ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Karen Pimpo

คนที่พระเจ้าสอนได้

หลังจากที่แคทรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ เธอจึงออกจากโรงเรียนมัธยมเพื่อมาดูแลลูกสาว สิบห้าปีต่อมาแคทเป็นแม่ลูกสามที่ทำงานและใฝ่ฝันอยากเป็นช่างเสริมสวยที่มีใบอนุญาต ด้วยความถ่อมตนและมุ่งมั่นเธอกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้งในโครงการสนับสนุนการเทียบวุฒิการศึกษามัธยมปลายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เธอยอมถ่อมใจกลับไปเรียนอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านมานาน “โครงการนี้เปลี่ยนชีวิตของฉัน” แคทกล่าว “ครูของฉันยอดเยี่ยมและให้กำลังใจฉันอย่างมาก”

การเป็นคนที่คนอื่นสอนได้อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเรา พระคัมภีร์กล่าวถึงการมีใจพร้อมเรียนรู้ที่เปิดรับพระปัญญาของพระเจ้า บทกวีในพระธรรมสุภาษิตพูดถึงผู้หญิงสองคน คือ ปัญญาและความโง่ ที่ส่งเสียงร้องเรียกคนที่เดินผ่านไปมา (สภษ.9:1-6,13-18) ผู้ที่ฟังปัญญาจะได้รับการสอนอย่างเมตตา พวกเขา “เพิ่มการเรียนรู้มากขึ้น” และจะฉลาดยิ่งขึ้น (ข้อ 9) พวกเขาจะ “ดำเนิน​ใน​ทาง​ของ​ความ​รอบ​รู้” อยู่เสมอ (ข้อ 6) และนั่งที่โต๊ะของปัญญาเพื่อฟังคำสอน การเชื่อฟังของพวกเขานำไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์ (ข้อ 11) ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ฟังความโง่จะเกลียดการถูกตักเตือนหรือวิพากษ์วิจารณ์ พวกเขาดูหมิ่นทุกคนที่พยายามสอนพวกเขา (ข้อ 7-8) ความถ่อมตนมาจากการยำเกรงพระเจ้า คือการยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็น “องค์บริสุทธิ์” และเราไม่ใช่ (ข้อ 10) การเป็นคนที่คนอื่นสอนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันจะทำให้เรามีเสรีภาพที่จะยอมรับว่าเราไม่ได้รู้ทุกอย่าง และเรายังคงต้องการความช่วยเหลือ ปัญญาร้องเรียกหาเราอยู่ แล้วเราล่ะจะตอบสนองอย่างไร

สันติสุขในพระเจ้า

เมื่อฉันพาเพื่อนไปร้านเสริมสวยในวันเกิดของเธอ เรารู้สึกพอใจมากที่ได้รับการดูแลอย่างดี เสียงดนตรีที่ผ่อนคลายและพนักงานส่วนตัวคอยต้อนรับเราในสปาที่เงียบสงบ มีแสงสลัวๆ ประสบการณ์ทั้งหมดนั้นให้ความรู้สึกสุขสงบและผ่อนคลาย แต่ฉันต้องกลั้นหัวเราะไว้เมื่อเห็นป้ายบนโต๊ะเขียนว่า “ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมออร์แกนิกนี้ให้คุณมากกว่าผมสวย มันให้สันติสุขในใจคุณ”

เรารู้ว่าผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมไม่ได้นำมาซึ่งสันติสุขที่ยั่งยืน กระนั้นเราก็มักพอใจกับการผ่อนคลายชั่วคราวเมื่อโลกของเราตึงเครียด ในความเป็นจริงสันติสุขแท้ไม่ได้มาจากบางสิ่ง แต่มาจากบางคน ขณะที่เปาโลหนุนใจผู้เชื่อพระเยซูในกรุงโรม ท่านเตือนสติว่า “เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้าทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา” (รม.5:1) ความบาปแยกเราจากพระเจ้า แต่เครื่องบูชาเพื่อชำระบาปของพระคริสต์ได้เปิดทางให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ (5:9-10) พระเยซูทรงเสนอที่จะมอบสันติสุขสำหรับวันนี้และสันติสุขชั่วนิรันดร์ ผ่าน “ความเชื่อ...โดยทางพระองค์เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณ” (ข้อ 1, 2) “ได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า” (ข้อ 2) และมีความหวังแม้ต้องทนทุกข์ยากในโลก (ข้อ 3-4) สันติสุขในพระเจ้าเป็นมากกว่าแค่ความรู้สึก แต่เป็นของประทานที่เราได้รับโดยทางความเชื่อในพระเยซู ไม่ว่าเราจะอยู่ในร้านเสริมสวยหรือโรงพยาบาล อยู่ในช่วงเวลาแห่งความสงบหรือความสับสนวุ่นวาย ไม่ว่าเราจะรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้าหรือไม่ก็ตาม สันติสุขของพระองค์ยังคงมีให้เราเสมอ

ตอบรับความจริงของพระคริสต์

เมื่อคอนเนอร์เพื่อนของฉันถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มอันเก่าของเขา เขาไม่สนใจที่จะหาแสงสวยๆ ลบรอยตำหนิ หรือครอบตัดส่วนที่ดูไม่ดีออกไป ภาพของเขาดูดิบเป็นธรรมชาติจนน่าตกใจ พวกมันโดดเด่นอยู่บนหน้าฟีดในโซเชียลมีเดียของฉันถัดจากรูปคนและสถานที่อันสวยงามที่ผ่านการแต่งภาพมาเต็มที่ แม้จะแตกต่างจากสังคมส่วนใหญ่ แต่ผลงานของเขานั้นงดงามเพราะมันสื่อสารถึงความจริงตามที่เป็น

เราต่างโหยหาสิ่งที่จริงแท้ แต่บางครั้งความจริงไม่น่าดึงดูดใจสำหรับเรา เมื่อใกล้เวลาที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสว่า “เราเป็น...ความจริง” (ยน.14:6) สาวกของพระองค์สงสัยว่าพวกเขาจะเข้าในพระนิเวศของพระบิดาที่พระเยซูตรัสถึงอย่างรอคอยได้อย่างไร (ข้อ 2-3) พวกเขามองไม่เห็นว่าพระเยซูที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นคือคำตอบ พวกเขาไม่เข้าใจว่าพระองค์จะนำชัยชนะมาผ่านการเสียสละพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา

อิสยาห์ทำนายว่าพระเมสสิยาห์ที่จะมานั้นไม่มีความงามหรือสง่าราศี “ท่านไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน” (อสย.53:2) สิ่งที่พระเยซูตรัสหลายอย่างนั้นท้าทายและคาดไม่ถึงจนทำให้พวกเคร่งศาสนาต่อต้านพระองค์ (ยน.11:45-48) แต่พระองค์ได้ทรงเชื้อเชิญอย่างเปิดเผยให้คนได้มารู้จักความจริงและแสวงหาชีวิตที่แท้จริง “ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว” พระเยซูตรัส “ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย” (ยน.14:7) ในท่ามกลางโลกที่ถูกแต่งเติมและเต็มไปด้วยภาพลวงตานี้ เราสามารถตอบรับความจริงที่ดูดิบและงดงามได้ในวันนี้!

นิสัยและพระวิญญาณบริสุทธิ์

“คุณโตมาจากแถวนี้หรือเปล่าคะ” เป็นเรื่องยากที่จะตอบคำถามทันตาภิบาลของฉันเพราะเครื่องมือทำความสะอาดฟันของเธอยังอยู่ในปาก เธออธิบายว่าในปีค.ศ. 1945 เมืองของเราเป็นเมืองแรกในโลกที่ใส่ฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มสาธารณะด้วยความคิดที่จะป้องกันฟันผุ วิธีปฎิบัตินี้ไม่ต้องใช้อะไรมาก เพียงแค่ฟลูออไรด์ 0.7 มิลลิกรัมต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร ผลลัพธ์เชิงบวกนั้นเป็นที่ประจักษ์ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ฉันไม่เคยรู้เลย ฉันดื่มมันมาทั้งชีวิตแท้ๆ!

สิ่งที่เราบริโภคทุกวันอาจส่งผลกระทบต่อเราในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้นแต่รวมถึงความบันเทิง เพื่อน และข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ อัครทูตเปาโลเตือนว่า “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ” (รม.12:2) ในขณะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำให้สาวกของพระเยซูเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาทั้งชีวิต นิสัยของเราอาจช่วยส่งเสริมหรือขัดขวางงานของพระองค์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะตระหนักถึงสิ่งที่เรากำลังบริโภค แต่เราสามารถทูลขอพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วย “พระปัญญาและความรอบรู้” ให้สำแดงให้เราได้เห็น (11:33) ปัญญาและความเข้าใจช่วยให้เรา “รู้และปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” (12:2) ขณะที่เราพิจารณาตัวเองด้วย “ความถ่อมสุขุม” (ข้อ 3)

สิ่งใดก็ตามที่พระองค์กำลังขอให้เราเพิ่มเข้ามาหรือกำจัดออกจากชีวิตประจำวันของเรานั้นคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย สิ่งสารพัดล้วน “มาจากพระองค์ โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์” (11:36) พระองค์ทรงทราบดีที่สุด

จากพระสิริสู่พระสิริ

วาเลอรี่อาศัยอยู่ในเมืองชายฝั่ง เธอชอบอากาศที่อบอุ่น ชอบถ่ายภาพสัตว์ป่า และชอบแช่ตัวอยู่ในน้ำ เหนือสิ่งอื่นใด เธอชอบดูดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือมหาสมุทร ทุกๆเช้าเธอจะตื่นขึ้นก่อนฟ้าสางเพื่อชมทิวทัศน์ของผืนน้ำ วาเลอรี่คาดการณ์ว่าเธอจะยังได้ชมพระอาทิตย์ลอยขึ้นจากผิวน้ำไม่น้อยกว่าสามร้อยครั้งต่อปีแม้สภาพอากาศหรือการเดินทางจะเต็มไปด้วยเมฆหมอกก็ตาม เธอไม่เคยเบื่อที่จะชมภาพเหล่านั้น ในสายตาของเธอภาพดวงอาทิตย์ขึ้นถือเป็นความรุ่งโรจน์ที่เธอไม่อยากพลาด

ในอพยพ 34 เราอ่านพบเรื่องใบหน้าที่ทอแสงของโมเสส ซึ่งสะท้อนถึงการเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยพระสิริอันทรงสง่าราศีระหว่างท่านกับ “พระเจ้า” (ข้อ 29-35) เปาโลกล่าวว่า ตั้งแต่พระเยซูเสด็จมา มีพันธกิจที่เต็มไปด้วยสง่าราศียิ่งกว่าสิ่งที่โมเสสประสบ (2 คร.3:7-8) เป็นพันธกิจของพระวิญญาณที่นำมาซึ่งความชอบธรรม (ข้อ 8-9) แผนการแห่งความรอดของพระเจ้านั้นมีรัศมีภาพอันถาวรซึ่งเหนือกว่าสิ่งใดๆที่มีมาก่อน (ข้อ 10) และเราเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนั้น เปาโลกล่าวว่า “แต่เราทั้งหลายไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว จึงแลดูพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตัวเราก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 18) พระสิริที่เพิ่มมากขึ้นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีที่เราทำ แต่ขึ้นอยู่กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเป็นเช่นเดียวกับเมฆซึ่งปรากฏในยามที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ที่จะคอยสะท้อนถึงพระราชกิจอันทรงสง่าราศีที่พระองค์ทรงกระทำ ให้ได้มากขึ้นและดียิ่งขึ้นในแต่ละวัน

ยกความดีให้ผู้ที่สมควรได้รับ

แขกหลายร้อยคนมาเต็มห้องจัดเลี้ยงสีทอง เพื่อร่วมฉลองงานครบรอบห้าสิบปีขององค์กรไม่แสวงหากำไรและเชิดชูเกียรติผู้ที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนร่วมมานานหลายทศวรรษ สมาชิกผู้ก่อตั้งคนหนึ่งกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า แม้จะมีอาสาสมัครทำงานนับพันชั่วโมงและมีเงินบริจาคหลายล้านดอลล่าร์ แต่พวกเขาคงไม่ประสบความสำเร็จหากปราศจากพระเจ้า เขาย้ำว่าที่องค์กรเติบโตไม่ใช่เพราะความพยายามของมนุษย์ แม้จะพยายามกันอย่างมากก็ตาม แต่เป็นเพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมเพื่อพวกเขา

ดาเนียลตระหนักถึงความสำคัญของการยกความดีให้พระเจ้า เมื่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีความฝันที่เกี่ยวกับอนาคต พระองค์เรียกนักปราชญ์ทุกคนของบาบิโลนให้มาเล่าและตีความฝันนั้น พวกเขาตกใจและท้วงติงว่าไม่มีใครในโลกสามารถทำสิ่งที่พระราชาสั่งได้ และคงต้องใช้พลังที่เหนือธรรมชาติ (ดนล.2:10-11) ดาเนียลเห็นด้วย “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามสำแดงความลับลึกซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเผยความลึกลับทั้งหลาย” (ข้อ 27-28) ท่านทูลขอให้พระเจ้าทรงเผยความฝันแก่ท่านด้วยความเชื่อ เมื่อคำอธิษฐานของท่านได้รับคำตอบ ดาเนียลถ่อมใจและบอกทันทีว่าการตีความนั้นไม่ได้มาจากสติปัญญาของท่านเอง แต่มาจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ (ข้อ 30, 45)

การฉลองความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ควรถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วย สิ่งที่น่ายกย่องชื่นชมในชีวิตของเรานั้น เมื่อมองย้อนกลับไปล้วนมาจากพระองค์

ไปกับพระเจ้า

ในภาพยนตร์เรื่อง คนอัจฉริยะฝ่าสมรภูมิรบ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง ตัวละครหลักชื่อเกรวิลล์ต้องพบกับการตัดสินใจที่ยากมากในชีวิต เขารู้ว่าเพื่อนสนิทของเขากำลังจะถูกจับและกักขังในคุกที่โหดร้าย เกรวิลล์สามารถเอาตัวรอดจากชะตากรรมนี้ได้ถ้าเขาจะหนีออกนอกประเทศทันทีและทำเป็นไม่รู้จักกับเพื่อนคนนี้ แต่ด้วยความรักและความซื่อสัตย์ต่อเพื่อน เกรวิลล์ปฏิเสธที่จะหนีและยอมถูกจับไปขังโดยต้องทนทุกข์แบบเดียวกับเพื่อนของเขา ต่างคนต่างไม่ทรยศกันและกัน ในตอนจบเกรวิลล์ได้รับการปล่อยตัวในสภาพบอบช้ำ แต่เขาเป็นเพื่อนแท้ที่สัตย์ซื่อ

นาโอมีต้องการเพื่อนแบบนั้นเช่นกัน เมื่อสามีและลูกชายทั้งสองคนตายจากไป นาโอมีต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวและผจญการเดินทางแสนไกลเพื่อกลับบ้านเกิด นาโอมีบอกกับลูกสะใภ้ของเธอให้อยู่ที่โมอับและมีชีวิตใหม่ (นรธ.1:8-9)รูธตอบว่า “ขอแม่อย่าวิงวอนให้ฉันจากแม่หรือเลิกติดตามแม่ไปเลย เพราะแม่จะไปไหนฉันจะไปด้วย” (ข้อ 16) รูธร่วมเดินทางไปต่างแดนกับนาโอมีด้วยใจภักดีและคอยเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขา ความสัตย์ซื่อของรูธเปลี่ยนสภาพครอบครัวที่แตกสลายนี้ให้กลายเป็นมรดกที่มหัศจรรย์ หลายชั่วอายุคนต่อมา เหลนของเธอคือดาวิดได้เป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน

การเผชิญความยากลำบากร่วมกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่หากเรายอมสละความปรารถนาของตัวเราเองและแสวงหาพระกำลังของพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเราให้สามารถรักผู้อื่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยพระกำลังของพระองค์เราจึงเลือกที่จะพูดได้ว่า “พระองค์จะเสด็จไปที่ไหน ข้าพระองค์จะไปด้วย”

พระวจนะที่เราเทิดทูน

พ่อของฉันใช้พระคัมภีร์เล่มโปรดของท่านมานานกว่าสามสิบปีก่อนที่ปกเก่าๆนั้นจะขาดเป็นสองส่วน เมื่อเรานำมันไปหาช่างทำปกหนังสือเพื่อทำการซ่อมแซมโดยมืออาชีพ ช่างซ่อมสงสัยว่าอะไรทำให้หนังสือนี้พิเศษนัก มันไม่ใช่ของเก่าราคาแพง และหน้ากระดาษเต็มไปด้วยบันทึกที่เขียนด้วยลายมือ คำถามของเขาเกี่ยวกับพระคัมภีร์เปิดโอกาสให้ครอบครัวของเราได้แบ่งปันข่าวประเสริฐและอธิษฐานกับเขา

ใช่แล้ว พระคัมภีร์เป็นมากกว่าสมบัติของครอบครัวหรือของตกแต่งสวยงาม บนหน้ากระดาษเหล่านั้นคือ “ถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์” (ยน.6:68) โดยพระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ต่อเราผ่านพระบุตรของพระองค์ ในบทแรกของพระธรรมยอห์นเขียนไว้ว่าพระเยซูคือ “พระวาทะ [ผู้ ]สถิตอยู่กับพระเจ้าและ...ทรงเป็นพระเจ้า” (1:1) พระองค์ “ทรงอยู่ท่ามกลางเรา” (ข้อ 14) พระคัมภีร์ไม่เพียงแต่บันทึกเรื่องราวชีวิตของพระคริสต์ แต่รวมถึงพระราชกิจของพระเจ้าในตลอดทุกยุคสมัย ตั้งแต่การเริ่มสร้างโลกจนถึงการทรงไถ่ในตอนสุดท้าย

ขณะที่พระเยซูอยู่บนโลก พระองค์ตรัสถ้อยคำซึ่ง “เป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต” (6:63) เมื่อพระองค์สอนสิ่งที่ยากและประชาชนไม่พอใจ หลายคน “ท้อถอย ไม่ติดตามพระองค์ต่อไปอีก” (ข้อ 66) แต่สาวกของพระองค์เลือกที่จะอยู่ต่อ พวกเขารู้ว่าไม่มีถ้อยคำอื่นใดอีกแล้วที่จะทำให้อิ่มใจได้ พ่อของฉันรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับพระคัมภีร์ ในตลอดเส้นทางแห่งชีวิตของท่านที่มีทั้งขึ้นและลง พระเจ้าได้ประทานความหวัง ทิศทาง การปลอบโยน และความจริงผ่านพระวจนะของพระองค์

กลายเป็นผู้บริสุทธิ์

หลังจากชมประติมากรรมเซรามิกระดับโลกที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแล้ว ฉันได้รับคำชวนให้ทำ “เครื่องปั้นดินเผาจากการบีบดิน” ด้วยตัวเองจากดินเหนียวแห้ง ฉันใช้เวลาสองชั่วโมงในการขึ้นรูปชามใบเล็กๆ แกะลวดลาย และลงสี ผลงานจากความตั้งใจของฉันออกมาไม่น่าประทับใจ มันเป็นชามใบเล็กที่บิดเบี้ยวสีกระดำกระด่าง มันคงไม่ได้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไหนในเร็วๆนี้แน่

การดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่สูงอาจเป็นเรื่องยาก พวกปุโรหิตชาวอิสราเอลประสบเหตุการณ์เช่นนี้เมื่อพวกเขาพยายามปฏิบัติตนให้บริสุทธิ์ตามธรรมบัญญัติ (ลนต.22:1-8) และคำสอนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถวายเครื่องบูชา (ข้อ 10-33) การงานของพวกปุโรหิตต้องบริสุทธิ์ด้วยการถูกแยกตัวออกมา แต่ถึงแม้พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว พวกเขาก็มักจะล้มเหลว นั่นคือเหตุผลที่ในที่สุดพระเจ้าได้ทรงรับเอาความรับผิดชอบต่อความชอบธรรมของพวกเขาไว้บนบ่าของพระองค์เอง “เรา​คือ​พระ​เจ้า ผู้​ที่ตั้ง​ [ปุโรหิต]ไว้​ให้​บริสุทธิ์” พระองค์ทรงบอกกับโมเสสครั้งแล้วครั้งเล่า (22:9, 16, 32)

พระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิตผู้สมบูรณ์แบบของเรา และพระองค์ผู้เดียวทรงสามารถจัดเตรียมเครื่องบูชาไถ่บาปอันบริสุทธิ์ที่พระเจ้าทรงรับผ่านการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเยซูอธิษฐานว่า “ข้า​พระ​องค์​ชำระ​ตัว​ถวาย​เพราะ​เห็น​แก่ [เหล่าสาวก] เพื่อให้​เขา​รับ​การ​ทรง​ชำระ​แต่งตั้ง​ไว้​โดย​สัจจะ​ด้วย​เช่นกัน” (ยน.17:19) เมื่อเรารู้สึกว่าความพยายามที่จะดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมของเรานั้นเป็นแค่ชามดินปั้นของนักปั้นมือใหม่ เราก็สามารถพักสงบในพระราชกิจอันสมบูรณ์แบบที่พระเยซูทรงทำสำเร็จแล้ว และพึ่งพาฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา