ฉันควรพูดอะไร
เมื่อฉันหยุดเลือกดูหนังสือจากกล่องที่รวมหนังสือของ “ซี.เอส.ลูอิส” ในร้านหนังสือมือสอง เจ้าของร้านปรากฏตัวขึ้น ขณะที่เราคุยกันถึงหนังสือที่มี ฉันนึกสงสัยว่าเขาอาจสนใจเกี่ยวกับความเชื่อที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนของลูอิส ฉันอธิษฐานขอการทรงนำอย่างเงียบๆ ฉันนึกขึ้นได้ถึงข้อมูลจากประวัติส่วนตัวของซี.เอส.ลูอิส แล้วเราก็เริ่มคุยกันถึงคุณลักษณะของเขาที่ชี้ไปถึงพระเจ้า สุดท้ายฉันขอบคุณพระเจ้าที่คำอธิษฐานสั้นๆนั้นนำบทสนทนาของเราสู่เรื่องจิตวิญญาณ
เนหะมีย์หยุดเพื่ออธิษฐานก่อนช่วงเวลาสำคัญในการสนทนากับกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย กษัตริย์ตรัสถามว่าจะช่วยเนหะมีย์ผู้โศกเศร้าต่อการที่เยรูซาเล็มถูกทำลายได้อย่างไร เนหะมีย์เป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์จึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะร้องขออะไร แต่ท่านต้องการสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องการฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็มจึง “อธิษฐานต่อพระเจ้าของฟ้าสวรรค์” ก่อนจะขอลางานเพื่อไปบูรณะเมือง (นหม.2:4-5) กษัตริย์ทรงอนุญาตและยังทรงช่วยเรื่องการเดินทางของเนหะมีย์และจัดหาไม้สำหรับงานนี้ด้วย
พระคัมภีร์หนุนใจให้เราอธิษฐาน “ทุกโอกาสด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกรูปแบบ” (อฟ.6:18 TNCV) ซึ่งรวมถึงเวลาที่เราต้องการความกล้าหาญ การควบคุมตนเองหรือความเห็นอกเห็นใจ การอธิษฐานก่อนพูดช่วยเราที่จะยอมให้พระเจ้าทรงควบคุมทัศนคติและคำพูดของเรา
พระเจ้าทรงนำคุณในการพูดอย่างไรในวันนี้ ลองถามพระองค์ดูสิ!
ครูผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด
“หนูไม่เข้าใจ!” ลูกสาวฉันกระแทกดินสอลงบนโต๊ะ เธอกำลังแก้โจทย์คณิตศาสตร์อยู่ และฉันก็เพิ่งจะเริ่ม “งาน” โดยการเป็นทั้งครูและแม่ที่สอนโฮมสคูล เรากำลังมีปัญหา เพราะฉันจำเรื่องการเปลี่ยนทศนิยมเป็นเศษส่วนที่เรียนไปเมื่อ 35 ปีที่แล้วไม่ได้ ฉันไม่สามารถสอนลูกในสิ่งที่ฉันไม่รู้ เราจึงดูการอธิบายวิธีการจากครูที่สอนออนไลน์
ในความเป็นมนุษย์นั้นมีหลายครั้งที่เราต่อสู้กับสิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ แต่สำหรับพระเจ้าไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง ทรงเป็นองค์สัพพัญญู อิสยาห์กล่าวว่า “ผู้ใด...เป็นที่ปรึกษาของพระองค์ให้คำแนะนำแก่พระองค์ พระองค์ทรงปรึกษาผู้ใดเพื่อพระองค์จะทรงรู้แจ้ง และผู้ใดสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์ และสอนความรู้แก่พระองค์ และสำแดงให้พระองค์เห็นทางแห่งความเข้าใจ” (อสย.40:13-14) คำตอบคือ ไม่มีใคร!
มนุษย์มีสติปัญญาเพราะพระเจ้าสร้างเรามาตามพระฉายของพระองค์ แต่สติปัญญาของเราเทียบไม่ได้เลยกับของพระองค์ ความรู้ของเรานั้นจำกัด แต่พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งจากอดีตกาลนิรันดร์จนถึงอนาคตนิรันดร์ (สดด.147:5) ความรู้ของเราทุกวันนี้เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วย กระนั้นเรายังทำผิดพลาด แต่พระเยซูทรงรู้ทุกสิ่งแบบ “ทันที ในเวลาเดียวกัน ละเอียดถี่ถ้วน และแท้จริง” ตามที่นักศาสนศาสตร์คนหนึ่งพูดไว้
ไม่ว่ามนุษย์จะก้าวหน้าด้านความรู้ไปมากแค่ไหน เราก็ไม่มีทางเหนือกว่าสถานะการรู้ทุกสิ่งของพระคริสต์ เรายังต้องให้พระองค์อวยพรความเข้าใจของเราอยู่เสมอและสอนเราว่าอะไรดีและอะไรคือความจริง
การเรียนรู้อย่างชื่นบาน
ในเมืองไมซอร์ประเทศอินเดีย มีการนำเอาตู้รถไฟเก่ามาต่อกันและสร้างเป็นโรงเรียน กลุ่มครูท้องถิ่นร่วมกับบริษัทเซาท์เวสเทิร์นเรลเวย์ ซื้อตู้โดยสารรถไฟเก่ามาปรับปรุง ตู้พวกนั้นเป็นกล่องเหล็กขนาดใหญ่ที่ใช้การไม่ได้จนกระทั่งมีการติดตั้งบันได พัดลม ไฟ และโต๊ะ คนงานทาสีและวาดภาพสดใสลงบนผนังทั้งภายในและภายนอก ตอนนี้มีนักเรียนหกสิบคนเรียนหนังสือที่นั่นเพราะการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อเราทำตามคำสอนของเปาโลว่า “จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่” (รม.12:2) เมื่อเรายอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์แยกเราออกจากโลกและวิถีของโลก ความคิดและท่าทีของเราจะเริ่มเปลี่ยน เราจะรักมากขึ้นและมีความหวังมากขึ้น และเปี่ยมด้วยสันติสุขภายใน (8:6)
มีสิ่งอื่นเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน แม้กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และมักจะมีการหยุดและเริ่มออกตัวบ่อยกว่าการนั่งรถไฟ แต่มันจะช่วยให้เราเข้าใจว่าพระเจ้าทรงต้องการอะไรสำหรับชีวิตของเรา ซึ่งจะพาไปถึงจุดที่เรา “ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า” (12:2) การเรียนรู้น้ำพระทัยมักปรับเปลี่ยนเราให้เข้ากับพระลักษณะของพระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์ในโลกนี้เสมอ
โรงเรียนแห่งนั้นมีชื่อว่า นาลิ กาลิ แปลว่า “การเรียนรู้อย่างชื่นบาน” ฤทธิ์เดชแห่งการเปลี่ยนแปลงของพระเจ้านำคุณไปสู่การเรียนรู้น้ำพระทัยของพระองค์อย่างชื่นบานอย่างไร
องค์ผู้สูงสุดผู้ทรงรักษา
เมื่อการรักษาเริ่มส่งผลให้อาการแพ้อาหารอย่างรุนแรงของสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวบรรเทาลง ฉันตื่นเต้นมากจนพูดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา ฉันจะบรรยายกระบวนการที่ซับซ้อนและสรรเสริญหมอผู้ออกแบบโปรแกรมการรักษา ในที่สุดก็มีเพื่อนบางคนแสดงความเห็นว่า “เราคิดว่าพระเจ้าควรได้รับเกียรติสำหรับทุกการรักษา” คำพูดของพวกเขาทำให้ฉันหยุด ฉันได้ละสายตาไปจากองค์ผู้สูงสุดผู้ทรงรักษาและทำให้การรักษานี้เป็นรูปเคารพของฉันไปแล้วหรือ
ชนชาติอิสราเอลก็ตกหลุมพรางที่คล้ายคลึงกันเมื่อพวกเขาเริ่มเผาเครื่องหอมให้แก่งูทองสัมฤทธิ์ที่พระเจ้าเคยใช้รักษาพวกเขา พวกเขานมัสการมาเช่นนี้จนเฮเซคียาห์เรียกมันว่าการบูชารูปเคารพและ “หักงูทองสัมฤทธิ์ซึ่งโมเสสสร้างขึ้นนั้นเสีย” (2 พกษ.18:4)
หลายศตวรรษก่อนหน้านั้น ฝูงงูพิษบุกค่ายของคนอิสราเอล และกัดคนตายเป็นจำนวนมาก (กดว.21:6) แม้ปัญหาจะเกิดจากการกบฏฝ่ายวิญญาณ แต่ประชาชนก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ด้วยพระเมตตา พระองค์จึงสั่งให้โมเสสทำงูทองสัมฤทธิ์ติดไว้กับเสาและตั้งไว้ให้ทุกคนมองเห็นได้ เมื่อประชาชนมองดูที่งูนั้น พวกเขาก็ได้รับการรักษา (ข้อ 4-9)
ลองคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าประทานให้คุณ มีสิ่งใดบ้างที่กลายมาเป็นสิ่งซึ่งคุณสรรเสริญแทนที่สิ่งนั้นจะเป็นหลักฐานถึงพระเมตตาและพระคุณของพระเจ้า มีเพียงพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ผู้ทรงประทานของดีทุกอย่าง (ยก.1:17)เท่านั้นที่สมควรจะได้รับการสรรเสริญ
เลือกถวายเกียรติแด่พระเจ้า
นิยายเรื่อง ครอบครัวแสนสุข โดยลีโอ ตอลสตอย ตัวละครหลักเซอร์เกและมาช่าพบกันตอนที่มาช่ายังเด็กและประทับใจอะไรได้ง่ายๆ เซอร์เกเป็นนักธุรกิจอายุมากกว่าที่เดินทางบ่อย เขาเข้าใจโลกซึ่งกว้างใหญ่กว่าชนบทที่มาช่าอยู่ เวลาผ่านไปทั้งสองตกหลุมรักและแต่งงานกัน
พวกเขาอาศัยอยู่ในชนบท แต่มาช่าเริ่มเบื่อสิ่งรอบตัว เซอร์เกผู้รักเธอมากจึงพาเธอไปเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่นั่นความสวยและมีเสน่ห์ของมาช่าทำให้เธอโด่งดังในทันที เมื่อทั้งคู่กำลังจะกลับบ้าน เจ้าชายเสด็จมาในเมืองและต้องการพบเธอ เซอร์เกรู้ว่าเขาบังคับเธอให้กลับไปกับเขาได้ แต่เขาให้เธอตัดสินใจเองเธอเลือกที่จะอยู่ต่อ และการทรยศของเธอทำให้เขาใจสลาย
เช่นเดียวกับเซอร์เก พระเจ้าจะไม่มีวันบังคับเราให้สัตย์ซื่อต่อพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์จึงให้เราเลือกว่าจะรับหรือต่อต้านพระองค์ การเลือกครั้งแรกของเราที่จะรับพระองค์คือเมื่อเราตอบรับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเรา (1 ยน.4:9-10) หลังจากนั้นเราก็มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเลือกไปชั่วชีวิต
เราจะเลือกสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าตามที่พระวิญญาณทรงนำหรือจะยอมให้โลกล่อลวงเรา ชีวิตของดาวิดไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ท่านมักเขียนถึงการเดินอยู่ใน “ทางของพระเจ้า” และผลดีเมื่อทำเช่นนั้น (สดด.18:21-24) เมื่อการเลือกของเราถวายเกียรติแด่พระเจ้า เราจะได้รับพระพรดังที่ดาวิดกล่าวไว้ คือ พระเจ้าทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อผู้ที่จงรักภักดี
ใหญ่กว่าปัญหาของเรา
คุณคิดว่าไดโนเสาร์หน้าตาเป็นอย่างไรตอนยังมีชีวิตอยู่ ฟันใหญ่ หนังเป็นเกล็ด หรือว่าหางยาว ศิลปินคาเรน คาร์ ได้สร้างสัตว์สูญพันธ์เหล่านี้ขึ้นใหม่บนจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ หนึ่งในภาพขนาดใหญ่ของเธอสูงเกินยี่สิบฟุตและยาวกว่าหกสิบฟุต เพราะขนาดของภาพจึงต้องใช้ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อติดตั้งในพื้นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแซมโนเบิลโอกลาโฮมา
เป็นการยากที่จะยืนอยู่หน้าภาพไดโนเสาร์ขนาดใหญ่นี้โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแคระ ฉันมีความรู้สึกคล้ายกันเมื่อได้อ่านคำอธิบายของพระเจ้าถึงสัตว์ทรงพลังที่ชื่อ “เบเฮโมท” (โยบ 40:15) สัตว์ใหญ่ตัวนี้กินหญ้าเหมือนวัวและมีหางใหญ่เท่าลำต้นของต้นไม้ กระดูกของมันเหมือนท่อเหล็ก มันเดินอุ้ยอ้ายเล็มหญ้าบนเนินเขา หยุดพักตรงหนองน้ำ เมื่อน้ำท่วมสูง เบเฮโมทไม่เคยตื่นตกใจ
ไม่มีใครสามารถทำให้สัตว์ที่น่าทึ่งตัวนี้เชื่องได้ ยกเว้นผู้สร้างมัน (ข้อ 19) พระเจ้าทรงเตือนโยบให้ระลึกถึงความจริงนี้เมื่อปัญหาทาบเงาร้ายเหนือชีวิตของท่าน ความโศกเศร้า สับสนและคับข้องใจบดบังวิสัยทัศน์ของท่านจนทำให้ตั้งคำถามกับพระเจ้า แต่คำตอบของพระเจ้าช่วยโยบให้เห็นขนาดที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ พระเจ้าทรงใหญ่กว่าปัญหาของท่านทั้งหมด และทรงฤทธานุภาพมากพอที่จะแก้ปัญหาที่โยบไม่สามารถแก้ได้ ท้ายที่สุดโยบยอมรับว่า “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้” (42:2)
เจริญเติบโตอีกครั้ง
เมื่อมีแสงอาทิตย์และน้ำเพียงพอ ดอกไม้ป่าหลากสีสันจะปกคลุมไปทั่วพื้นที่ต่างๆในแคลิฟอร์เนีย เช่น แอนทีโลปแวลลีย์และภูเขาฟิกูโรอา แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอกับความแห้งแล้ง นักวิทยาศาสตร์พบว่า ดอกไม้ป่าบางชนิดจะเก็บเมล็ดจำนวนมากไว้ใต้ดินแทนที่จะปล่อยให้มันโผล่ออกมาเหนือดินและเบ่งบาน หลังจากฤดูที่แห้งแล้งผ่านไป พวกมันจะใช้เมล็ดที่เก็บไว้เพื่อเจริญเติบโตขึ้น
อีกครั้ง
ชนอิสราเอลโบราณรุ่งเรืองในแผ่นดินอียิปต์แม้สภาพแวดล้อมจะโหดร้าย นายทาสบังคับให้พวกเขาทำงานในทุ่งและผลิตก้อนอิฐ ผู้ปกครองที่ไร้ความปรานีต้องการให้พวกเขาสร้างเมืองให้ฟาโรห์ กษัตริย์อียิปต์พยายามแม้กระทั่งสังหารเด็กทารกเพื่อลดจำนวนประชากร แต่เพราะพระเจ้าทรงค้ำจุนพวกเขา “ยิ่งถูกเบียดเบียนมากเท่าไร ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งแพร่หลายออกไป”(อพย.1:12) ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์หลายคนประเมินว่าประชากรอิสราเอลทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กมีจำนวนถึงสองล้านคน (หรือมากกว่านั้น) ในช่วงเวลาที่อยู่ในอียิปต์
พระเจ้าผู้ทรงคุ้มครองคนของพระองค์ในเวลานั้น ก็ยังทรงค้ำจุนเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน พระองค์ช่วยเราได้ในทุกสภาพแวดล้อม เราอาจกังวลว่าจะอยู่รอดผ่านอีกฤดูกาลได้อย่างไร แต่พระคัมภีร์ย้ำกับเราว่าพระเจ้าผู้ “ทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ” จะทรงเลี้ยงดูเราได้อย่างแน่นอน (มธ.6:30)
ดวงสว่าง
ฉันสามารถหลับตาและย้อนเวลากลับไปยังบ้านที่เคยเติบโตมา ฉันจำได้ว่าเคยนั่งดูดาวกับพ่อ เราผลัดกันส่องกล้องโทรทรรศน์ โดยพยายามจ้องไปที่จุดเรืองแสงซึ่งส่องเป็นประกายระยิบระยับ จุดเรืองแสงเล็กๆที่เกิดจากความร้อนและไฟเหล่านี้ช่างเจิดจ้าตัดกับท้องฟ้าที่มืดสนิท
คุณคิดว่าตัวเองเป็นดาวที่กำลังส่องสว่างอยู่หรือไม่ ฉันไม่ได้พูดถึงจุดสูงสุดแห่งความสำเร็จของมนุษย์ แต่เป็นการยืนหยัดต่อสู้กับความมืดที่นำความแตกแยกและความชั่วร้ายมา อัครทูตเปาโลบอกกับผู้เชื่อชาวฟีลิปปีว่า พระเจ้าจะส่องแสงเข้ามาในและผ่านชีวิตของพวกเขาเมื่อพวกเขา “ยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต” และหลีกเลี่ยงการบ่นว่าและการโต้เถียงกัน (ฟป.2:14-16)
ความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรากับผู้เชื่อคนอื่นและความสัตย์ซื่อของเราต่อพระเจ้าทำให้เราแตกต่างจากโลก ปัญหาคือสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เราต้องต่อสู้ดิ้นรนตลอดเวลาเพื่อเอาชนะการทดลองและรักษาความสัมพันธ์ที่ติดสนิทกับพระเจ้า รวมทั้งต้องปล้ำสู้กับความเห็นแก่ตัวเพื่อจะมีความสามัคคีกับพี่น้องร่วมความเชื่อ
แต่ถึงกระนั้นเรายังมีหวัง พระวิญญาณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่ในผู้เชื่อแต่ละคนจะประทานให้เรามีกำลังในการควบคุมตนเอง มีใจเมตตา และสัตย์ซื่อ (กท.5:22-23) เช่นเดียวกับที่ทรงเรียกเราให้ดำเนินชีวิตที่เกินขีดความสามารถตามธรรมชาติ โดยความช่วยเหลือที่เหนือธรรมชาติของพระเจ้าทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ (ฟป.2:13) หากผู้เชื่อทุกคนกลายเป็น “ดวงสว่าง” โดยอาศัยอำนาจของพระวิญญาณ ลองนึกดูสิว่า แสงสว่างของพระเจ้าจะขับไล่ความมืดรอบตัวเราออกไปได้อย่างไร!
แผนการที่ไม่สมบูรณ์แบบ
ขณะที่ฉันกำลังสำรวจดูห้องสมุดชั้นล่างสุดของศูนย์ชุมชนแห่งใหม่ จู่ๆก็เกิดแรงกระแทกที่ทำให้ห้องสะเทือน สักพักก็เกิดขึ้นอีก ในที่สุดบรรณารักษ์ซึ่งไม่สบายใจก็อธิบายว่าเหนือห้องสมุดเป็นที่สำหรับยกน้ำหนัก และจะเกิดเสียงดังทุกครั้งที่มีคนวางที่ยกน้ำหนักลง สถาปนิกและนักออกแบบได้วางแผนส่วนต่างๆของอาคารที่ทันสมัยแห่งนี้เป็นอย่างดี แต่ยังมีคนลืมจัดที่ตั้งห้องสมุดให้อยู่ห่างจากกิจกรรมเหล่านี้
แผนการในชีวิตของเราก็มักมีข้อผิดพลาดเช่นกัน เรามองข้ามข้อควรพิจารณาที่สำคัญ แผนการของเราอาจไม่ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุหรือเรื่องที่ไม่คาดคิด แม้การวางแผนจะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ เวลาที่จำกัด และปัญหาสุขภาพ แต่กลวิธีที่รอบคอบที่สุดก็ไม่สามารถขจัดปัญหาทุกอย่างออกจากชีวิตได้ เราอยู่ในโลกยุคหลังสวนเอเดน
ด้วยการทรงช่วยเหลือของพระเจ้า เราจะพบสมดุลระหว่างการคิดถึงอนาคตอย่างรอบคอบ (สภษ.6:6-8) และการตอบสนองต่อความยากลำบาก พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สำหรับปัญหาที่ทรงอนุญาตให้เกิดในชีวิตของเรา พระองค์อาจใช้สิ่งนั้นพัฒนาความอดทน เพิ่มพูนความเชื่อ หรือเพียงเพื่อนำเราเข้าใกล้พระองค์ พระคัมภีร์เตือนเราว่า “ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละจะดำรงอยู่ได้” (สภษ.19:21) เมื่อเรายอมมอบเป้าหมายและความหวังในอนาคตไว้กับพระเยซู พระองค์จะทรงสำแดงว่าพระองค์ต้องการให้สิ่งใดสำเร็จภายในเราและผ่านชีวิตของเรา