ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Karen Huang

พระเยซูทรงทำอะไรเพื่อเรา

แอนเดรสเจ้าของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ มอบทริปท่องเที่ยวรีสอร์ทริมชายหาดหนึ่งวันให้กับพนักงานที่มียอดขายดีเด่น แอนเดรสยังพาจิมมี่ลูกชายวัยเจ็ดขวบไปด้วย ก่อนออกเดินทางเขาจับมือพ่ออย่างตื่นเต้น ขณะที่ทุกคนขึ้นรถตู้ “หนูจะไปกับเราด้วยหรือ หนูทำยอดขายได้เท่าไหร่ล่ะ” พนักงานคนหนึ่งแกล้งถามจิมมี่ “ไม่ได้เลย!” เขาตอบพลางชี้ไปที่พ่อของเขา “พ่อให้ผมไปด้วย!”

จิมมี่ไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อจะมีสิทธิ์เข้าร่วมทริปนี้ เพราะพ่อของเขาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราเองก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งการกระทำดีเพื่อจะไปสวรรค์ เราได้รับสิทธิ์เข้าสวรรค์เพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์เพื่อเรา “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย” (รม.6:23) และพระโลหิตของพระเยซูก็คือ “ค่าไถ่” ที่ปลดปล่อยเราจากการเป็นหนี้พระองค์ “ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาป” (อฟ.1:7) พระองค์ทรงเปิดหนทางให้กับใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์ที่ “จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยน.3:16) พระราชกิจของพระคริสต์และความไว้วางใจที่เรามีต่อพระราชกิจนั้น ทำให้เราได้อยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์

เมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราก็ได้เป็นบุตรของพระเจ้านับเป็น “พระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เรา” (อฟ.1:6) เช่นเดียวกับจิมมี่ เราสามารถมองดูพระบิดาบนสวรรค์และพูดอย่างมั่นใจว่า “พระองค์ทรงให้ฉันไปด้วย!”

ดำเนินในความสว่างของพระคริสต์

เมื่อตอนที่หลานสาวสองคนของฉันยังเด็ก พวกเขาจะคะยั้นคะยอชวนฉันเล่นเกมหลังอาหารเย็น พวกเขาจะปิดไฟทั้งหมดในบ้าน แล้วเราจะเดินสวนกันไปมาในความมืด คว้าตัวกันไว้แล้วก็หัวเราะ พวกเขาสนุกกับการทำให้ตัวเองกลัวด้วยการเลือกที่จะเดินในความมืด โดยที่รู้ว่าพวกเขาสามารถเปิดไฟได้ทุกเมื่อ

ในจดหมายถึงผู้เชื่อพระเยซูในยุคแรก อัครสาวกยอห์นพูดถึงการเลือกเดินในความมืดอีกแบบหนึ่ง 1 ยอห์น 1:6 เอ่ยถึงบาปว่าเป็น “ความมืด” การดำเนินในความมืดไม่ใช่การพลั้งเผลอชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นการเลือกที่จะอยู่ในความผิดต่อไปเรื่อยๆ ยอห์นเตือนเราว่าพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ของเรา “ทรงเป็นความสว่าง” และ “ความ​มืด​ใน​พระ​องค์​ไม่​มี​เลย​” (ข้อ 5) ดังนั้นเมื่อเราอ้างว่ามีความสัมพันธ์กับพระองค์แต่ยังคงตั้งใจทำบาปต่อไป “เรา​ก็​พูด​มุสา และ​ไม่ได้​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​ความ​จริง​” (ข้อ 6) พระเยซูผู้ทรงเป็นความสว่างของโลกเสด็จมาเพื่อที่ “ผู้​ที่​ตาม[พระองค์]มา​จะ​ไม่​เดิน​ใน​ความ​มืด แต่​จะ​มี​ความ​สว่าง​แห่ง​ชีวิต” (ยน.8:12)

โดยพระคุณของพระเจ้า หลังจากที่เราหลงไปในความมืดฝ่ายวิญญาณและกลับใจมาหาพระองค์แล้ว เราจะสามารถดำเนินในความสว่างของพระองค์ได้อีกครั้ง คือในเส้นทางและน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์จะ “ทรง​โปรด​ยก​บาป​ของ​เรา และ​จะ​ทรง​ชำระ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทั้งสิ้น​” (1 ยน.1:9) เมื่อเราดำเนินชีวิตในการเชื่อฟังพระเจ้าเท่านั้น เราจึงได้ชื่นชมในพระพรแห่งการ​ร่วม​สามัคคี​ธรรม​กับพระองค์และผู้เชื่อคนอื่นๆอย่างเต็มเปี่ยม (ข้อ 7)

เรื่องบังเอิญและการดูแลของพระเจ้า

ละแวกบ้านของดันเต้ในกรุงมะนิลามีแนวโน้มที่จะเกิดน้ำท่วม ในวันฝนตกเด็กชายตัวน้อยไปโรงเรียนโดยข้ามสะพานไม้ชั่วคราวที่เพื่อนบ้านทำเอาไว้ “มิสเตอร์โทมัสช่วยให้คนในชุมชนไปไหนมาไหนได้” ดันเต้เล่า “เขาเดินนำผมบนสะพาน และช่วยบังฝนให้”

หลายปีต่อมา ดันเต้ไปร่วมกับคริสตจักรแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ลีโอผู้นำชั้นเรียนพระคัมภีร์เป็นพี่เลี้ยงของเขา ในการพูดคุยกันถึงวัยเด็กของพวกเขา ดันเต้พบว่าลีโอเป็นลูกชายของมิสเตอร์โทมัส! “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ดันเต้กล่าว “พระเจ้าทรงใช้ลูกชายของชายผู้เป็นพระพรให้ผม เพื่อมาช่วยผมเรื่องความเชื่อ”

หญิงคนหนึ่งจากเมืองชูเนมก็ได้พบกับการจัดเตรียมของพระเจ้าเช่นกัน เธอทำตามคำแนะนำของผู้เผยพระวจนะเอลีชาด้วยความเชื่อ โดยออกจากบ้านเพื่อหนีการกันดารอาหาร (2 พกษ.8:1-2) การทำเช่นนั้น ทำให้เธอสูญเสียสิทธิ์ในบ้านและที่ดินของเธอ ขณะที่เธอกำลังไปร้องอุทธรณ์ต่อพระราชาในเรื่องนี้ พระราชาก็กำลังตรัสถามเกหะซีคนใช้ของเอลีชาเกี่ยวกับตัวเธอพอดี

หลายปีก่อน เกหะซีได้เห็นบุตรชายของหญิงคนนี้กลับฟื้นคืนชีวิต และเกหะซีทูลว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท นี่เป็นนางคนนั้น และคนนี้แหละเป็นบุตรของนาง ซึ่งเอลีชาได้ให้กลับคืนชีวิตมา” (ข้อ 5) จากนั้นพระราชาจึง “ทรงตั้งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งให้แก่นาง” (ข้อ 6) และให้จัดการคืนทุกสิ่งที่เป็นของนาง

เราไว้วางใจในพระเจ้าและในการดูแลของพระองค์ได้เสมอ แม้ในยามที่สิ่งต่างๆ อาจไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้

พระกำลังของพระเจ้า

การเสียชีวิตของสามีเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านในชีวิตของนอร่า เธอเข้ามาควบคุมธุรกิจฮาร์ดแวร์ของเขาและดูแลลูกสามคนด้วยตนเอง “เข้มแข็งไว้” เพื่อนมักบอกกับเธอ แต่นั่นหมายความว่าอะไร เธอเข้าใจว่า นั่นคือฉันต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จโดยไม่ผิดพลาดหรือ

พระเจ้าทรงมอบความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่แก่โอทนีเอลในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของชนชาติอิสราเอล เพื่อเป็นการตีสอนชนชาตินี้ที่บูชารูปเคารพ พระเจ้าจึงทรงมอบพวกเขา “ไว้ในมือคูชันริชาธาอิม...และคนอิสราเอลได้ปฏิบัติคูชันริชาธาอิมแปดปี” (วนฉ.3:8) ภายใต้กษัตริย์เมโสโปเตเมียผู้โหดร้ายนี้ คนอิสราเอล “ร้องทูลพระเจ้า” และ “พระเจ้าทรงให้เกิดผู้ช่วย” (ข้อ 9) ชื่อโอทนีเอล ซึ่งแปลว่า “พระกำลังของพระเจ้า”

ในฐานะผู้วินิจฉัยคนแรกของอิสราเอล โอทนีเอลไม่มีผู้อยู่ในตำแหน่งคนก่อนหน้าที่จะช่วยท่าน ผู้นำไพร่พลคนนี้ต้องนำคนอิสราเอลให้กลับมาดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาของพวกเขากับพระเจ้าและปกป้องพวกเขาจากศัตรู แต่เพราะ “พระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตกับโอทนีเอล” (ข้อ 10) ท่านจึงทำสำเร็จ ด้วยพระกำลังของพระเจ้าที่ค้ำจุนความเป็นผู้นำของโอทนีเอล “แผ่นดินจึงได้หยุดพักสงบอยู่สี่สิบปี แล้ว[เขา]ก็สิ้นชีวิต” (ข้อ 11)

เราจะ “เข้มแข็ง” อย่างแท้จริงได้อย่างไร ก็โดยการที่รู้ว่าเราอ่อนกำลังและด้วยการที่เราไว้วางใจพระเจ้าที่จะประทานกำลังของพระองค์แก่เรา “การที่มีคุณของ[พระองค์]ก็พอแก่ [เรา]แล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหนเดชของ[พระองค์]ก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” (2 คร.12:9) พระกำลังของพระเจ้าทรงกระทำกิจผ่านเรา เพื่อช่วยเราให้ทำในสิ่งที่พระองค์เท่านั้นจะทำได้

พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์มาหาคุณ

เล็ตตี้เป็นพนักงานทำความสะอาดในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเดินเร็วที่เร็วมาก การเดินเร็วๆทำให้เธอหลบเลี่ยงจากผู้คนได้อย่างง่ายดาย เธอมีปมเรื่องความยากจนและเคยชินกับการถูกดูถูก เธอจึงเดินผ่านผู้คนโดยใช้มือข้างหนึ่งบังหน้าตัวเองไว้ เธอเล่าว่าเธออับอายมากที่ไม่สามารถเป็น “เหมือนคนทั่วไป สวย และมีการศึกษา” ได้ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งในที่ทำงานแสดงความเป็นมิตรกับเธอ เล็ตตี้ก็เริ่มดีขึ้น

ชายโรคเรื้อนคนหนึ่งใช้ชีวิตด้วยความอับอายที่อาจจะฝังลึกยิ่งกว่าเล็ตตี้เสียอีก โรคนี้ทำให้เขาเป็นที่รังเกียจและเป็นมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งแยกเขาออกจากสังคมของผู้คน บาดแผลของเขาไม่ได้เป็นเพียงบาดแผลทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นบาดแผลทางจิตใจและจิตวิญญาณอีกด้วย ด้วยบาดแผลนี้ชายโรคเรื้อนจึงเข้ามาหาพระเยซูและทูลวิงวอนว่า “เพียงแต่​พระ​องค์​จะ​โปรด ​ก็​จะ​ทรง​บันดาล​ให้​ข้า​พระ​องค์​หาย​โรค​ได้” (มก.1:40) เขากำลังพูดว่า โปรดรักษาข้าพระองค์ด้วยเถิด และโปรดขจัดความอับอายไปจากข้าพระองค์ด้วย

พระเยซูไม่ได้แสดงความรังเกียจแต่ทรงตอบเขาด้วยพระกรุณา พระองค์ตรัสว่า “เรา​พอใจ​แล้ว จง​หาย​เถิด” ขณะที่ทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องชายคนนั้น (ข้อ 41) เช่นเดียวกับมิตรภาพที่เพื่อนร่วมงานมอบให้เล็ตตี้ ท่าทีของพระเยซูคือการแสดงความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ทั้งสิ้นของชายคนนั้น และแสดงถึงการยอมรับในตัวเขาอย่างที่เขาเป็น

เราอาจใช้ชีวิตโดยการซ่อนบางสิ่งที่แยกเราออกจากการเป็น “คนธรรมดา สวยงาม มีการศึกษา” ขอให้เรายอมให้พระเยซูทรงแตะต้องและไถ่ถอนสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เราอับอาย ขอให้เรารู้ว่าในฐานะลูกของพระองค์ เราได้รับการยอมรับและเป็นที่รัก

จัดที่ว่างสำหรับคนอื่น

ทุกปีครอบครัวของฉันจะออกแบบปฏิทินติดผนังตามแบบของเราเอง แต่ในช่วงหลังๆปฏิทินเริ่มจะแน่นขึ้น เราตกแต่งปฏิทินแต่ละเดือนด้วยรูปถ่ายที่เราชอบจากปีก่อนหน้าและเน้นวันที่สำคัญๆ เมื่อครอบครัวของเรามีคู่แต่งงานใหม่และมีเด็กเกิดใหม่ เราจึงต้องวางรูปถ่ายเบียดกันมากขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้มีรูปอยู่บนปฏิทิน ตอนนี้เรามีคนที่เกิดวันเดียวกันถึงสองวัน และวันหยุดบางวันก็ถูกปิดทับด้วยวันครบรอบต่างๆ แต่แทนที่สิ่งนั้นจะทำให้ปฏิทินลดคุณค่าลง สมาชิกใหม่ทุกคนกลับทำให้ปฏิทินมีค่ามากขึ้นสำหรับฉัน

ในอาณาจักรของพระเจ้า การมีคนใหม่มาเข้าร่วมถือเป็นเรื่องที่ดีเสมอ พระคัมภีร์บอกเราว่า “พระ​เจ้า​ทรง​ให้​ผู้ว้าเหว่เดียวดายเข้าอยู่ในครอบครัว” (สดด.68:6 TNCV) ความรักและการปกป้องของพระองค์ถูกถ่ายทอดในบริบทของครอบครัว เพราะพระองค์เป็น “พระบิดาของคนกำพร้า” และ “ผู้​ป้องกัน​หญิง​ม่าย” (ข้อ 5) พระทัยของพระองค์คือการต้อนรับผู้โดดเดี่ยว ผู้อับอาย หรือผู้ถูกปรักปรำ ดังนั้นพระองค์จึง “ทรงนำผู้ถูกจองจำออกมาด้วยการร้องเพลง” (ข้อ 6)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราได้รับฐานะบุตรในครอบครัวของพระเจ้า (กท. 4:5) และเราได้รับพระบัญชาให้ส่งต่อคำเชื้อเชิญที่เปิดกว้างนี้แก่ผู้อื่น (2 คร. 5:20) เช่นเดียวกับปฏิทินครอบครัวของฉัน ยิ่งมีคนรับคำเชิญเข้าร่วมเป็นครอบครัวของพระเจ้ามากเท่าไร ปฏิทินก็จะยิ่งสวยงามมากขึ้นเท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องกังวลว่าทรัพยากรที่จำกัดจะหมดลง เพราะจะมีที่ว่างเพียงพอสำหรับทุกคน และพระเจ้าทรงยินดีที่มีสมาชิกใหม่เข้ามา

ความกลัวโดยไม่มีสาเหตุ

“ผมรักคุณ ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไป” จูเลียบันทึกข้อความของสามีเอาไว้เพื่ออ่านในเวลาที่เธอรู้สึกกลัว ช่วงวัยเด็กที่มีปัญหาทำให้เธออยู่กับความกลัวว่าคนที่เธอรักจะทอดทิ้งไป เธอมักจะขอคำยืนยันจากสามีและรอสามีกลับมาจากที่ทำงานด้วยความกังวลใจ

การอธิษฐานและได้รับคำปรึกษาช่วยให้จูเลียตอบสนองต่อความกลัวที่มีในทางที่ดีขึ้น “ฉันจะมองความกลัวนั้นภายใต้คำสัญญาที่เปี่ยมด้วยความรักของสามี” เธอบอก“ฉันจะคิดว่าคำสัญญานั้นเป็นความจริง! และจะปฏิบัติตัวตามนั้น”

กษัตริย์เยโรโบอัมก็มีความกลัวอย่างไม่มีสาเหตุเช่นกัน เนื่องจากซาโลมอนละทิ้งความเชื่อ พระเจ้าจึงสัญญากับเยโรโบอัมไว้ว่า “เราจะเอาอาณาจักรออกจากมือบุตรชายของเขา และจะมอบให้เจ้าสิบเผ่า” (1 พกษ.11:35) พระเจ้าทรงยืนยันว่าหากเยโรโบอัมเชื่อฟัง พระองค์จะ “มอบอิสราเอลให้” (ข้อ 38)

แต่เยโรโบอัมก็ยังกลัวว่า “ถ้าชนชาติเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม...จิตใจของชนชาติเหล่านี้จะ...หันไปยังเรโหโบอัมพระราชาแห่งยูดาห์” (1 พกษ.12:27) ความกลัวนี้เป็นเหตุให้พระองค์สร้างสถานนมัสการรูปเคารพในพื้นที่ใกล้ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ราษฎรของพระองค์ไปหาโอรสของซาโลมอน (ข้อ 26-33) ส่งผลให้เยโรโบอัมเผชิญการพิพากษาจากพระเจ้า (14:7-16) พระองค์ควรจะไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้า!

เราไม่จำเป็นต้องจัดการกับความกลัวที่ไม่มีสาเหตุนี้โดยลำพัง พระเจ้าได้ประทานพระสัญญาที่จะปกป้องเราไว้แล้วในพระวจนะของพระองค์ จงยอมให้ความจริงที่เปี่ยมด้วยความรักของพระองค์ส่องสว่างในความคิดและการก้าวเดินของเรา

ได้รับการค้ำจุนโดยพระเจ้า

ฉันและครอบครัวพาพ่อกลับจากโรงพยาบาลมาบ้าน ท่านเป็นโรคเกี่ยวกับภาวะความเสื่อมของร่างกาย และตอนนี้เรากำลังปรับตัวกับการดูแลท่านตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากจู่ๆพ่อกลายมาเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องให้อาหารทางสายยาง ฉันยังต้องวางแผนเรื่องการรักษากระเพาะอาหารของแม่ และจัดการกับลูกค้าที่เรียกร้องมากในที่ทำงาน ด้วยความรู้สึกท่วมท้น วันหนึ่งฉันจึงใช้เวลาส่วนตัวในห้องน้ำและร้องต่อพระเจ้า พระบิดา โปรดช่วยลูกด้วย โปรดประทานกำลังให้กับลูกที่จะผ่านวันข้างหน้าไปได้

ดาวิดก็รู้สึกท่วมท้นไปด้วยปัญหาเช่นกัน (สดด.55:2-5) เมื่อถูกอับซาโลม โอรสโจมตี ถูกเพื่อนสนิทหักหลัง และไม่มีทางออกในสถานการณ์ความรุนแรงที่ตามมาที่เยรูซาเล็ม ดาวิดกล่าวว่า “ความกลัวและความสะทกสะท้านมาเหนือข้าพระองค์” (ข้อ 5)

แต่ดาวิดเลือกที่จะวางใจในพระเจ้า (ข้อ 23) ท่านเชื่อว่า “[พระเจ้า]จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย” (ข้อ 22) เวลาหลายปีที่เชื่อวางใจในองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้สอนดาวิดว่าแม้ปัญหาจะทำให้เราหวั่นไหว คนเหล่านั้นที่วางความเชื่อไว้ในพระเจ้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้และสิ้นหวังไปตลอด “เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาว เพราะว่าพระหัตถ์พระเจ้าพยุงเขาไว้” (37:24) ดาวิดรู้ ว่าพระเจ้าจะสนับสนุนท่านด้วยพระกำลังและสติปัญญาของพระองค์ “ฝ่ายข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเจ้า และพระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด” (55:16)

สิบสี่ปีต่อมาเรายังคงดูแลพ่ออยู่ที่บ้าน ระยะเวลาหลายปีมานี้สอนฉันว่า เมื่อเราวางภาระไว้กับพระองค์ พระองค์จะทรงค้ำจุนเรา (ข้อ 22) พระเจ้าทรงแบกภาระของเราและพระองค์ทรงอุ้มชูเราไว้ด้วย

พระคริสต์สำคัญที่สุด

“ขอเรียนเชิญให้คุณมาเป็นวิทยากรหลักในงานประชุมผู้นำคริสตจักรทั่วประเทศ” หลังอ่านคำเชิญจากองค์กรที่มีชื่อเสียง โจเซ่ตอบว่า “ขอผมอธิษฐานดูก่อน” ต่อมาเขาบอกกับเพื่อนเมื่อปฏิเสธคำเชิญไปว่า “ผมรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ผมทำงานบรรณาธิการในโครงการพันธกิจ การเป็นวิทยากรจะดึงเวลาและพลังงานไปจากงานนั้น ผมจึงปฏิเสธเพื่อจะสามารถทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ผมทำ”

สิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ผมทำ คือสิ่งที่โจเซ่ให้ความสำคัญอันดับแรกและเป็นสิ่งที่กำหนดการตัดสินใจของเขา พระเยซูก็ทรงให้พระประสงค์ของพระเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรักษาคนเจ็บป่วยและคนที่มีผีสิงเป็นอันมากในเมืองคาเปอรนาอุม พระเยซูเสด็จไปที่เปลี่ยวเพื่ออธิษฐาน (มก.1:32-35) พวกสาวกมาทูลว่า “คนทั้งปวงแสวงหาพระองค์” (ข้อ 37) บางคนที่ตามหาพระองค์อาจมาขอให้รักษาโรค แต่พระคริสต์ไม่ยอมให้ความเร่งด่วนหรือการเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วมากำหนดสิ่งที่พระองค์จะทำต่อไป “ให้เราทั้งหลายไปในตำบลบ้านใกล้เคียง” พระองค์ตรัส “เพื่อเราจะได้ประกาศที่นั่นด้วย ที่เรามาก็เพื่อการนั้นเอง” (ข้อ 38) พระเยซูทรงทำตามลำดับความสำคัญของพระองค์ คือทำพระราชกิจในแถบที่เหลือของแคว้นกาลิลี รวมถึงการประกาศด้วย (ข้อ 39)

เราจะทราบพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อเราได้อย่างไร เราสามารถเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการอธิษฐาน ให้พระปัญญาของพระองค์ในพระคัมภีร์นำเรา และขอคำปรึกษาจากผู้ที่ยึดมั่นในทางของพระองค์ ขอให้เราใช้ชีวิตในการทำสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา