้าทรงตอบสนองโดยให้พระองค์นำทหารออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูและทรงสัญญาว่าพวกเขา “ไม่จำเป็น...จะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้” (ข้อ 17) เยโฮชาฟัทเชื่อในพระเจ้าและตอบสนองด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงตั้งนักร้องให้นำหน้ากองทัพและร้องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับชัยชนะที่พวกเขาเชื่อว่าจะได้เห็น (ข้อ 21) และเมื่อเพลงสรรเสริญเริ่มขึ้น พระองค์ทรงเอาชนะศัตรูและช่วยกู้คนของพระองค์อย่างอัศจรรย์ (ข้อ 22)
ชัยชนะไม่ได้มาในเวลาและรูปแบบที่เราต้องการเสมอไป แต่เรายังสามารถประกาศชัยชนะสูงสุดของพระเยซูที่ได้ทรงพิชิตความบาปและความตายมาแล้วเพื่อเราได้ เราเลือกที่จะพักสงบอยู่ในจิตวิญญาณแห่งการนมัสการสรรเสริญได้ในท่ามกลางสงคราม
ดูแลสวนของคุณ
ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้ปลูกผลไม้และผักที่สวนหลังบ้านของเรา แล้วฉันก็เริ่มสังเกตเห็นรูเล็กๆในดิน ก่อนที่จะถึงเวลาสุกงอม ผลไม้ลูกแรกของเราก็หายไปอย่างลึกลับ วันหนึ่งฉันตกตะลึงที่พบว่าต้นสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดของเราถูกกระต่ายตัวหนึ่งที่ทำรังอยู่ขุดรากถอนโคนจนหมดและถูกแดดแผดเผาจนแห้ง ฉันตั้งใจว่าฉันจะใส่ใจกับสัญญาณเตือนให้มากกว่านี้!
บทกวีรักอันไพเราะในพระธรรมเพลงซาโลมอนบันทึกการสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว ขณะเรียกหาคนรักของเขานั้น ชายหนุ่มเตือนอย่างเข้มงวดไม่ให้มีสัตว์มาทำลายสวนของคู่รัก ซึ่งเป็นคำเปรียบถึงของความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาบอกว่า “จงจับสุนัขจิ้งจอกมาให้เรา คือสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่ทำลายสวนองุ่น” (พซม.2:15) บางทีเขาอาจเห็นสัญญาณของ “สุนัขจิ้งจอก” ที่อาจทำลายความรักของตน เช่น ความหึงหวง ความโกรธ การหลอกลวงหรือความไม่ใส่ใจ เพราะเขาปีตียินดีในความงดงามแห่งเจ้าสาวของเขา (ข้อ 14) เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาเป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ สำหรับเขานั้นเธอล้ำค่าดัง “ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับ” (ข้อ 2) เขาเต็มใจที่จะใช้ความพยายามในทุกทางเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา
ของขวัญล้ำค่าที่สุดบางอย่างที่พระเจ้ามอบให้เรานั้นคือครอบครัวและเพื่อน แม้ว่าการจะรักษาความสัมพันธ์เหล่านั้นไม่ง่ายเสมอไป แต่ด้วยความอดทน ความเอาใจใส่และการปกป้องให้พ้นจาก “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ” เราก็เชื่อวางใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงให้เกิดผลที่เติบโตงดงาม
ความสัตย์ซื่อในอนาคต
ซาร่าสูญเสียแม่ไปเมื่อตอนอายุเพียงสิบสี่ปี หลังจากนั้นไม่นานเธอและพี่น้องสูญเสียบ้านและกลายเป็นคนเร่ร่อน หลายปีต่อมาซาร่าต้องการตระเตรียมให้ลูกในอนาคตของเธอมีมรดกที่จะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ เธอทำงานหนักเพื่อซื้อบ้าน ทำให้ครอบครัวมีบ้านที่มั่นคงอย่างที่เธอไม่เคยมี
การลงทุนกับบ้านเพื่อลูกหลานคือการกระทำที่แสดงถึงความเชื่อสำหรับอนาคตที่คุณยังมองไม่เห็น พระเจ้าตรัสแก่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ให้ซื้อที่นาก่อนที่บาบิโลนจะมาล้อมโจมตีกรุงเยรูซาเล็มอย่างร้ายแรง (ยรม.32:6-12) สำหรับเยเรมีย์แล้วคำสั่งของพระเจ้าดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก เพราะอีกไม่นานที่ดินและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาก็จะถูกยึดไป
แต่พระเจ้าประทานพระสัญญาแก่เยเรมีย์ว่า “เราได้นำเอาความร้ายยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาตินี้ฉันใด เราก็จะนำความดีทั้งสิ้นซึ่งเราได้สัญญาไว้นั้นมาเหนือเขาฉันนั้น” (ข้อ 42) การที่เยเรมีย์ซื้อที่นานั้นเป็นเครื่องหมายที่เป็นรูปธรรมถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ที่วันหนึ่งจะทรงให้ชนชาติอิสราเอลกลับสู่สภาพเดิมในบ้านเกิดของพวกเขา แม้ในท่ามกลางการถูกโจมตีอย่างรุนแรง พระเจ้าทรงสัญญากับประชากรของพระองค์ว่าสันติสุขจะกลับคืนมา จะมีการซื้อขายบ้านและที่นาอีกครั้ง (ข้อ 43-44)
ในวันนี้เราสามารถเชื่อวางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และเลือกที่จะ “ลงทุน” ในความเชื่อ แม้เราอาจไม่ได้เห็นสถานการณ์ทุกอย่างบนโลกนี้กลับสู่สภาพเดิม แต่เรามีความมั่นใจว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงทำให้ทุกสิ่งกลับมาดี
พักสงบอย่างปลอดภัยในพระเจ้า
นักวิจัยในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ต้องการช่วยให้ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) นอนหลับสบายขึ้น พวกเขาวัดผลของเครื่องมือที่ช่วยในการนอนหลับกับผู้ถูกทดสอบในห้องไอซียูจำลอง พร้อมกับระดับความสว่างของแสงไฟในโรงพยาบาลและเครื่องส่งเสียงบี๊บและเสียงพูดของพยาบาล งานวิจัยของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเครื่องมืออย่างผ้าปิดตาและที่อุดหู ช่วยให้การพักผ่อนของผู้ถูกทดสอบดีขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าสำหรับผู้ป่วยในห้องไอซียูจริงนั้น การนอนหลับอย่างสงบสุขยังคงเป็นเรื่องยาก
เมื่อโลกของเรามีปัญหา เราจะพบความสงบได้อย่างไร พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า มีสันติสุขสำหรับผู้ที่วางใจในพระเจ้าไม่ว่าสภาพการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เขียนเกี่ยวกับอนาคตของคนอิสราเอลในยุคนั้นว่า ภายหลังความยากลำบากนั้นพวกเขาจะได้รับการฟื้นฟู จะอาศัยอยู่ในเมืองอย่างปลอดภัย เพราะพวกเขารู้ว่าพระเจ้าทำให้เมืองนี้ปลอดภัย (อสย.26:1) พวกเขาจะวางใจว่าพระองค์ทรงกระทำกิจอย่างต่อเนื่องใน
โลกรอบตัวพวกเขา เพื่อนำมาซึ่งการดี โดย “พระองค์ทรงให้ชาวเมืองที่สูงส่งนั้น...ต่ำลง” ทรงยกผู้ที่ถูกกดขี่ขึ้นและนำมาซึ่งความยุติธรรม (ข้อ 5-6) พวกเขาจะรู้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร์” และพวกเขาสามารถจะวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์ (ข้อ 4)“ใจแน่วแน่นั้น พระองค์ทรงรักษาไว้ในศานติภาพอันสมบูรณ์” อิสยาห์กล่าวว่า “เพราะเขาวางใจในพระองค์” (ข้อ 3) ในวันนี้พระเจ้าทรงจัดเตรียมศานติภาพและการพักสงบอันสมบูรณ์ให้เราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเรา เราพักสงบด้วยความวางใจได้ในความรักและฤทธิ์อำนาจของพระองค์
ของขวัญที่ไม่สมควรได้รับ
ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนมอบของขวัญให้เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไม่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับของขวัญที่ดีแบบนั้นจากเธอ เธอส่งมาให้หลังจากได้ยินว่าฉันกำลังเครียดในเรื่องงาน แต่เธอก็กำลังเผชิญกับความเครียดไม่แพ้กันหรืออาจมากกว่าฉันด้วยซำ้ จากพ่อแม่วัยชรา ลูกๆที่ท้าทาย ความวุ่นวายที่ทำงาน และความตึงเครียดในชีวิตแต่งงาน ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอนึกถึงฉันก่อนตัวเธอเอง และของขวัญธรรมดาของเธอนั้นทำให้ฉันน้ำตาไหล
ในความจริงแล้วเราล้วนเป็นผู้ที่ได้รับของขวัญซึ่งเราไม่มีวันจะคู่ควร เปาโลกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (1 ทธ.1:15) แม้ว่าท่านจะ “เคยเป็นคนหลู่พระเกียรติ ข่มเหง และทำการหมิ่นประมาท...พระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น มีมากเหลือล้นสำหรับข้าพเจ้า” (ข้อ13-14) การคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เปาโลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงของขวัญแห่งพระคุณที่ไม่ต้องจ่ายราคา ผลก็คือ ท่านเรียนรู้ความหมายของการเป็นผู้รับของขวัญที่ไม่คู่ควรนั้น และท่านกลายมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแห่งความรักของพระเจ้า และบอกคนมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อท่าน
เราได้รับความรักแทนการกล่าวโทษและพระเมตตาแทนการตัดสินโดยผ่านทางพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น ในวันนี้ให้เราเฉลิมฉลองพระคุณที่เราไม่สมควรได้รับซึ่งพระเจ้าทรงมอบให้ และคอยมองหาหนทางที่จะสำแดงพระคุณนั้นต่อผู้อื่น
อิ่มบริบูรณ์
การลอบสังหารดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์อันน่ากลัว เกิดขึ้นในช่วงที่ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองอเมริกันพุ่งถึงจุดสูงสุดในทศวรรษ 1960 แต่สี่วันต่อมาคอเร็ตต้า สก็อตต์ คิงภรรยาม่ายของท่านได้เข้ามานำแทนที่สามีอย่างกล้าหาญในการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติ คอเร็ตต้ามีความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งเรื่องความยุติธรรมและเป็นผู้ปกป้องหลักการต่างๆอย่างไม่ลดละ
พระเยซูตรัสว่า “บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์” (มธ.5:6) เรารู้ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อมอบความยุติธรรมและแก้ไขความผิดทุกอย่าง แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น เรามีโอกาสที่จะมีส่วนทำให้ความยุติธรรมของพระเจ้าเป็นจริงบนโลกเหมือนที่คอเร็ตต้าทำ อิสยาห์ 58 ให้ภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้คนของพระองค์ทำ คือการแก้พันธนะของความอธรรม ปลดปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ ปันอาหารให้กับผู้หิว ให้ที่พักพิงกับคนยากจนไร้บ้าน...คลุมกาย [คนเปลือยเปล่า] และไม่ซ่อนตัว [จากคนที่ต้องการความช่วยเหลือ]” (ข้อ 6-7) การแสวงหาความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่และผู้ที่ถูกกีดกันเป็นวิธีหนึ่งที่ชีวิตของเราจะสำแดงถึงพระเจ้า อิสยาห์บรรยายว่าคนของพระองค์ผู้ซึ่งแสวงหาความยุติธรรมเป็นเหมือนความสว่างที่พุ่งออกมาอย่างรุ่งอรุณ และพวกเขากับคนอื่นๆ จะได้รับการรักษา (ข้อ 8)
วันนี้ขอพระเจ้าทรงปลูกฝังความหิวกระหายความชอบธรรมของพระองค์ให้กับเราในโลกนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่าเราจะได้รับความพึงใจเมื่อเราแสวงหาความยุติธรรมในทางของพระองค์และในฤทธิ์อำนาจของพระองค์
แบ่งเบาภาระ
เมื่อผู้หญิงในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ที่เราเพิ่งรวมตัวกันขึ้นมาต้องเผชิญกับเหตุการณ์หนักๆติดต่อกัน จู่ๆเราก็พบว่าพวกเรากำลังแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวอย่างลึกซึ้งร่วมกัน ทั้งการเผชิญหน้ากับการสูญเสียผู้เป็นพ่อ ความเจ็บปวดในวันครบรอบแต่งงานหลังจากการหย่าร้าง การให้กำเนิดลูกที่หูหนวกสนิท ประสบการณ์ในการขับรถเพื่อรีบนำตัวลูกไปส่งยังห้องฉุกเฉิน เรื่องราวเหล่านี้ล้วนหนักเกินไปที่ใครจะแบกรับไว้เพียงคนเดียว ความอ่อนแอของแต่ละคนนำให้เราเปิดเผยต่อกันมากยิ่งขึ้น เราร้องไห้และอธิษฐานร่วมกัน จากกลุ่มที่เริ่มต้นในฐานะคนแปลกหน้าได้กลายมาเป็นกลุ่มของเพื่อนสนิทภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ในฐานะกายเดียวกันของคริสตจักร ผู้เชื่อในพระเยซูจึงสามารถอยู่เคียงข้างกันในความทุกข์ยากอย่างลึกซึ้งและใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ผูกพันพี่น้องในพระคริสต์ไว้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เรารู้จักกันหรือสิ่งที่เรามีเหมือนกัน แต่เราทำในสิ่งที่เปาโลเรียกว่า “รับภาระของกันและกัน” (กท.6:2) เราพึ่งพาในพระกำลังของพระเจ้า เราฟัง เราเห็นใจ เราช่วยเหลือในส่วนที่ช่วยได้ และเราอธิษฐาน เรามองหาหนทางที่จะ “ทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ” (ข้อ 10) เปาโลบอกว่าเมื่อเราทำเช่นนั้น เราจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์ (ข้อ 2) คือการรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ภาระแห่งชีวิตอาจหนักอึ้ง แต่พระองค์ประทานครอบครัวคริสตจักรแก่เราเพื่อแบ่งเบาภาระนั้น