ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Karen Pimpo

นครแห่งความชอบธรรม

ในวันส่งท้ายปี 2000 เจ้าหน้าที่ในเมืองดีทรอยต์ได้เปิดแคปซูลเวลาอายุร้อยปีอย่างระมัดระวัง ภายในกล่องทองแดงอัดแน่นด้วยคำทำนายที่ให้ความหวังจากผู้นำบางคนของเมืองที่แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความมั่นคงรุ่งเรือง อย่างไรก็ตามข้อความของนายกเทศมนตรีเสนอแนวทางที่ต่างออกไป เขาเขียนไว้ว่า “ขอให้เราได้แสดงความหวังเดียวที่เหนือกว่าความหวังอื่นทั้งหมด....[เพื่อ]ท่านในฐานะชาติ ประชาชนและเมือง จะตระหนักว่าท่านได้เจริญขึ้นในความชอบธรรม เพราะความชอบธรรมนี้เองที่จะยกระดับความเป็นชาติให้สูงส่งยิ่งขึ้น”

นายกเทศมนตรีปรารถนาให้พลเมืองในอนาคตไม่เพียงแค่มีความสุข ความสำเร็จหรือสันติภาพ แต่ที่จะมีในสิ่งที่เป็นความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง บางทีเขาอาจกล่าวเช่นนี้ตามพระเยซูที่ได้ทรงอวยพระพรแก่ผู้ที่ปรารถนาความชอบธรรมของพระองค์ (มธ.5:6) แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกท้อใจเมื่อเราพิจารณาถึงมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า

สรรเสริญพระเจ้าที่เราไม่ต้องพึ่งพาความพยายามของเราเองที่จะเติบโต ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวดังนี้ “ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข...ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีทุกสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลายให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์โดยพระเยซูคริสต์” (ฮบ.13:20-21) เราซึ่งอยู่ในพระคริสต์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระองค์ทันทีที่เราเชื่อในพระองค์ (ข้อ 12) แต่พระองค์ทรงกระทำให้ผลแห่งความชอบธรรมในใจของเราค่อยๆงอกงามขึ้นตลอดชั่วชีวิต เรามักจะสะดุดล้มในระหว่างเส้นทางของชีวิต แต่เรายังคงเฝ้ารอ “นครที่จะมีในภายหน้า” ที่ซึ่งความชอบธรรมของพระเจ้าจะครอบครอง (ข้อ 14)

ชัยชนะสูงสุดของพระเยซู

ที่ค่ายทหารบางแห่งในทวีปยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการส่งเสบียงทางอากาศที่แปลกประหลาดมาให้ทหารที่คิดถึงบ้าน นั่นคือ เปียโน พวกมันถูกผลิตขึ้นแบบพิเศษโดยให้มีเหล็กแค่ 10% จากปริมาณปกติ มีการติดกาวกันน้ำชนิดพิเศษและผ่านขั้นตอนป้องกันแมลง เปียโนเหล่านั้นมีพื้นผิวขรุขระและเรียบง่าย แต่ได้มอบความบันเทิงที่สร้างกำลังใจให้ทหารที่มารวมตัวกันเพื่อร้องเพลงที่คุ้นเคยที่บ้านอยู่หลายชั่วโมง

การร้องเพลงโดยเฉพาะเพลงสรรเสริญนั้นเป็นทางหนึ่งที่ผู้เชื่อในพระเยซูจะพบความสงบในสงครามเช่นกัน กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงรู้ความจริงในเรื่องนี้เมื่อทรงเผชิญกับศัตรูที่บุกรุก (2 พศด.20) พระองค์ทรงกลัวจึงเรียกให้ทุกคนมาชุมนุมกันเพื่ออดอาหารและอธิษฐาน (ข้อ 3-4) พระเจ้าทรงตอบสนองโดยให้พระองค์นำทหารออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูและทรงสัญญาว่าพวกเขา “ไม่จำเป็น...จะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้” (ข้อ 17) เยโฮชาฟัทเชื่อในพระเจ้าและตอบสนองด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงตั้งนักร้องให้นำหน้ากองทัพและร้องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับชัยชนะที่พวกเขาเชื่อว่าจะได้เห็น (ข้อ 21) และเมื่อเพลงสรรเสริญเริ่มขึ้น พระองค์ทรงเอาชนะศัตรูและช่วยกู้คนของพระองค์อย่างอัศจรรย์ (ข้อ 22)

ชัยชนะไม่ได้มาในเวลาและรูปแบบที่เราต้องการเสมอไป แต่เรายังสามารถประกาศชัยชนะสูงสุดของพระเยซูที่ได้ทรงพิชิตความบาปและความตายมาแล้วเพื่อเราได้ เราเลือกที่จะพักสงบอยู่ในจิตวิญญาณแห่งการนมัสการสรรเสริญได้ในท่ามกลางสงคราม

ดูแลสวนของคุณ

ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้ปลูกผลไม้และผักที่สวนหลังบ้านของเรา แล้วฉันก็เริ่มสังเกตเห็นรูเล็กๆในดิน ก่อนที่จะถึงเวลาสุกงอม ผลไม้ลูกแรกของเราก็หายไปอย่างลึกลับ วันหนึ่งฉันตกตะลึงที่พบว่าต้นสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดของเราถูกกระต่ายตัวหนึ่งที่ทำรังอยู่ขุดรากถอนโคนจนหมดและถูกแดดแผดเผาจนแห้ง ฉันตั้งใจว่าฉันจะใส่ใจกับสัญญาณเตือนให้มากกว่านี้!

บทกวีรักอันไพเราะในพระธรรมเพลงซาโลมอนบันทึกการสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว ขณะเรียกหาคนรักของเขานั้น ชายหนุ่มเตือนอย่างเข้มงวดไม่ให้มีสัตว์มาทำลายสวนของคู่รัก ซึ่งเป็นคำเปรียบถึงของความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาบอกว่า “จงจับสุนัขจิ้งจอกมาให้เรา คือสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่ทำลายสวนองุ่น” (พซม.2:15) บางทีเขาอาจเห็นสัญญาณของ “สุนัขจิ้งจอก” ที่อาจทำลายความรักของตน เช่น ความหึงหวง ความโกรธ การหลอกลวงหรือความไม่ใส่ใจ เพราะเขาปีตียินดีในความงดงามแห่งเจ้าสาวของเขา (ข้อ 14) เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาเป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ สำหรับเขานั้นเธอล้ำค่าดัง “ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับ” (ข้อ 2) เขาเต็มใจที่จะใช้ความพยายามในทุกทางเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา

ของขวัญล้ำค่าที่สุดบางอย่างที่พระเจ้ามอบให้เรานั้นคือครอบครัวและเพื่อน แม้ว่าการจะรักษาความสัมพันธ์เหล่านั้นไม่ง่ายเสมอไป แต่ด้วยความอดทน ความเอาใจใส่และการปกป้องให้พ้นจาก “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ” เราก็เชื่อวางใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงให้เกิดผลที่เติบโตงดงาม

ความสัตย์ซื่อในอนาคต

ซาร่าสูญเสียแม่ไปเมื่อตอนอายุเพียงสิบสี่ปี หลังจากนั้นไม่นานเธอและพี่น้องสูญเสียบ้านและกลายเป็นคนเร่ร่อน หลายปีต่อมาซาร่าต้องการตระเตรียมให้ลูกในอนาคตของเธอมีมรดกที่จะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ เธอทำงานหนักเพื่อซื้อบ้าน ทำให้ครอบครัวมีบ้านที่มั่นคงอย่างที่เธอไม่เคยมี

การลงทุนกับบ้านเพื่อลูกหลานคือการกระทำที่แสดงถึงความเชื่อสำหรับอนาคตที่คุณยังมองไม่เห็น พระเจ้าตรัสแก่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ให้ซื้อที่นาก่อนที่บาบิโลนจะมาล้อมโจมตีกรุงเยรูซาเล็มอย่างร้ายแรง (ยรม.32:6-12) สำหรับเยเรมีย์แล้วคำสั่งของพระเจ้าดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก เพราะอีกไม่นานที่ดินและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาก็จะถูกยึดไป

แต่พระเจ้าประทานพระสัญญาแก่เยเรมีย์ว่า “เราได้นำเอาความร้ายยิ่งใหญ่มาเหนือชนชาตินี้ฉันใด เราก็จะนำความดีทั้งสิ้นซึ่งเราได้สัญญาไว้นั้นมาเหนือเขาฉันนั้น​” (ข้อ 42) การที่เยเรมีย์ซื้อที่นานั้นเป็นเครื่องหมายที่เป็นรูปธรรมถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ที่วันหนึ่งจะทรงให้ชนชาติอิสราเอลกลับสู่สภาพเดิมในบ้านเกิดของพวกเขา แม้ในท่ามกลางการถูกโจมตีอย่างรุนแรง พระเจ้าทรงสัญญากับประชากรของพระองค์ว่าสันติสุขจะกลับคืนมา จะมีการซื้อขายบ้านและที่นาอีกครั้ง (ข้อ 43-44)

ในวันนี้เราสามารถเชื่อวางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และเลือกที่จะ “ลงทุน” ในความเชื่อ แม้เราอาจไม่ได้เห็นสถานการณ์ทุกอย่างบนโลกนี้กลับสู่สภาพเดิม แต่เรามีความมั่นใจว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงทำให้ทุกสิ่งกลับมาดี

พักสงบอย่างปลอดภัยในพระเจ้า

นักวิจัยในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ต้องการช่วยให้ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) นอนหลับสบายขึ้น พวกเขาวัดผลของเครื่องมือที่ช่วยในการนอนหลับกับผู้ถูกทดสอบในห้องไอซียูจำลอง พร้อมกับระดับความสว่างของแสงไฟในโรงพยาบาลและเครื่องส่งเสียงบี๊บและเสียงพูดของพยาบาล งานวิจัยของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเครื่องมืออย่างผ้าปิดตาและที่อุดหู ช่วยให้การพักผ่อนของผู้ถูกทดสอบดีขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าสำหรับผู้ป่วยในห้องไอซียูจริงนั้น การนอนหลับอย่างสงบสุขยังคงเป็นเรื่องยาก

เมื่อโลกของเรามีปัญหา เราจะพบความสงบได้อย่างไร พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า มีสันติสุขสำหรับผู้ที่วางใจในพระเจ้าไม่ว่าสภาพการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เขียนเกี่ยวกับอนาคตของคนอิสราเอลในยุคนั้นว่า ภายหลังความยากลำบากนั้นพวกเขาจะได้รับการฟื้นฟู จะอาศัยอยู่ในเมืองอย่างปลอดภัย เพราะพวกเขารู้ว่าพระเจ้าทำให้เมืองนี้ปลอดภัย (อสย.26:1) พวกเขาจะวางใจว่าพระองค์ทรงกระทำกิจอย่างต่อเนื่องใน

โลกรอบตัวพวกเขา เพื่อนำมาซึ่งการดี โดย “พระองค์ทรงให้ชาวเมืองที่สูงส่งนั้น...ต่ำลง” ทรงยกผู้ที่ถูกกดขี่ขึ้นและนำมาซึ่งความยุติธรรม (ข้อ 5-6) พวกเขาจะรู้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร์” และพวกเขาสามารถจะวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์ (ข้อ 4)“ใจแน่วแน่นั้น พระองค์ทรงรักษาไว้ในศานติภาพอันสมบูรณ์” อิสยาห์กล่าวว่า “เพราะเขาวางใจในพระองค์” (ข้อ 3) ในวันนี้พระเจ้าทรงจัดเตรียมศานติภาพและการพักสงบอันสมบูรณ์ให้เราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเรา เราพักสงบด้วยความวางใจได้ในความรักและฤทธิ์อำนาจของพระองค์

ของขวัญที่ไม่สมควรได้รับ

ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนมอบของขวัญให้เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไม่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับของขวัญที่ดีแบบนั้นจากเธอ เธอส่งมาให้หลังจากได้ยินว่าฉันกำลังเครียดในเรื่องงาน แต่เธอก็กำลังเผชิญกับความเครียดไม่แพ้กันหรืออาจมากกว่าฉันด้วยซำ้ จากพ่อแม่วัยชรา ลูกๆที่ท้าทาย ความวุ่นวายที่ทำงาน และความตึงเครียดในชีวิตแต่งงาน ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอนึกถึงฉันก่อนตัวเธอเอง และของขวัญธรรมดาของเธอนั้นทำให้ฉันน้ำตาไหล

ในความจริงแล้วเราล้วนเป็นผู้ที่ได้รับของขวัญซึ่งเราไม่มีวันจะคู่ควร เปาโลกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (1 ทธ.1:15) แม้ว่าท่านจะ “เคยเป็นคนหลู่พระเกียรติ ข่มเหง และทำการหมิ่นประมาท...พระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น มีมากเหลือล้นสำหรับข้าพเจ้า”​ (ข้อ13-14) การคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เปาโลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงของขวัญแห่งพระคุณที่ไม่ต้องจ่ายราคา ผลก็คือ ท่านเรียนรู้ความหมายของการเป็นผู้รับของขวัญที่ไม่คู่ควรนั้น และท่านกลายมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแห่งความรักของพระเจ้า และบอกคนมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อท่าน

เราได้รับความรักแทนการกล่าวโทษและพระเมตตาแทนการตัดสินโดยผ่านทางพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น ในวันนี้ให้เราเฉลิมฉลองพระคุณที่เราไม่สมควรได้รับซึ่งพระเจ้าทรงมอบให้ และคอยมองหาหนทางที่จะสำแดงพระคุณนั้นต่อผู้อื่น

อิ่มบริบูรณ์

การลอบสังหารดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์อันน่ากลัว เกิดขึ้นในช่วงที่ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองอเมริกันพุ่งถึงจุดสูงสุดในทศวรรษ 1960 แต่สี่วันต่อมาคอเร็ตต้า สก็อตต์ คิงภรรยาม่ายของท่านได้เข้ามานำแทนที่สามีอย่างกล้าหาญในการเดินขบวนประท้วงอย่างสันติ คอเร็ตต้ามีความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งเรื่องความยุติธรรมและเป็นผู้ปกป้องหลักการต่างๆอย่างไม่ลดละ

พระเยซูตรัสว่า “บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์” (มธ.5:6) เรารู้ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อมอบความยุติธรรมและแก้ไขความผิดทุกอย่าง แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น เรามีโอกาสที่จะมีส่วนทำให้ความยุติธรรมของพระเจ้าเป็นจริงบนโลกเหมือนที่คอเร็ตต้าทำ อิสยาห์ 58 ให้ภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้คนของพระองค์ทำ คือการแก้พันธนะของความอธรรม ปลดปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ ปันอาหารให้กับผู้หิว ให้ที่พักพิงกับคนยากจนไร้บ้าน...คลุมกาย [คนเปลือยเปล่า] และไม่ซ่อนตัว [จากคนที่ต้องการความช่วยเหลือ]” (ข้อ 6-7) การแสวงหาความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่และผู้ที่ถูกกีดกันเป็นวิธีหนึ่งที่ชีวิตของเราจะสำแดงถึงพระเจ้า อิสยาห์บรรยายว่าคนของพระองค์ผู้ซึ่งแสวงหาความยุติธรรมเป็นเหมือนความสว่างที่พุ่งออกมาอย่างรุ่งอรุณ และพวกเขากับคนอื่นๆ จะได้รับการรักษา (ข้อ 8)

วันนี้ขอพระเจ้าทรงปลูกฝังความหิวกระหายความชอบธรรมของพระองค์ให้กับเราในโลกนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่าเราจะได้รับความพึงใจเมื่อเราแสวงหาความยุติธรรมในทางของพระองค์และในฤทธิ์อำนาจของพระองค์

แบ่งเบาภาระ

เมื่อผู้หญิงในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ที่เราเพิ่งรวมตัวกันขึ้นมาต้องเผชิญกับเหตุการณ์หนักๆติดต่อกัน จู่ๆเราก็พบว่าพวกเรากำลังแบ่งปันเรื่องราวส่วนตัวอย่างลึกซึ้งร่วมกัน ทั้งการเผชิญหน้ากับการสูญเสียผู้เป็นพ่อ ความเจ็บปวดในวันครบรอบแต่งงานหลังจากการหย่าร้าง การให้กำเนิดลูกที่หูหนวกสนิท ประสบการณ์ในการขับรถเพื่อรีบนำตัวลูกไปส่งยังห้องฉุกเฉิน เรื่องราวเหล่านี้ล้วนหนักเกินไปที่ใครจะแบกรับไว้เพียงคนเดียว ความอ่อนแอของแต่ละคนนำให้เราเปิดเผยต่อกันมากยิ่งขึ้น เราร้องไห้และอธิษฐานร่วมกัน จากกลุ่มที่เริ่มต้นในฐานะคนแปลกหน้าได้กลายมาเป็นกลุ่มของเพื่อนสนิทภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์

ในฐานะกายเดียวกันของคริสตจักร ผู้เชื่อในพระเยซูจึงสามารถอยู่เคียงข้างกันในความทุกข์ยากอย่างลึกซึ้งและใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ผูกพันพี่น้องในพระคริสต์ไว้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เรารู้จักกันหรือสิ่งที่เรามีเหมือนกัน แต่เราทำในสิ่งที่เปาโลเรียกว่า “รับภาระของกันและกัน” (กท.6:2) เราพึ่งพาในพระกำลังของพระเจ้า เราฟัง เราเห็นใจ เราช่วยเหลือในส่วนที่ช่วยได้ และเราอธิษฐาน เรามองหาหนทางที่จะ “ทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ” (ข้อ 10) เปาโลบอกว่าเมื่อเราทำเช่นนั้น เราจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์ (ข้อ 2) คือการรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ภาระแห่งชีวิตอาจหนักอึ้ง แต่พระองค์ประทานครอบครัวคริสตจักรแก่เราเพื่อแบ่งเบาภาระนั้น

เลือกที่จะเห็นอกเห็นใจ

ภาพตัดต่อความยาวห้านาทีเกี่ยวกับอุบัติเหตุจากหิมะเป็นจุดขายของรายการทีวีตอนหนึ่ง ภาพวิดีโอจากทางบ้านที่มีผู้คนเล่นสกีบนหลังคา ชนข้าวของขณะนั่งบนห่วงยางลื่นไถลไปบนน้ำแข็ง ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากผู้ชมในห้องส่งและผู้ชมทางบ้าน ดูเหมือนเสียงหัวเราะจะดังที่สุดเมื่อปรากฏว่าคนที่ประสบเหตุนั้นสมควรได้รับมันเพราะพฤติกรรมโง่เขลาของตนเอง

วิดีโอตลกจากทางบ้านไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่อาจเปิดเผยบางอย่างเกี่ยวกับตัวเรา เช่น เราอาจมีแนวโน้มที่จะหัวเราะเยาะหรือหาประโยชน์จากความทุกข์ของผู้อื่น เรื่องคล้ายกันนี้บันทึกไว้ในพระธรรมโอบาดีห์ เกี่ยวกับสองประเทศที่เป็นคู่แข่งกัน คือ อิสราเอลและเอโดม เมื่อพระเจ้าทรงเห็นสมควรที่จะลงโทษอิสราเอลในเรื่องบาปของเขา เอโดมก็เปรมปรีดิ์ พวกเขาหาประโยชน์จากคนอิสราเอล ปล้นสะดมเมือง ขัดขวางการหลบหนีและช่วยเหลือศัตรูของพวกเขา (อบด.1:13-14) คำเตือนจากผู้เผยพระวจนะโอบาดีห์มาถึงเอโดมว่า “เจ้าไม่ควรยืนยิ้มอยู่ด้วยความพอใจ ในเมื่อน้องชายของเจ้ารับเคราะห์ในครั้งนั้น” เพราะ “วันแห่งพระเจ้าใกล้ประชาชาติทั้งสิ้นเข้ามาแล้ว” (ข้อ 12, 15)

เมื่อเราเห็นปัญหาหรือความทุกข์ทรมานของผู้อื่น ถึงแม้ดูเหมือนว่าเขานำมันมาสู่ตัวเอง เราต้องเลือกการเห็นอกเห็นใจแทนที่จะหยิ่งผยอง เพราะเราไม่อยู่ในฐานะที่จะตัดสินผู้อื่น พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทำได้ อาณาจักรของโลกนี้เป็นของพระองค์ (ข้อ 21) พระองค์ผู้เดียวที่ทรงครอบครองอำนาจแห่งความยุติธรรมและความเมตตา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา