ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Karen Huang

ทรงสัตย์ซื่อเสมอ

ฉันเป็นคนขี้กังวล ตอนเช้ามืดจะเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดเพราะฉันจะอยู่คนเดียวกับความคิดของตัวเอง ดังนั้นฉันจึงแปะข้อความจากฮัดสัน เทย์เลอร์ไว้ที่กระจกในห้องน้ำ ที่ฉันจะมองเห็นได้เมื่อรู้สึกอ่อนแอ ข้อความนั้นคือ “มีพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ พระองค์ได้ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ พระองค์หมายความตามที่ตรัสไว้และพระองค์จะทรงกระทำตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ทุกอย่าง”

คำพูดของเทย์เลอร์มาจากการดำเนินกับพระเจ้าเป็นเวลาหลายปี และเตือนใจเราว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใดและทรงสามารถทำอะไรได้บ้างในเวลาที่เราเจ็บป่วย ยากจน เหงา และเศร้าโศก เขาไม่เพียงแต่รู้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ แต่เขามีประสบการณ์ในความสัตย์ซื่อของพระองค์ และเพราะเขาวางใจในพระสัญญาของพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์ จึงมีชาวจีนหลายพันคนมอบชีวิตแก่พระเยซู

การมีประสบการณ์กับพระเจ้าและวิถีทางของพระองค์ช่วยให้กษัตริย์ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์ได้เขียนสดุดี 145 ซึ่งเป็นบทเพลงสรรเสริญแด่พระเจ้าผู้ที่พระองค์ได้สัมผัสถึงความดี ความเมตตา และความสัตย์ซื่อในพระสัญญาทั้งสิ้นของพระองค์ เมื่อเราวางใจและติดตามพระเจ้า เรารู้ (และเข้าใจดียิ่งขึ้น)ว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ และพระองค์สัตย์ซื่อตามพระวจนะทั้งสิ้นของพระองค์ (ข้อ 13) และเช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิด เราตอบสนองด้วยการสรรเสริญพระองค์และพูดถึงพระองค์ให้ผู้อื่นได้ฟัง (ข้อ 10-12)

เมื่อเราเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความกังวลใจ พระเจ้าสามารถช่วยให้เราไม่หวั่นไหวในการเดินไปกับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ (ฮบ.10:23)

รักนี้เป็นจริง

“ฉันรู้สึกเหมือนพรมที่ฉันยืนอยู่ถูกดึงออกไป” โจจี้บอก “อาการช็อคจากสิ่งที่ได้ค้นพบนั้นเหมือนกับร่างกายถูกระเบิดกระเด็นลอยไป” เธอพบว่าคู่หมั้นของเธอกำลังคบอยู่กับคนอื่น ความสัมพันธ์ครั้งก่อนของโจจี้ก็จบลงคล้ายๆกัน ดังนั้นในเวลาต่อมาเมื่อเธอได้ยินเรื่องความรักของพระเจ้าในการศึกษาพระคัมภีร์ เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่า นี่เป็นกลลวงอีกหรือไม่ ฉันจะเสียใจไหมถ้าฉันเชื่อพระเจ้าในเวลาที่พระองค์ตรัสว่าทรงรักฉัน

เราอาจเคยประสบกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาเหมือนโจจี้ซึ่งทำให้เรารู้สึกหวาดระแวง หรือถึงกับกลัวที่จะไว้ใจคำมั่นสัญญาเรื่องความรักจากคนนั้นคนนี้ กระทั่งอาจรู้สึกทำนองนี้ต่อความรักของพระเจ้า โดยสงสัยว่าเรื่องไม่ดีซ่อนอยู่ตรงไหน แต่ทว่าไม่มีเรื่องไม่ดีใดที่ซ่อนไว้ “พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (รม.5:8) “ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าพระเจ้าทรงพิสูจน์ความรักของพระองค์แล้ว” โจจี้กล่าว “โดยการสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน” เพื่อนของฉันพบว่า เนื่องจากสถานภาพของบาปได้แยกเราออกจากพระเจ้า พระองค์จึงทรงยื่นพระหัตถ์มาหาเราโดยประทานพระเยซูเพื่อสิ้นพระชนม์แทนเรา (รม.5:10; 1ยน.2:2) ด้วยเหตุนี้บาปของเราจึงได้รับการอภัย และเราจึงเฝ้ารอคอยการมีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์ (ยน.3:16)

เมื่อใดก็ตามที่เราสงสัยว่า เราจะวางใจในความรักของพระเจ้าได้จริงหรือ ขอให้ระลึกว่าพระคริสต์ทรงทำอะไรเพื่อเราบนกางเขน เราไว้วางใจในพระสัญญาเรื่องความรักของพระองค์ได้ โดยรู้ว่าพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ

กลับบ้านมาหาพระเจ้า

เย็นวันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังวิ่งออกกำลังอยู่ใกล้กับไซต์ก่อสร้างในละแวกบ้าน ลูกแมวตัวผอมสกปรกร้องเหมียวอย่างเศร้าๆให้ฉัน และตามฉันกลับบ้าน ในวันนี้มิคกี้เป็นแมวโตเต็มวัยที่มีสุขภาพดีหน้าตาหล่อเหลา มีความสุขกับชีวิตอันแสนสบายในบ้านของเราและเป็นที่รักอย่างมากของครอบครัวฉัน ทุกครั้งที่ฉันไปวิ่งบนถนนเส้นนั้นที่ฉันเจอมัน ฉันมักนึกในใจว่า ขอบคุณพระเจ้า มิคกี้ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนแล้ว มันมีบ้านแล้วตอนนี้

สดุดีบทที่ 91 กล่าวถึงคนเหล่านั้นที่ “อาศัยอยู่ ณ ที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด” (ข้อ 1) ได้อยู่ในบ้านของพระเจ้า คำฮีบรูว่า อาศัย ในที่นี้มีความหมายว่า “คงอยู่ อาศัยอยู่ถาวร” เมื่อเราอยู่ในพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยให้เราใช้ชีวิตด้วยสติปัญญาของพระองค์และรักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด (ข้อ 14; ยน.15:10) พระเจ้าทรงสัญญากับเราถึงความสุขของการได้อยู่กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ และสัญญาถึงความมั่นคงปลอดภัยภายใต้การทรงสถิตอยู่ของพระองค์ในท่ามกลางความยากลำบากของโลกนี้ แม้จะมีปัญหาผ่านเข้ามา แต่เราสามารถพักสงบในการครอบครอง ในสติปัญญา ความรัก และพระสัญญาของพระองค์ที่จะปกป้องและช่วยกู้เราได้

เมื่อเราให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของเรา เราก็ได้อาศัยอยู่ “ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” (สดด.91:1) ไม่มีปัญหาใดจะเข้ามาใกล้เราได้นอกจากที่พระปัญญาและความรักของพระองค์จะอนุญาต นี่คือความปลอดภัยเมื่อพระเจ้าทรงเป็นบ้านของเรา

ไม่ขาดทุน

รูเอลเพื่อนของฉันไปร่วมงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนมัธยมที่จัดขึ้นที่บ้านของอดีตเพื่อนร่วมชั้น คฤหาสน์ริมน้ำใกล้กับอ่าวมะนิลาหลังนั้นสามารถรองรับผู้ร่วมงานได้สองร้อยคน และนั่นทำให้รูเอลรู้สึกตัวเล็กลง

“หลายปีมานี้ ผมมีความสุขที่ได้ดูแลคริสตจักรในชนบทห่างไกล” รูเอลบอกกับฉัน “และถึงแม้ผมรู้ว่าไม่ควร แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาความมั่งคั่งทางวัตถุของเพื่อนร่วมชั้น ผมคิดเฉไฉไปว่า ชีวิตจะต่างออกไปอย่างไรถ้าผมใช้ปริญญาของผมเพื่อจะกลายเป็นนักธุรกิจแทน”

“แต่ต่อมาผมก็เตือนตัวเองว่า ไม่มีอะไรที่น่าอิจฉา” รูเอลพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ผมลงทุนชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้า และผลลัพธ์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” ฉันจะจดจำใบหน้าอันสุขสงบของเขาตลอดไปในขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้น

รูเอลดึงสันติสุขมาจากคำอุปมาของพระเยซูในมัทธิว 13:44-46 เขารู้ว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด การแสวงหาและดำเนินชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระองค์อาจมีหลายรูปแบบ สำหรับบางคนอาจหมายถึงพันธกิจเต็มเวลา ขณะที่สำหรับคนอื่นๆอาจหมายถึงการดำเนินชีวิตที่สำแดงข่าวประเสริฐในที่ทำงาน ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเลือกใช้เราอย่างไร เราก็ยังคงวางใจและเชื่อฟังการทรงนำของพระองค์ได้ โดยรู้ดีเหมือนชายคนนั้นในคำอุปมาของพระเยซู คือรู้ถึงคุณค่าของขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันเสื่อมสลายที่เราได้รับ ทุกสิ่งในโลกนี้มีค่าน้อยกว่าทั้งหมดที่เราได้รับในการติดตามพระเจ้า (1 ปต.1:4-5)

ชีวิตของเราเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จะเกิดผลนิรันดร์

เมื่อคุณกลัว

ฉันมีนัดไปตรวจสุขภาพ และถึงแม้จะไม่ได้มีปัญหาสุขภาพในช่วงที่ผ่านมา แต่ฉันก็รู้สึกกลัว ความทรงจำที่เคยตรวจพบโรคที่ไม่คาดฝันเมื่อนานมาแล้วยังคงตามมาหลอกหลอน แม้ฉันจะรู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยและฉันควรวางใจในพระองค์ แต่ฉันยังคงรู้สึกกลัว

ฉันผิดหวังที่ตัวเองกลัวและขาดความเชื่อ ถ้าพระเจ้าอยู่กับฉันตลอดเวลา ทำไมฉันจึงรู้สึกกังวลเช่นนี้ แล้วในเช้าวันหนึ่ง ฉันเชื่อว่าพระองค์ทรงนำฉันให้อ่านเรื่องราวของกิเดโอน

ทูตของพระเจ้าเรียกกิเดโอนว่า “เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญ” (วนฉ.6:12) แต่ตัวท่านเองกลับกลัวที่ได้รับมอบหมายให้ไปโจมตีชาวมีเดียน แม้พระเจ้าสัญญาว่าจะสถิตอยู่ด้วยและประทานชัยชนะให้ แต่กิเดโอนยังขอการยืนยันจากพระองค์อีกหลายครั้ง(ข้อ16-23,36-40) อย่างไรก็ดีพระเจ้าไม่ได้ตำหนิที่กิเดโอนกลัวพระองค์ทรงเข้าใจ ในคืนที่จะเข้าโจมตีคนมีเดียน พระองค์ทรงให้ความมั่นใจอีกครั้งถึงชัยชนะ และสำแดงให้ท่านเห็นหนทางที่จะช่วยบรรเทาความกลัว (7:10-11)

พระเจ้าทรงเข้าใจความกลัวของฉันเช่นกัน การรับรองของพระองค์ทำให้ฉันกล้าที่จะวางใจในพระองค์ ฉันพบกับสันติสุขของพระองค์และตระหนักว่าทรงอยู่กับฉันไม่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร สุดท้ายผลการตรวจร่างกายของฉันออกมาปกติทุกอย่าง

เรามีพระเจ้าที่เข้าใจความกลัวของเราและทรงให้ความมั่นใจเราผ่านพระคัมภีร์และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (สดด.23:4; ยน.14:16-17) ขอให้เรานมัสการพระองค์ด้วยใจขอบพระคุณ เช่นเดียวกับกิเดโอน (วนฉ.7:15)

พระเจ้าทรงชดเชยความเจ็บปวดของเรา

โอลีฟมองเพื่อนขนอุปกรณ์ทันตกรรมของเธอขึ้นรถของเขา เขาเป็นเพื่อนทันตแพทย์ที่ซื้ออุปกรณ์ใหม่เอี่ยมจากเธอ การมีคลินิกของตนเองเป็นความฝันของโอลีฟมาหลายปี แต่เมื่อไคล์ลูกชายของเธอเกิดมาพร้อมภาวะสมองพิการ เธอจึงตระหนักว่าต้องหยุดทำงานเพื่อดูแลเขา

“ถึงจะมีล้านชีวิต ฉันก็จะเลือกเหมือนเดิม” เพื่อนของฉันบอก “แต่การเลิกเป็นทันตแพทย์นั้นยากมาก มันคือจุดจบของความฝัน”

เรามักเผชิญกับความยากลำบากที่เราไม่อาจเข้าใจได้ สำหรับโอลีฟแล้วนี่คือความเจ็บปวดใจจากอาการป่วยอย่างไม่คาดฝันของลูกและการต้องทิ้งความปรารถนาของตน สำหรับนาโอมีนั่นคือความเจ็บปวดใจจากการสูญเสียคนทั้งครอบครัว ในนางรูธ 1:21 นางคร่ำครวญว่า “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ให้ฉันต้องประสบเหตุร้ายเช่นนี้”

แต่เรื่องราวของนาโอมียังมีมากกว่าที่นางเห็น พระเจ้าไม่ได้ทรงทอดทิ้งนาง พระองค์ทรงนำการฟื้นฟูมาทางโอเบดหลานชายของนาง (นรธ.4:17) โอเบดไม่เพียงเป็นผู้สืบเชื้อสายสามีและบุตรชายของนาง แต่เพราะเขา นางจึงได้เป็นญาติกับบรรพบุรุษ (โบอาส) ของพระเยซู (มธ.1:5, 16)

พระเจ้าทรงชดเชยความเจ็บปวดของนาโอมี พระองค์ยังทรงชดเชยความเจ็บปวดของโอลีฟด้วยการช่วยเธอริเริ่มพันธกิจสำหรับเด็กที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท เราอาจต้องเผชิญกับฤดูแห่งความเจ็บปวด แต่เราสามารถวางใจว่าเมื่อเราเชื่อฟังและติดตามพระเจ้า พระองค์จะทรงชดเชยความเจ็บปวดของเรา ด้วยพระปัญญาและความรักของพระองค์นั้น พระองค์ทรงสามารถทำให้เกิดสิ่งดีจากความเจ็บปวดได้

เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ

ในปี 1916 เนลสันเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ในรัฐเวอร์จิเนียบ้านเกิด และต่อมาในปีนั้น เขาและเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานกันได้หกเดือนก็เดินทางมาถึงประเทศจีน ในวัย 22 เขาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลเลิฟแอนด์เมอร์ซี่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในพื้นที่ที่มีชาวจีนอย่างน้อยสองล้านคน เขากับครอบครัวอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 24 ปี ดูแลโรงพยาบาล ผ่าตัดและแบ่งปันข่าวประเสริฐกับคนเป็นพันๆ จากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า “มารร้ายจากต่างแดน” โดยพวกคนที่ไม่ไว้ใจคนต่างชาติ เขาได้กลายเป็นที่รู้จักต่อมาในนาม “เบลล์ผู้เป็นที่รักของคนจีน” และรูธลูกสาวของเขาได้แต่งงานกับบิลลี่ เกรแฮมผู้ประกาศข่าวประเสริฐในเวลาต่อมา

แม้ว่าเนลสันเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งกาจและเป็นครูสอนพระคัมภีร์ แต่ไม่ใช่เพราะทักษะของเขาที่ดึงดูดคนจำนวนมากมาหาพระเยซู หากแต่เป็นอุปนิสัยและรูปแบบการดำเนินชีวิตตามข่าวประเสริฐนั้น ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงทิตัสซึ่งเป็นคนต่างชาติและผู้นำวัยหนุ่มที่ดูแลคริสตจักรในเกาะครีต อัครทูตกล่าวว่าการดำเนินชีวิตเหมือนพระคริสต์เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้ข่าวประเสริฐนั้น “น่าเลื่อมใส” (ทต.2:10 TNCV) กระนั้นเราไม่ได้ทำสิ่งนี้ด้วยกำลังของเราเอง พระคุณของพระเจ้าช่วยให้เราดำเนินชีวิตที่ “รู้จักควบคุมตัวเอง เป็นคนยุติธรรมและอยู่ในทางพระเจ้า” (ข้อ 12) ซึ่งสะท้อนความจริงแห่งความเชื่อของเรา (ข้อ 1)

ผู้คนมากมายรอบตัวเรายังไม่รู้จักข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แต่พวกเขารู้จักเรา ขอพระองค์ทรงช่วยเราให้สะท้อนและสำแดงถึงข่าวสารของพระองค์ด้วยวิธีที่น่าเลื่อมใสในทุกๆทาง

พระองค์จะยังรักฉันไหม

ในที่สุดลินลินวัยสิบขวบก็ได้รับการอุปการะ แต่เธอรู้สึกกลัว ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเติบโตมานั้น เธอโดนทำโทษแม้ทำผิดเล็กน้อย ลินลินถามแม่เลี้ยงของเธอซึ่งเป็นเพื่อนของฉันว่า “แม่คะ แม่รักหนูไหมคะ” เมื่อเพื่อนฉันตอบว่า รักสิ ลินลินถามอีกว่า “ถ้าหนูทำผิด แม่จะยังรักหนูไหมคะ”

แม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่พวกเราบางคนอาจถามคำถามเดียวกันเมื่อเรารู้สึกว่าเราทำให้พระเจ้าผิดหวัง “พระองค์จะยังรักฉันอยู่ไหม” เรารู้ว่าตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราจะยังล้มเหลวและทำบาปเป็นครั้งคราว และเราสงสัยว่า ความผิดพลาดของฉันส่งผลต่อความรักของพระเจ้าที่มีต่อฉันหรือเปล่า

ยอห์น 3:16 ยืนยันกับเราถึงความรักของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูเพื่อสิ้นพระชนม์แทนเรา เพื่อที่เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์เมื่อเราเชื่อวางใจในพระองค์ แต่ถ้าเราทำให้พระองค์ผิดหวังแม้เราจะเชื่อในพระองค์แล้วล่ะ นั่นเป็นเวลาที่เราต้องจำไว้ว่า “พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” แม้ในขณะที่เรายังเป็นคนบาป (รม.5:8) ถ้าพระองค์ทรงรักเราในเวลาที่เราแย่ที่สุด เราจะสงสัยในความรักของพระองค์ในวันนี้ที่เราเป็นบุตรของพระองค์ได้อย่างไร

เมื่อเราทำบาป พระบิดาทรงแก้ไขและฝึกวินัยเราด้วยความรัก นั่นไม่ใช่การปฏิเสธเรา (8:1) แต่คือความรัก (ฮบ.12:6) จงใช้ชีวิตอย่างบุตรที่รักของพระเจ้า พักสงบในพระพรแห่งความมั่นใจว่าความรักของพระองค์ที่มีต่อเรานั้นมั่นคงและยั่งยืนนิรันดร์

วางใจในพระนามของพระองค์

ตอนเป็นเด็กมีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันกลัวการไปโรงเรียน พวกเด็กผู้หญิงบางคนรังแกฉันโดยกลั่นแกล้งอย่างโหดร้าย ดังนั้นในช่วงพักฉันจะไปหลบภัยในห้องสมุดซึ่งเป็นที่ที่ฉันได้อ่านหนังสือเรื่องราวของคริสเตียนหลายเล่ม ฉันจำครั้งแรกที่อ่านพระนาม “พระเยซู” ได้ อย่างไรก็ตามฉันได้รู้ว่านี่คือชื่อของคนผู้หนึ่งที่รักฉัน หลายเดือนต่อมา เมื่อใดก็ตามที่ฉันมาโรงเรียนโดยรู้สึกกลัวการทรมานที่รออยู่ตรงหน้า ฉันจะอธิษฐาน “พระเยซู ขอทรงปกป้องฉัน” ฉันรู้สึกเข้มแข็งและสงบมากขึ้นเพราะรู้ว่าพระองค์ทรงเฝ้ามองฉันอยู่ ต่อมาเด็กหญิงพวกนั้นก็เบื่อที่จะรังแกฉันและเลิกไป

หลายปีผ่านไปและการวางใจในพระนามของพระองค์ยังคงช่วยค้ำจุนฉันในยามยากลำบาก การวางใจในพระนามของพระองค์คือการเชื่อว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสเกี่ยวกับพระลักษณะของพระองค์นั้นเป็นความจริง ซึ่งทำให้ฉันได้พักสงบในพระองค์

ดาวิดเองก็รู้ดีถึงความมั่นคงปลอดภัยในการวางใจในพระนามพระเจ้า เมื่อท่านเขียนสดุดีบทที่ 9 ท่านมีประสบการณ์กับพระเจ้าแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุด ทรงเที่ยงธรรมและสัตย์ซื่อ (ข้อ 7-8, 10, 16) ดาวิดจึงได้แสดงความวางใจในพระนามของพระเจ้าด้วยการเข้าสู้รบกับศัตรูโดยไม่ได้วางใจในอาวุธหรือทักษะทางทหาร แต่วางใจในพระเจ้าผู้ทรงปกป้องท่านเหนืออื่นใดในฐานะที่ทรงเป็น “ที่กำบังเข้มแข็งของคนที่ถูกกดขี่” (ข้อ 9)

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ฉันร้องออกพระนามพระองค์และได้พบว่าพระองค์ทรงเป็นตามพระนามนั้น ขอให้เราวางใจในพระนามของพระเยซูเสมอ ซึ่งเป็นพระนามของผู้ที่รักเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา